xs
xsm
sm
md
lg

คนพื้นที่ “สีแดง” 3 จว.ชายแดนใต้ “ต้องการสันติสุข” โหวตรับร่าง รธน.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวหาดใหญ่…รายงาน

“พื้นที่สีแดง” ตามความหมายภายหลังการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 2550 คือ พื้นที่ที่มีเปอร์เซ็นต์การลงคะแนน “ไม่เห็นชอบ” กับร่างรัฐธรรมนูญมากกว่าผู้ที่ลงคะแนน “เห็นชอบ” กับร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งก็คือ พื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อันเป็นฐานเสียงสำคัญของอดีต “พรรคไทยรักไทย” หรือที่มารวมกันใหม่ในนาม “พรรคพลังประชาชน” ซึ่งมีการรณรงค์ให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวลงคะแนนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ท่ามกลางกระแสข่าวว่า มีการใช้เงินซื้อเสียงในส่วนนี้ด้วย

โดยผลที่ปรากฏออกมาหลังการลงประชามติ ทำให้ภาพของพื้นที่ภาคเหนือบางจังหวัด และภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ปรากฏในแผนที่ประเทศไทย กลายเป็นพื้นที่ “สีแดง” แตกต่างกับพื้นที่อื่นๆ ในแผนที่ประเทศไทย ที่เป็นพื้นที่ “สีเขียว” หมายถึงการ “เห็นชอบ” กับร่างรัฐธรรมนูญมากกว่า “ไม่เห็นชอบ” โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ที่มีประชาชนลงคะแนนเห็นชอบถึงร้อยละ 88.36

โดยเฉพาะในพื้นที่ “สีแดง” ตามความหมายของหน่วยงานด้านความมั่นคง ซึ่งครอบคลุม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และอีก 4 อำเภอของ จ.สงขลา คือ อ.จะนะ เทพา นาทวี และสะบ้าย้อย ที่แม้จะเป็นพื้นที่ “สีแดง” มีการก่อการความไม่สงบไม่เว้นแต่ละวัน แต่ประชาชนส่วนใหญ่ก็ยังสละเวลามาลงประชามติ ซึ่งส่วนใหญ่ “เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญ”

จากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พบว่า จ.ปัตตานี มีประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงลงประชามติทั้งหมด 401,710 คน มีมาใช้สิทธิทั้งสิ้น (รวมพื้นที่นอกเขตจังหวัด) 220,630 คน คิดเป็นร้อยละ 55.51 ผลการลงประชามติทั้งจังหวัด พบว่า ชาวปัตตานีร้อยละ 72.2 ลงมติเห็นชอบรับร่างรัฐธรรมนูญ ขณะที่ร้อยละ 21.7 ไม่เห็นชอบ

โดยเฉพาะในอำเภอที่ถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่ “สีแดง” เช่น “โคกโพธิ์” ผู้มีสิทธิ 43,881 คน มาใช้สิทธิ 27,514 คน คิดเป็นร้อยละ 62.7 ลงคะแนนเห็นชอบร้อยละ 85.8 ไม่เห็นชอบ 14.2 “ยะหริ่ง” ผู้มีสิทธิ 49,661 คน มาใช้สิทธิ 25,247 คน คิดเป็นร้อยละ 61.9 เห็นชอบร้อยละ 77.7 ไม่เห็นชอบร้อยละ 22.3 “ไม้แก่น” ผู้มีสิทธิ 7,323 คน มาใช้สิทธิ 4,879 คน คิดเป็นร้อยละ 63.9 เห็นชอบร้อยละ 75.8 ไม่เห็นชอบร้อยละ 24.4

พื้นที่ จ.นราธิวาส ผู้มีสิทธิทั้งหมด 449,167 คน มาใช้สิทธิ 256,331 คน คิดเป็นร้อยละ 57.07 ผลลงประชามติทั้งจังหวัดพบว่าชาวนราธิวาสร้อยละ 76.97 เห็นชอบ ขณะที่ร้อยละ 23.03 ไม่เห็นชอบ

ส่วนพื้นที่ “สีแดง” อย่างอำเภอ “ศรีสาคร” ผู้มีสิทธิ 19,299 คน มาใช้สิทธิ 12,790 คน คิดเป็นร้อยละ 66.27 เห็นชอบร้อยละ 71.62 ไม่เห็นชอบร้อยละ 28.38 “สุคิริน” ผู้มีสิทธิ 14,533 คน มาใช้สิทธิ 9,439 คน คิดเป็นร้อยละ 64.86 เห็นชอบร้อยละ 81.47 ไม่เห็นชอบร้อยละ 18.53 และ “ยี่งอ” ผู้มีสิทธิ 27,243 คน มาใช้สิทธิ 16,920 คน คิดเป็นร้อยละ 62.11 เห็นชอบร้อยละ 77.42 ไม่เห็นชอบร้อยละ 22.58

สำหรับพื้นที่ จ.ยะลา ผู้มีสิทธิทั้งหมด 294.671 คน มาใช้สิทธิ 170,277 คน คิดเป็นร้อยละ 57.79 พบว่า ประชาชนเห็นชอบ 118,511 เสียง คิดเป็นร้อยละ 69.60 ไม่เห็นชอบ 42,539 เสียง คิดเป็นร้อยละ 24.98 ในพื้นที่ “สีแดง” อย่างอำเภอ “รามัน” พบประชาชนเห็นชอบ 19,175 เสียง ไม่เห็นชอบ 10,390 เสียง จากผู้มาใช้สิทธิคิดเป็นร้อยละ 60.41 “บันนังสตา” เห็นชอบ 4,246 ไม่เห็นชอบ 3,176 เสียง จากผู้มาใช้สิทธิคิดเป็นร้อยละ 50.17 และ “กรงปินัง” เห็นชอบ 4,246 เสียง ไม่เห็นชอบ 3,176 เสียง จากผู้มาใช้สิทธิคิดเป็นร้อยละ 63.11

ส่วนพื้นที่ “สีแดง” 4 อำเภอของ จ.สงขลา คือ “จะนะ” ผู้มีสิทธิ 65,756 คน มาใช้สิทธิ 45,081 คน คิดเป็นร้อยละ 68.56 เห็นชอบร้อยละ 87.57 ไม่เห็นชอบร้อยละ 12.43 “เทพา” ผู้มีสิทธิ 44,607 คน มาใช้สิทธิ 29,573 คน คิดเป็นร้อยละ 66.30 เห็นชอบร้อยละ 90.16 ไม่เห็นชอบร้อยละ 09.64 “นาทวี” ผู้มีสิทธิ 41,353 คน มาใช้สิทธิ 29,110 คน คิดเป็นร้อยละ 70.30 คน เห็นชอบร้อยละ 90.29 ไม่เห็นชอบร้อยละ 09.71 และ “สะบ้าย้อย” ผู้มีสิทธิ 40,994 คน มาใช้สิทธิ 27,162 คน คิดเป็นร้อยละ 66.28 เห็นชอบ 85.15 ไม่เห็นชอบร้อยละ 14.85 รวมทั้ง จ.สงขลา ประชาชนเห็นชอบร้อยละ 91.04 ไม่เห็นชอบร้อยละ 08.06

จากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความกระตือรือร้นของประชาชนในพื้นที่เป้าหมายของกลุ่มก่อความไม่สงบ ที่พากันออกมาใช้สิทธิลงประชามติ แม้จะมีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นรายวันก็ตาม แม้คนที่ลงคะแนนเสียงส่วนหนึ่งเป็นกำลังทหารที่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ แต่ก็ถือเป็นส่วนน้อย และแม้ประชาชนส่วนหนึ่งจะเป็นฐานคะแนนเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ชูจุดยืนรับร่างรัฐธรรมนูญ

แต่อีกเหตุผลสำคัญที่ประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ออกมาใช้สิทธิ และรับร่างรัฐธรรมนูญครั้งประวัติศาสตร์นี้ คือ ปัญหาการก่อความไม่สงบที่ส่งผลกระทบอย่างหนักหน่วงต่อคนในพื้นที่ ซึ่งพวกเขาต่างคาดหวังให้มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเข้ามาแก้ปัญหาให้ลุล่วงไปโดยเร็ว ภายหลังจากที่รัฐบาลทักษิณ ซึ่งถูกตราหน้าว่าเป็นผู้จุดไฟใต้ขึ้น ได้ถูกโค่นล้มลงโดยคณะรัฐประหาร ซึ่งกุมอำนาจบริหารประเทศอยู่ในขณะนี้

นายแวอุมา แวดอเลาะ ประธานชมรมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน อ.เมืองปัตตานี กำนันรางวัลแหนบทองคำ ประจำปี 2550 ดูแล ต.ตันหยงลุโละ พื้นที่มัสยิดกรือเซะ ระบุว่า ที่ผ่านมา ประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีความตื่นตัวในการออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งในทุกระดับเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกัน ปัญหาการก่อความไม่สงบในพื้นที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประชาชนในพื้นที่ต่างต้องการรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งให้เข้ามาแก้ปัญหาโดยเร็วที่สุด จึงมีประชาชนออกมาใช้สิทธิกันจำนวนมาก แม้จะเสี่ยงต่อการถูกทำร้ายจากกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบก็ตาม และที่สำคัญ คือ การลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้ นับเป็นประวัติศาสตร์ครั้งแรกของประเทศ ชาวบ้านจึงอยากมีส่วนร่วมในประวัติศาสตร์ครั้งนี้

นายนิพนธิ์ บุญญามณี 1 ในแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะ ผอ.ศอ.บต.ปชป. กล่าวถึงประเด็นนี้ ว่า แม้ว่าในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ และกลุ่มอำนาจเก่าส่วนหนึ่งที่พยายามปลุกกระแสให้ประชาชนลงคะแนนไม่เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญ แต่ประชาชนในพื้นที่กลับไม่ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มดังกล่าว เนื่องจากคนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีความตื่นตัวทางการเมืองสูง และเข้าใจสถานการณ์ทางการเมืองเป็นอย่างดี

“คนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ส่วนใหญ่ต้องการให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว เพื่อให้มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเข้ามาแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ ความจริงรัฐบาลชุดนี้ก็แก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพแล้วในระดับหนึ่ง แต่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะทำให้ประชาชนมีตัวแทนที่ชัดเจน และสามารถเข้ามาเติมเต็มการแก้ปัญหาได้ดีกว่ารัฐบาลที่มาจากการทำรัฐประหาร โดยเฉพาะในเรื่องของความขาดแคลนด้านต่างๆ ตรงนี้เป็นความหวังของคนในพื้นที่” นายนิพนธ์ กล่าว

การลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 2550 วันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ซึ่งเป็นเขตเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อความไม่สงบ แม้ประชาชนส่วนหนึ่งจะมีมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่ แต่นั่นก็ถือเป็นส่วนน้อยเมื่อเทียบกับมติของประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่ที่เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อต้องการให้ประเทศเข้าสู่การเลือกตั้งทั่วไปตามระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

เป็นมติที่คนส่วนใหญ่สะท้อนออกมาว่า ต้องการให้รัฐบาลประชาธิปไตย เข้ามาจัดการแก้ไขปัญหาการก่อความไม่สงบ ลบภาพการเป็น “พื้นที่สีแดง” ที่มีการก่อเหตุร้ายถี่กว่าที่อื่นให้กลายเป็น “พื้นที่สีเขียว” พื้นที่ที่ปราศจากเหตุร้ายให้ได้โดยเร็วที่สุด เป็นการโหวตเพื่อหวังจะเห็นความสงบสุขเกิดขึ้นในพื้นที่โดยเร็ว

หากตัดประเด็นเรื่องเนื้อหาและที่มาของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ออกไปมองอีกมุมหนึ่งอาจคิดไปได้ว่ามติของคนชายแดนใต้ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าคนส่วนใหญ่ต้องการให้เกิดสันติสุขโดยเร็ว ในขณะที่คนส่วนน้อยเท่านั้นที่ยังต้องการให้บ้านเมืองอยู่ในภาวะอึมครึมแบบนี้ต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น