กระบี่- ชาวกระบี่ร้องเจ้าหน้าที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบการก่อสร้าง “โรงแรมอโยธยา สวีทแอนด์สปา” ของนายทุนชาวไทย สร้างคล้ายวัด เหตุสะเทือนใจลบหลู่ศาสนา ด้านอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี แจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สภ.อ.เมืองกระบี่ แล้ว 3 ข้อหา “ฐานบุกรุกที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต” เผย ดีเอสไอ สอบทางลับด้วย
วันนี้ (5 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดกระบี่ ว่า ได้มีนักธุรกิจต่างจังหวัดเข้ามาดำเนินการก่อสร้างโรงแรม ชื่อ “โรงแรมอโยธยา สวีทแอนด์สปา” หรือโรงแรมวัด ตั้งอยู่บริเวณริมหาดนพรัตน์ธารา ม.2 ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ ซึ่งกำลังกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของชาวจังหวัดกระบี่ ตลอดจนบรรดานักท่องเที่ยวทั้งไทย และต่างชาติที่ผ่านไป-มา บริเวณสถานที่ก่อสร้างเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ เนื่องจากโรงแรมดังกล่าวก่อสร้างคล้ายกับวัด คือ เป็นอาคารสูง 3 ชั้น 4 ชั้น และ 5 ชั้น ติดต่อกัน โดยที่ประตูในแต่ละห้องจะมีรูปลายไทยทุกบาน ส่วนของหลังคานั้นก็ได้สร้างในลักษณะคล้ายกับจั่ววัด และมีการสร้างปราสาทไว้บนหลังคาอีกหลังหนึ่ง ซึ่งเมื่อผ่านไปบริเวณริมหาดนพรัตน์ธารา ก็จะพบกับโรงแรมดังกล่าวตั้งตระหง่านเห็นได้ชัดเจน
รายงานข่าวแจ้งว่า โรงแรมดังกล่าว มี นายวิรุฬ ทิพย์พารัตน์ เป็นผู้จัดการ โดยดำเนินการก่อสร้างมาตั้งแต่ช่วงกลางปี 2549 จนถึงขณะนี้ใกล้แล้วเสร็จสมบูรณ์ พร้อมเปิดให้บริการแล้ว อยู่ระหว่างการเก็บรายละเอียดเพียงเล็กน้อย และได้มีนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวต่างชาติเข้ามาพักตั้งแต่ช่วงที่กำลังก่อสร้าง
ส่วนที่เลวร้ายที่สุด คือ โรงแรมไม่ยอมให้คนไทย โดยเฉพาะคนในพื้นที่เข้าไปในบริเวณรอบๆ โรงแรมดังกล่าว ทั้งห้ามส่งเสียงรบกวนในทุกเวลา สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นอย่างมาก
สำหรับ “โรงแรมอโยธยา สวีทแอนด์สปา” หรือโรงแรมวัดแห่งนี้ ทราบว่า ล่าสุด ทางอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี แจ้งความดำเนินคดีอยู่ โดยนายบุญแนม ช่วยระดม เจ้าหน้าที่บริหารงานป่าไม้ 6 อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี กล่าวว่า ช่วงต้นปี 2550 ทางอุทยานฯ ได้เข้าไปตรวจสอบบริเวณรอบๆ โรงแรมดังกล่าว พบว่า มีการบุกรุกพื้นที่ชายหาดสาธารณะ จึงได้ไปแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สภ.อ.เมืองกระบี่ 3 ข้อหา
คือ 1.บุกรุกด้วยการสร้างบ้านพักคนงาน 1 คดี มีผู้ต้องหา 2 ราย 2.สร้างถนนทางเข้าในเขตอุทยานฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต และ 3.สร้างแนวกันดินรุกล้ำเข้าไปในเขตอุทยานฯโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งทั้ง 3 ข้อหา อยู่ระหว่างขั้นตอนการสืบสวนของพนักงานสอบสวน สภ.อ.เมืองกระบี่ แต่ยังไม่สามารถหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้ โดยเฉพาะเจ้าของโรงแรมดังกล่าวให้การปฏิเสธมาตลอด
นายบุญแนม กล่าวต่อไปว่า นอกจากในส่วนของอุทยานฯ ที่ได้แจ้งความดำเนินคดีกับโรงดังกล่าวไว้ที่ สภ.อ.เมืองกระบี่แล้ว ขณะนี้ยังทราบว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ได้ทำการตรวจสอบอยู่ด้วย เนื่องจากว่ามีประชาชนได้ร้องเรียนว่ามีการบุกรุก แต่ในรายละเอียดนั้นทางอุทยานฯ ไม่ทราบเรื่องแต่อย่างใด
ส่วนกรณีที่ล่าสุดทางกระทรวงวัฒนธรรม ได้สั่งโรงแรมดังกล่าว โดยให้หยุดการก่อสร้าง ทั้งนี้เนื่องจากการก่อสร้างคล้ายกับวัด ซึ่งเป็นการไม่สมควรนั้น ตนไม่ทราบรายละเอียดว่า กระทรวงวัฒนธรรมมีคำสั่งมาหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องของกระทรวงวัฒนธรรม แต่ในความรู้สึกแล้วก็ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะก่อสร้างในลักษณะคล้ายกับการสร้างวัด
ด้าน นางสมศรี รักนุ้ย วัฒนธรรมจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า เรื่องที่ทางกระทรวงวัฒนธรรมสั่งห้าม “โรงแรมอโยธยา สวิทแอนด์สปา” กรณีที่สร้างคล้ายกับวัดนั้น ทางวัฒนธรรมจังหวัดกระบี่ ยังไม่ทราบ และได้รับรายงานแต่อย่างใด แต่ในความรู้สึกในทุก ๆ ครั้งที่ผ่านไปมา ก็จะพบว่า มีความรู้สึกเหมือนกับวัดแห่งหนึ่ง และไม่เข้าใจว่าทางเจ้าของมีความคิดเช่นไรถึงได้สร้างเหมือนกับวัด