ศูนย์ข่าวภูเก็ต - “เดอะยามู” เดินหน้าพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์บนเกาะภูเก็ต ทุ่มเงินกว่า 7,000 ล้านบาท สร้างบ้านพักตากอากาศหรู ขายต่างชาติ พร้อมโรงแรมและมารีนาเรือยอชต์ คุย บ้านหรู 32 ยูนิต ขายเกลี้ยงแล้ว ขณะที่โรงแรมและมารีนาอยู่ระหว่างดำเนินการ คาดลงมือสร้างได้ในเร็วๆ นี้
นายเอียน ไมเคิล ชาร์ล เฮนรี่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท Campbell Kane Thailand จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้โครงการ “เดอะยามู” ตั้งอยู่ที่บริเวณแหลมยามู หมู่ที่ 7 ต. ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต กล่าวถึงการพัฒนาและการเข้ามาลงทุนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ว่า ปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาในพื้นที่ ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต จำนวน 3 โครงการบนพื้นที่ 220 ไร่
ประกอบด้วย โครงการ “เคปยามู” เป็นลักษณะของบ้านพักตากอากาศหรูจำนวน 32 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 2,500 ล้านบาท ขณะนี้ขายหมดแล้ว โดยกลุ่มลูกค้าเป็นชาวต่างชาติมีทั้งยุโรปและเอเชีย
โครงการที่ 2 คือ “เดอะยามู” ซึ่งถือเป็นโครงการที่ใหญ่ที่สุดใน 3 โครงการที่กำลังดำเนินการ ประกอบด้วย โรงแรมหรูจำนวน 63 ห้อง เป็นห้องเดอลักซ์ทั้งหมด และในจำนวนดังกล่าว จะมีห้องสวีต 2 ห้อง ซึ่งจะมีสระว่ายน้ำในตัว โดยหนึ่งใน 2 ห้องสวีตจะมีห้องอัดเสียงระดับมาตรฐานเดียวกับ Setai ของไมอามี่
นอกจากนี้ ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นห้องช็อกโกแลต ซึ่งจะเป็นที่รวบรวมช็อกโกแลต ระดับพรีเมียม และไอศกรีม รวมทั้งขนมหวานอื่นๆ มาไว้ที่นี่ มีห้องซิการ์ซึ่งรวบรวมซิการ์จากทั่วโลกมาจำหน่าย ห้องไปรเวตคิตเช่น สำหรับการจัดงานเลี้ยงแบบส่วนตัว และบูติกรูม ซึ่งจะจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมทั้งเสื้อผ้าและสิ่งของต่างๆ จากทั่วโลก จุดเด่นอีกประกาศ คือ มีสระว่ายน้ำสีแดงมีความยาว 100 เมตร
สิ่งที่พิเศษสุดและแตกต่างจากโรงแรมทั่วไป คือ จะมีวิลล่าอยู่ภายในโครงการโรงแรมดังกล่าวด้วย โดยใช้ชื่อว่า “เดอะยามูคลับวิลลา” มีจำนวน 16 หลัง เป็นวิลล่า มีขนาด 1-2 ห้องนอน ตั้งอยู่รายรอบโรงแรม “เดอะยามู” ซึ่งทุกหลังจะมีห้องน้ำส่วนตัว และจะได้รับการอำนวยความสะดวกที่พิเศษที่สุด ไม่ว่าจะเป็นบัตเลอร์หรือผู้ให้บริการส่วนตัว สามารถเรียกใช้ได้ตลอด 24 ชั่วโมง มีรถหรูรับส่งไปยังสถานที่ต่างๆ มีราคาจำหน่ายตั้งแต่ 1.75 ล้านเหรียญสหรัฐฯถึง 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งการลงทุนทั้งในส่วนของโรงแรม “เดอะยามู” และ “เดอะยามูคลับวิลล่า” รวมประมาณ 3,500 ล้านบาท
สำหรับโครงการที่ 3 “เดอะยามูวิลล่าเอสเตท” เป็นบ้านพักอาศัยระดับหรูมีขนาด 4 ห้องนอน มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 1,600 ตารางเมตร โดยมีพื้นที่รวมระหว่าง 3,000-7,000 ตารางเมตร ซึ่งในพื้นที่ 1 แปลง ประกอบด้วย บ้าน 4 หลัง โดยหลังใหญ่ของเจ้าของบ้าน 1 หลัง และยังมีหลังเล็กๆ อีก 3 หลังสำหรับแขกของเจ้าของบ้านที่จะมาพักด้วย มีสระว่ายน้ำทุกหลัง และสามารถมองเห็นทัศนียภาพของอ่าวพังงาได้ทุกหลังเช่นกัน มีราคาจำหน่าย 4.25 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ถึง 8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยในส่วนของโครงการดังกล่าว ยังไม่มีการกำหนดจำนวนและมูลค่าการลงทุน
นายเอียน กล่าวต่อไปว่า การพัฒนาดังกล่าวได้รับการออกแบบจากสถาปนิกที่มีชื่อเสียงระดับโลกทั้งภายนอกและภายในอาคาร ที่มีความทันสมัย แต่คงความเป็นไทยและธรรมชาติไว้ โดยเน้นการให้บริการระดับมาตรฐานสากล เพื่อให้ “เดอะยามู” เป็นจุดหมายปลายทางที่นักเดินทางใฝ่ฝันถึง ด้วยศักยภาพของพื้นที่ที่มีความสวยงามทางธรรมชาติที่ยังคงมีความสมบูรณ์ของทะเลฝั่งตะวันออก ซึ่งสามารถที่จะมองเห็นทิวทัศน์ของอ่าวพังงาได้อย่างชัดเจน จึงเป็นจุดเด่นสำคัญนอกเหนือจากสถาปัตยกรรมที่ได้รับการออกแบบให้สอดรับกับความเป็นธรรมชาติที่มีอยู่ โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายนั้นก็จะเป็นชาวต่างชาติทั้งเอเชียและยุโรปที่มีกำลังซื้อสูง ทั้งนี้คาดว่าการดำเนินการทุกอย่างจะเสร็จสมบูรณ์และเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี 2008
อย่างไรก็ตามนายเอียน กล่าวถึงโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือมารีนา เดาะยามู ขนาด 39 ลำ ใช้งบประมาณในการลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งมีปัญหาการต่อต้านจากชุมชน และยังอยู่ระหว่างการขออนุญาต ว่า โครงการสร้างท่าเรือมารีนายังไม่คืบหน้า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ คาดว่าจะแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้
นายเอียน ไมเคิล ชาร์ล เฮนรี่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท Campbell Kane Thailand จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้โครงการ “เดอะยามู” ตั้งอยู่ที่บริเวณแหลมยามู หมู่ที่ 7 ต. ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต กล่าวถึงการพัฒนาและการเข้ามาลงทุนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ว่า ปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาในพื้นที่ ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต จำนวน 3 โครงการบนพื้นที่ 220 ไร่
ประกอบด้วย โครงการ “เคปยามู” เป็นลักษณะของบ้านพักตากอากาศหรูจำนวน 32 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 2,500 ล้านบาท ขณะนี้ขายหมดแล้ว โดยกลุ่มลูกค้าเป็นชาวต่างชาติมีทั้งยุโรปและเอเชีย
โครงการที่ 2 คือ “เดอะยามู” ซึ่งถือเป็นโครงการที่ใหญ่ที่สุดใน 3 โครงการที่กำลังดำเนินการ ประกอบด้วย โรงแรมหรูจำนวน 63 ห้อง เป็นห้องเดอลักซ์ทั้งหมด และในจำนวนดังกล่าว จะมีห้องสวีต 2 ห้อง ซึ่งจะมีสระว่ายน้ำในตัว โดยหนึ่งใน 2 ห้องสวีตจะมีห้องอัดเสียงระดับมาตรฐานเดียวกับ Setai ของไมอามี่
นอกจากนี้ ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นห้องช็อกโกแลต ซึ่งจะเป็นที่รวบรวมช็อกโกแลต ระดับพรีเมียม และไอศกรีม รวมทั้งขนมหวานอื่นๆ มาไว้ที่นี่ มีห้องซิการ์ซึ่งรวบรวมซิการ์จากทั่วโลกมาจำหน่าย ห้องไปรเวตคิตเช่น สำหรับการจัดงานเลี้ยงแบบส่วนตัว และบูติกรูม ซึ่งจะจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมทั้งเสื้อผ้าและสิ่งของต่างๆ จากทั่วโลก จุดเด่นอีกประกาศ คือ มีสระว่ายน้ำสีแดงมีความยาว 100 เมตร
สิ่งที่พิเศษสุดและแตกต่างจากโรงแรมทั่วไป คือ จะมีวิลล่าอยู่ภายในโครงการโรงแรมดังกล่าวด้วย โดยใช้ชื่อว่า “เดอะยามูคลับวิลลา” มีจำนวน 16 หลัง เป็นวิลล่า มีขนาด 1-2 ห้องนอน ตั้งอยู่รายรอบโรงแรม “เดอะยามู” ซึ่งทุกหลังจะมีห้องน้ำส่วนตัว และจะได้รับการอำนวยความสะดวกที่พิเศษที่สุด ไม่ว่าจะเป็นบัตเลอร์หรือผู้ให้บริการส่วนตัว สามารถเรียกใช้ได้ตลอด 24 ชั่วโมง มีรถหรูรับส่งไปยังสถานที่ต่างๆ มีราคาจำหน่ายตั้งแต่ 1.75 ล้านเหรียญสหรัฐฯถึง 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งการลงทุนทั้งในส่วนของโรงแรม “เดอะยามู” และ “เดอะยามูคลับวิลล่า” รวมประมาณ 3,500 ล้านบาท
สำหรับโครงการที่ 3 “เดอะยามูวิลล่าเอสเตท” เป็นบ้านพักอาศัยระดับหรูมีขนาด 4 ห้องนอน มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 1,600 ตารางเมตร โดยมีพื้นที่รวมระหว่าง 3,000-7,000 ตารางเมตร ซึ่งในพื้นที่ 1 แปลง ประกอบด้วย บ้าน 4 หลัง โดยหลังใหญ่ของเจ้าของบ้าน 1 หลัง และยังมีหลังเล็กๆ อีก 3 หลังสำหรับแขกของเจ้าของบ้านที่จะมาพักด้วย มีสระว่ายน้ำทุกหลัง และสามารถมองเห็นทัศนียภาพของอ่าวพังงาได้ทุกหลังเช่นกัน มีราคาจำหน่าย 4.25 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ถึง 8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยในส่วนของโครงการดังกล่าว ยังไม่มีการกำหนดจำนวนและมูลค่าการลงทุน
นายเอียน กล่าวต่อไปว่า การพัฒนาดังกล่าวได้รับการออกแบบจากสถาปนิกที่มีชื่อเสียงระดับโลกทั้งภายนอกและภายในอาคาร ที่มีความทันสมัย แต่คงความเป็นไทยและธรรมชาติไว้ โดยเน้นการให้บริการระดับมาตรฐานสากล เพื่อให้ “เดอะยามู” เป็นจุดหมายปลายทางที่นักเดินทางใฝ่ฝันถึง ด้วยศักยภาพของพื้นที่ที่มีความสวยงามทางธรรมชาติที่ยังคงมีความสมบูรณ์ของทะเลฝั่งตะวันออก ซึ่งสามารถที่จะมองเห็นทิวทัศน์ของอ่าวพังงาได้อย่างชัดเจน จึงเป็นจุดเด่นสำคัญนอกเหนือจากสถาปัตยกรรมที่ได้รับการออกแบบให้สอดรับกับความเป็นธรรมชาติที่มีอยู่ โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายนั้นก็จะเป็นชาวต่างชาติทั้งเอเชียและยุโรปที่มีกำลังซื้อสูง ทั้งนี้คาดว่าการดำเนินการทุกอย่างจะเสร็จสมบูรณ์และเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี 2008
อย่างไรก็ตามนายเอียน กล่าวถึงโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือมารีนา เดาะยามู ขนาด 39 ลำ ใช้งบประมาณในการลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งมีปัญหาการต่อต้านจากชุมชน และยังอยู่ระหว่างการขออนุญาต ว่า โครงการสร้างท่าเรือมารีนายังไม่คืบหน้า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ คาดว่าจะแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้