ระนอง- “อธิบดีกรมศุลกากร” เปิดท่าเทียบเรือ-อาคารประภาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา สูงที่สุดในประเทศไทย ที่ จ.ระนอง หลังทุ่มงบดำเนินการก่อสร้างร่วม 85 ล้านบาท หนุนการค้า-ท่องเที่ยว ตามแนวชายแดน 2 ประเทศ
วันนี้ (24 ส.ค.) นายชวลิต เศรษฐเมธีกุล อธิบดีกรมศุลกากร นางกาญจนาภา กี่หมัน ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง และ พล.ร.ท.สุพจน์ พฤกษา ผู้บัญชาการกองเรือภาคที่ 3 กองเรือยุทธการ ร่วมกันเป็นประธานในพิธีเปิดท่าเทียบเรือศุลกากรระนอง และอาคารประภาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา บริเวณบ้านเขานางหงส์ หมู่ที่ 5 ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระนอง
ทั้งนี้ เพื่อใช้เป็นศูนย์จอดเรือ และส่งกำลังบำรุงเรือตรวจการณ์ ของกรมศุลกากรทางด้านทะเลอันดามัน รวมทั้งเป็นเป็นท่าเทียบเรือ เพื่อการท่องเที่ยว และการค้าชายแดนจังหวัดระนองด้วย โดยมี นายอูเอ มิน ลวิน ผู้ว่าราชการจังหวัดเกาะสอง ประธานหน่วยประสานงานส่วนท้องถิ่นพม่า-ไทย และหัวหน้าศุลกากรจังหวัดเกาะสอง ประเทศพม่า ร่วมพิธีด้วย พร้อมทั้งได้ร่วมกับอธิบดีกรมศุลกากร ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง ผู้บัญชาการกองเรือภาคที่ 3 กองเรือยุทธการ มอบทุนการศึกษาให้แก่เด็กนักเรียน โรงเรียนบ้านเขานางหงส์และโรงเรียนบ้านปากน้ำ จำนวน 80 ทุน ด้วย
อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า พื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามัน จังหวัดระนอง เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจ และการค้าของประเทศ มีศักยภาพในการขยายขีดความสามารถทางด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว ทั้งทางบก และทางทะเล กรมศุลกากรจึงได้สนับสนุนงบประมาณในการก่อสร้างท่าเทียบเรือ และอาคารประภาคาร จำนวน 85,000,000 บาท ตั้งแต่ปี 2545
ในส่วนของท่าเทียบเรือ มีความยาวของสะพาน 344 เมตร กว้าง 10 เมตร เพื่อใช้ประโยชน์ สำหรับเป็นสถานที่จอดเรือตรวจการณ์ของหน่วยงานราชการต่างๆ อีกทั้งเป็นการเพิ่มศักยภาพทางด้านการค้าชายแดนระหว่างจังหวัดระนอง กับจังหวัดเกาะสอง นอกจากนี้ ยังเป็นการใช้ประโยชน์ในการพัฒนา และส่งเสริมการท่องเที่ยวทางทะเลของจังหวัดระนองด้วย
ส่วนปลายท่าได้ก่อสร้างประภาคารมีความสูง 48.5 เมตร หรือ 9 ชั้น ถือว่า เป็นประภาคารที่สูงที่สุดในประเทศไทยด้วย เพื่อร่วมเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม 2550
ทั้งนี้ ได้รับพระราชทานชื่อว่า ประภาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ส่วนที่มีการออกแบบเป็นอาคาร 8 เหลี่ยมนั้น เป็นตัวเลขที่สื่อความหมายถึงปีมหามงคลนั้นเอง ซึ่งบนชั้น 9 ที่ใช้สำหรับชมวิวนั้น จุคนได้ประมาณ 50 คน สามารถเดินวนได้รอบ 360 องศา มีลิฟต์ไว้ให้บริการหนึ่งตัว
ส่วนคนที่กลัวความสูง สามารถขึ้นไปชมวิวที่ชั้น 2 ซึ่งสามารถชมทิวทัศน์ที่สวยงามของทะเลอันดามัน ทั้งในฝั่งของไทย และฝั่งประเทศพม่า เป็นปลายสุดของแม่น้ำกระบุรีที่กั้นเขตแดนระหว่างไทย กับพม่า ก่อนไหลออกสู่ทะเลอันดามัน ส่วนที่อยู่บนสุดของอาคารเป็นที่ตั้งของสัญญาณไฟประภาคาร ใช้ประโยชน์สำหรับการเดินเรือในเวลากลางคืน
ด้าน นางกาญจนาภา กี่หมัน ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวว่า ท่าเทียบเรือ และประภาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 นอกจากจะช่วยส่งเสริมการค้าชายแดนไทย-พม่าแล้ว ยังเป็นการส่งเสริม และพัฒนาการท่องเที่ยวของจังหวัดระนอง และเชื่อมโยงไปถึงจังหวัดเกาะสอง ของประเทศพม่าด้วย โดยเฉพาะประภาคารซึ่งมีความสูงที่สุดในประเทศ และมีความสวยงามเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่า เป็นสัญลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดระนองแห่งใหม่ด้วย