ตลาดบ้านหรูภูเก็ตรุ่งโครงการใหม่แห่เปิด

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตลาดบ้านหรูระดับบนในภูเก็ต ยังได้รับความนิยมจากต่างชาติ ทำให้การลงทุนเปิดโครงการใหม่ๆ ยังมีต่อเนื่อง แม้บางช่วงอาจชะลอตัวบ้างจากที่กลุ่มลูกค้าหลัก ที่รีรอการเลือกตั้ง และ กม.การถือครองที่ดินของต่างชาติคลอด ขณะที่เจ้าของโครงการหันทำตลาด ด้วยการให้เช่าระยะยาว 30 ปี แทน คาดเลือกตั้งเสร็จกฎหมายคลอด บ้านหรูระดับบนในภูเก็ตจะกลับมาบูมอีกครั้ง


ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ตเติบโตไม่หยุด โดยเฉพาะบ้านหรู คอนโดมิเนียมหรู สำหรับให้ชาวต่างชาติเช่าในระยะยาว ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าการลงทุนและการขายจะชะลอไปบ้างเล็กน้อย จากความไม่ชัดเจนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการถือครองอสังหาริมทรัพย์และที่ดินของคนต่างชาติ ซึ่งจะเห็นได้จากโครงการต่างๆ ที่เปิดโครงการไปแล้วมีการเปิดเฟสใหม่เพิ่มเติม และการเปิดโครงการใหม่ๆ

รอยัลภูเก็ตมารีนาเปิดคอนโดฯหรูเฟส 2

นางสาววิไลพร ปิติมานะอารี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด โครงการ “รอยัล ภูเก็ต มารีนา” โครงการมารีนาหรูพร้อมที่อยู่อาศัย ซึ่งตั้งอยู่ที่ ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต บนเนื้อที่ 190 ไร่ เปิดเผยว่า รอยัล ภูเก็ต มารีนาได้เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมเฟส 2 อีก ภายหลังจากที่ได้ปิดการขายในโครงการแรกไปทั้งหมดแล้ว ทั้งคอนโดมิเนียม และเพนต์เฮาส์ 66 ยูนิต พร้อมมารีนาสำหรับจอดเรือทั้งที่เป็นเรือยอชต์และเรืออื่นๆ สามารถรองรับเรือได้ 60-80 ลำ ราคายูนิตละ 14-38 ล้านบาท และวิลลาหรูริมทะเลจำนวน 9 หลัง ราคาอยู่ที่ 3.8-6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

เฟสที่ 2 นั้นเน้นการลงทุนที่เป็นที่อยู่อาศัย มีทั้งหมด 2 ตึก เป็นตึก 4 ชั้น มีทั้งหมด 30 ห้อง ที่มีทั้งคอนโดมิเนียมและอควาเรียม โดยที่พักอาศัยในเฟสนี้จะเน้นความสะดวกสบายให้แก่นักล่องเรือมากขึ้น โดยชั้นแรกจะเป็นที่จอดเรือส่วนตัวสำหรับผู้ที่ซื้ออความิเนียมในชั้นที่ 4 พร้อมสระว่ายน้ำและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างครบครัน ซึ่งอความิเนียมนี้ราคาจะอยู่ที่ยูนิตละ 65 ล้านบาท ส่วนชั้นที่ 2-3 จะเป็นคอนโดมิเนียมราคา 20 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีวิลล่าอีก 9 หลัง ราคาหลังละ 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯขึ้นไป ทำให้มูลค่าการลงทุนในเฟสที่ 2 นี้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท

ผอ.ฝ่ายการตลาด เผยต่อว่า จากการที่ทางโครงการได้นำการพัฒนาที่อยู่อาศัยในเฟส 2 ไปทำตลาดในฮ่องกงเมื่อเร็วๆนี้ ปรากฏว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากชาวยุโรปที่เข้ามาลงทุนและทำธุรกิจในฮ่องกงมาก อความิเนียมสามารถที่จะขายได้หลายยูนิต ซึ่งแสดงให้เห็นว่าที่อยู่อาศัยในมารีนาในภูเก็ตยังเป็นที่ต้องการของชาวต่างชาติอยู่เสมอ และขณะนี้การก่อสร้างในเฟสที่ 2 ได้เริ่มแล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในระยะเวลา 1 ปีจากนี้

บ้านร่มไม้ลงทุนต่ออีก 750 ล้าน

ด้านนายชัยสิทธิ์ ฮวดศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บ้านร่มไม้ ชายเล จำกัด เจ้าของโครงการร่มไม้ชายเล ตั้งอยู่บนเนินเขาแลเล บ้านกู้กู ต.รัษฏา อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งเป็นบ้านระดับพรีเมียม เปิดเผยว่า ภายหลังจากโครงการบ้านร่มไม้ชายเล เฟสแรกได้เปิดการขายมาตั้งแต่ปี 2546 และได้ปิดการขายไปเมื่อปลายปี 2549 จำนวน 32 หลัง โดยแบ่งเป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียวราคา 7-14 ล้านบาท บ้านเดี่ยวสองชั้น ราคา 15-20 ล้านบาทและบ้านที่มีเนื้อที่ 100-150 ตารางเมตร บริษัทจึงได้เปิดขายเฟส 2 ภายใต้ โครงการบ้านร่มไม้ "ซอฟเวอร์เรน ไฮท์"ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาเดียวกับเฟสแรกบนเนื้อที่ 12 ไร่ มูลค่ากว่า 750 ล้านบาท

บ้านร่มไม้ชายเล “ซอฟเวอร์เรน ไฮท์” ประกอบด้วยบ้านเดี่ยว 32 หลัง มีแบบบ้านให้เลือกทั้งหมด 9 แบบ พร้อมคลับเฮาส์ที่ให้บริการแบบครบครัน ราคาเริ่มต้นที่ 17 ล้านบาทจนถึง 38 ล้านบาท โดยบ้านแต่ละหลังมีดีไซน์แบบทรอปิคอลร่วมสมัย ตั้งอยู่ใจกลางแมกไม้สีเขียวที่ให้ความร่มรื่นพร้อมมองเห็นวิวทะเลทางด้านทิศตะวันออกของภูเก็ต ที่ดินของบ้านแต่ละหลังมีให้เลือกตั้งแต่ 440 ตารางเมตรจนถึง 980 ตารางเมตร และพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านมีให้เลือกตั้งแต่ 290 ตารางเมตร จนถึง กว่า 400 ตารางเมตร

เดอะยามูเฟสแรกขายเกลี้ยง

ขณะที่ นายเอียน ไมเคิล ชาร์ล เฮนรี่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท Campbell Kane Thailand จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้โครงการ “เดอะยามู” ตั้งอยู่ที่บริเวณแหลมยามู หมู่ที่ 7 ต. ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต กล่าว ว่า ปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาในพื้นที่ ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต จำนวน 3 โครงการบนพื้นที่ 220 ไร่ ประกอบด้วย โครงการ "เคปยามู" เป็นบ้านพักตากอากาศหรูจำนวน 32 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 2,500 ล้านบาท ขณะนี้ขายหมดแล้ว โดยกลุ่มลูกค้าเป็นชาวต่างชาติมีทั้งยุโรปและเอเชีย

โครงการที่ 2 คือ “เดอะยามู” ซึ่งถือเป็นโครงการที่ใหญ่ที่สุดใน 3 โครงการที่กำลังดำเนินการ ประกอบด้วย โรงแรมหรูจำนวน 63 ห้อง เป็นห้องเดอะลักซ์ทั้งหมด และในจำนวนดังกล่าว จะมีห้องสวีต 2 ห้อง ซึ่งจะมีสระว่ายน้ำในตัว โดยหนึ่งใน 2 ห้องสวีตจะมีห้องอัดเสียงระดับมาตรฐานเดียวกับ Setai ของไมอามี

สิ่งที่พิเศษสุดและแตกต่างจากโรงแรมทั่วไป คือ จะมีวิลลาอยู่ภายในโครงการโรงแรมดังกล่าวด้วย โดยใช้ชื่อว่า “เดอะยามูคลับวิลลา” มีจำนวน 16 หลัง เป็นวิลลา มีขนาด 1-2 ห้องนอน ตั้งอยู่รายรอบโรงแรม “เดอะยามู” ซึ่งทุกหลังจะมีห้องน้ำส่วนตัว และจะได้รับการอำนวยความสะดวกที่พิเศษที่สุด ไม่ว่าจะเป็นบัตเลอร์หรือผู้ให้บริการส่วนตัว สามารถเรียกใช้ได้ตลอด 24 ชั่วโมง มีรถหรูรับส่งไปยังสถานที่ต่างๆ มีราคาจำหน่ายตั้งแต่ 1.75 ล้านเหรียญสหรัฐฯถึง 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งการลงทุนทั้งในส่วนของโรงแรม “เดอะยามู” และ “เดอะยามูคลับวิลลา” รวมประมาณ 3,500 ล้านบาท

สำหรับโครงการที่ 3 “เดอะยามูวิลลาเอสเตท” เป็นบ้านพักอาศัยระดับหรูมีขนาด 4 ห้องนอน มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 1,600 ตารางเมตร โดยมีพื้นที่รวมระหว่าง 3,000-7,000 ตารางเมตร ซึ่งในพื้นที่ 1 แปลง ประกอบด้วย บ้าน 4 หลัง โดยหลังใหญ่ของเจ้าของบ้าน 1 หลัง และยังมีหลังเล็กๆ อีก 3 หลังสำหรับแขกของเจ้าของบ้านที่จะมาพักด้วย มีสระว่ายน้ำทุกหลัง และสามารถมองเห็นทัศนียภาพของอ่าวพังงาได้ทุกหลังเช่นกัน มีราคาจำหน่าย 4.25 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ถึง 8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ในส่วนของโครงการดังกล่าว ยังไม่มีการกำหนดจำนวนและมูลค่าการลงทุน โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายนั้นก็จะเป็นชาวต่างชาติทั้งเอเชียและยุโรปที่มีกำลังซื้อสูง ทั้งนี้ คาดว่า การดำเนินการทุกตลอย่างจะเสร็จสมบูรณ์ และเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี 2008

ตลาดสะดุดเล็กน้อย-แต่ยังลงทุนต่อ

ด้าน นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช รองประธานชมรมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต กล่าวถึงตลาดบ้านหรูระดับบนในภูเก็ต ว่า ตลาดบ้านหรูในภูเก็ตชะลอไปบ้างเล็กน้อย จากความไม่ชัดเจนของกฎหมายที่เกี่ยวกับการถือครองอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งคาดว่าหลังการเลือกตั้งไปแล้วกฎหมายจะมีความชัดเจนมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในขณะนี้จะยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องของกฎหมาย แต่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นบ้านระดับบนในภูเก็ตก็สามารถที่จะทำตลาดได้อยู่ จากความต้องการของตลาดชาวต่างชาติที่ยังมีอยู่สูงที่ต้องการมีบ้านหรูที่ภูเก็ตเป็นบ้านพักตากอากาศ ทำให้ผู้ประกอบการต้องทำตลาดในลักษณะของการให้เช่าระยะยาว 30 ปี

นายธนูศักดิ์ ยังกล่าวถึงการลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตที่เป็นบ้านหรูว่า ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องที่เป็นโครงการที่ได้มีการลงทุนไปแล้วก็มีการก่อสร้างและทำตลาดต่อเนื่อง ส่วนการลงทุนใหม่นั้นอาจจะชะลอไปบ้างจากความไม่ชัดเจนของกฎหมาย