xs
xsm
sm
md
lg

มาเลย์ขับ 71 แรงงานต้มยำกุ้งกลับไทย - หน่วยข่าวหวั่นโจรใต้แฝงตัวเข้ามาด้วย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ยะลา – ทางการมาเลเซียผลักดันคนไทยเครือข่าย “ต้มยำกุ้ง” ที่ลอบไปค้าแรงงานกลับไทยอีก 71 คน เพิ่มเติมจากที่เมื่อเร็วๆ นี้ ส่งกลับมาแล้ว 89 คน ด้าน จนท.ด้านความมั่นคงในชายแดนใต้ หวั่นมีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับขบวนการแบ่งแยกดินแดนแอบแฝงเข้ามาด้วย พร้อมเปิดเบื้องลึกขบวนการต้มยำกุ้งในมาเลเซีย

วันนี้ (27 เม.ย.) เวลา 13.00 น. พ.ต.ท.อำนรรฆ ไตรกิตยานุกูล สว.ด่านตรวจคนเข้าเมืองเบตง อ.เบตง จ.ยะลา ได้รับการประสานจาก นายริส ฮาซาน หัวหน้าด่านตรวจคนเข้าเมืองประเทศมาเลเซีย ว่า จะทำการผลักดันคนไทยที่ถูกจับกุมในรัฐสลังงอ และ อ.กริ๊ก รัฐเปรัค ประเทศมาเลเซีย 71 คน กลับไทย จึงได้รายงานให้ นายนพดล สองเมือง นายอำเภอเบตงทราบ และได้ไปรอรับคนไทยดังกล่าว โดยมี พ.ต.อ.ทรงเกียรติ วาทะกุล ผกก.สภ.อ.เบตง ร.อ.ต่อพงษ์ มาตาพิทักษ์ ผบ.ร้อย ฉก.1321 มาร่วมสังเกตการณ์และบริการพิธีการเข้าเมือง ซึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา ทางการมาเลเซียก็ได้ผลักดันแรงงานไทยกลับประเทศมาแล้วครั้งหนึ่งจำนวน 89 คน

โดยคนไทย 71 คน ที่ถูกผลักดันกลับประเทศในครั้งนี้ ได้ถูกเจ้าหน้าที่แรงงานของประเทศมาเลเซียจับกุมในข้อหาประกอบอาชีพโดยไม่ได้รับอนุญาตในพื้นที่ อ.บาลิ่ง และ อ.อีโปร์ รัฐเปรัค รัฐสลังงอ และ อ.สุไหงปัตตานี ในประเทศมาเลเซีย โดยกลุ่มคนไทยดังกล่าวได้เข้าไปประกอบอาชีพเป็นลูกจ้างในร้านต้มยำกุ้งที่มีเจ้าของร้านเป็นคนไทยเช่นกัน

ทั้งนี้ กลุ่มคนไทยดังกล่าวได้ทำหนังสือผ่านแดนชั่วคราว หรือบอร์เดอร์พาสเพียงเท่านั้น ซึ่งตามกฎหมายของมาเลเซียคนไทยที่เข้าไปทำงานจะต้องมีหนังสือเวิร์กเพอร์มิต หรือใบอนุญาตในการทำงานเท่านั้น จึงทำให้ทางการมาเลเซียได้ถูกจับกุม และได้ยกเว้นการดำเนินคดีในประเทศ แต่ใช้วิธีผลักดันกลับประเทศไทยแทน

อย่างไรก็ตาม การผลักดันกลุ่มคนไทยในครั้งนี้นั้น มีคนไทยบางคนได้มีการติดเชื้อไข้มาลาเรียด้วย ซึ่งการเข้ามาในครั้งนี้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอเบตง ได้มีการตรวจเชื้ออย่างละเอียด ก่อนที่จะมีการส่งกลับภูมิลำเนาเดิม ซึ่งส่วนใหญ่เดินทางมาจาก จ.ปัตตานี จ.นราธิวาส และ จ.ยะลา

มีรายงานจากหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนใต้ เปิดเผยว่า ในการผลักดันคนไทยกลับประเทศของเจ้าหน้าที่ทางการมาเลเซียในครั้งนี้ หน่วยข่าวความมั่นคงในชายแดนใต้ เปิดเผยว่า กลุ่มที่ถูกผลักดันดังกล่าว รวมถึงครั้งก่อนๆ ที่ผ่านมา จากการตรวจสอบไม่พบเป็นกลุ่มเป้าหมายที่เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงต้องการตัว

แต่ในการผลักดันในห้วงเวลานี้ทางเจ้าหน้าที่ เกรงว่า จะมีสมาชิกของกลุ่มก่อความไม่สงบที่ไม่มีหมายจับ หรือไม่ได้อยู่ในสารบบ ได้แอบแฝงเข้ามาด้วย เนื่องจากก่อนหน้านี้หน่วยข่าวได้รับรายงานว่า คนมุสลิมที่ข้ามไปอยู่ในประเทศมาเลเซียส่วนหนึ่งได้รับความช่วยเหลือจากขบวนการพูโล เพื่อให้สามารถอยู่และประกอบอาชีพได้โดยไม่ถูกรบกวนจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของมาเลเซีย

“เพราะส่วนใหญ่คนจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่มีเวิร์กเพอร์มิต หรือใบอนุญาตในการทำงาน ดังนั้น จึงต้องจ่ายค่าคุ้มครองให้กับขบวนการพูโล และมีบัตรสมาชิกขบวนการพูโลทุกคน” รายงานข่าวระบุและเสริมว่า

ขณะนี้คนใน 3 จังหวัดชายแดนใต้เดินทางไปประกอบอาชีพในมาเลเซียได้มีจำนวนมากขึ้น และมีร้านอาหารประเภทต้มยำกุ้งมากถึงประมาณ 5.000 แห่ง กระจายไปทั่วทั้ง 13 รัฐ และเจ้าของร้านและพนักงานที่เป็นคนไทยรวมกันไม่ต่ำกว่า 200.000 คน ซึ่งคนไทยเหล่านี้ได้รวมตัวตั้งเป็นชมรมขึ้นโดยใช้ชื่อว่า “ชมรมต้มยำกุ้ง” อย่างเป็นทางการ เมื่อปี พ.ศ.2544 ก่อนที่จะกลายเป็นสมาคมต้มยำกุ้งอย่างที่ปรากฏในปัจจุบัน

รายงานข่าวดังกล่าวยังระบุด้วยว่า การรวมตัวกันของเครือข่ายต้มยำกุ้งของคนไทยในมาเลเซียนั้น มีอดีตแกนนำขบวนการแบ่งแยกดินแดน บีอาร์เอ็น ซึ่งมีชื่อจัดตั้งว่า “สุเบ” เป็นชาว ต.บาลอ อ.รามัน จ.ยะลา เป็นผู้นำ และมีกรรมการรับผิดชอบยังรัฐต่างๆ เพื่อดูแลสมาชิก โดยมีการเก็บเงินเข้าชมรมเป็นรายเดือนๆ ละประมาณ 1,000 บาท/คน

สำหรับเงินที่สมาชิกจ่ายให้กับสมาคมต้มยำกุ้งนั้น ส่วนหนึ่งคือค่าใช้จ่ายที่จ่ายให้กับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของมาเลเซีย เพื่อซื้อความสะดวกมิให้มีการตรวจค้น หรือจับกุมแรงงานไทย ส่วนหนึ่งให้สมาชิกกู้ยืมเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการร้านอาหาร และตามรายงานด้านการข่าวของกองบัญชาการตำรวจสันติบาล และศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ หรือ ศรภ.ฝ่ายไทย ระบุว่า เงินทุนจำนวนนี้ยังถูกส่งมาสนับสนุนขบวนการแบ่งแยกดินแดนในชายแดนใต้ด้วย

อย่างไรก็ตาม ประเด็นปัญหาดังกล่าวนี้ ได้รับการปฏิเสธจากสมาคมต้มยำกุ้งของคนไทยในมาเลเซียมาโดยตลอด ว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการแบ่งแยกดินแดนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยแต่อย่างใด

อีกเหตุผลหนึ่งที่สมาคมต้มยำกุ้งของคนไทยในมาเลเซียสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว เพราะคนในสมาคมมีความใกล้ชิดกับอดีตผู้บริหารประเทศมาเลเซีย โดยเป็นฐานทางการเมืองในการลงคะแนนเสียงให้กับผู้สมัครของพรรคอัมโน รวมทั้งได้รับการสนับสนุนจากนักการเมืองในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ทั้งในการก่อตั้งชมรมต้มยำกุ้งขึ้นมาในช่วงแรก และยังได้รับการสนับสนุนจากคีย์แมนคนสำคัญของกลุ่มการเมืองในพื้นที่ด้วย

โดยข้อเท็จจริงคนไทยที่อยู่ในมาเลเซีย โดยยึดอาชีพขายต้มยำกุ้งนั้น มีอยู่เป็นจำนวนมาก ในจำนวนนี้มีบางส่วน คือ คนในขบวนการแบ่งแยกดินแดน ทั้ง พูโล บีอาร์เอ็น มูจาฮีดิน และอื่นๆ ที่มีหมายจับของทางการไทย อีกทั้งที่ยังเป็นโจรและที่หมดสภาพโจร แต่กลับเมืองไทยไม่ได้ จึงยึดอาชีพขาย ต้มยำกุ้งอยู่ในมาเลเซีย แม้แต่ นายสะมะแอ ท่าน้ำ อดีตประธานขบวนการพูโลเอง ก่อนหน้าที่จะถูกสันติบาลมาเลเซียจับตัวส่งให้ทางการไทย ก็เปิดร้านขายต้มยำอยู่ในกรุงกัวลาลัมเปอร์มาแล้วเช่นกัน

นอกจากนี้ หน่วยข่าวความมั่นคงชายแดนไทย-มาเลเซีย ยังได้รับรายงานอีกว่า บุคคลสำคัญที่เป็นแกนนำในการเรียกเก็บเงินจากเจ้าของกิจการที่เป็นคนจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ไม่ว่าจะอยู่ในชมรมต้มยำกุ้งหรือไม่ รวมทั้งกิจการอื่นๆ ด้วย คือ นายมะลาเซ็ง ลูกสิงห์โต หรือ นายมะลาเซ็ง ลูโบ๊ะยาเซ็ง แกนนำคนสำคัญของขบวนการบีอาร์เอ็น ซึ่งเป็นหลานชายของ นายเปาะมะ สุไหงบาตู หรือ นายแวหะมะ ลูโบ๊ะยาเซ็ง อดีตหัวหน้ากลุ่มบีอาร์เอ็นคองเกรส

สำหรับ นายมะลาเซ็ง ลูกสิงห์โต ปัจจุบันคือแกนนำคนสำคัญของขบวนการบีอาร์เอ็นในประเทศมาเลเซีย ที่มีอิทธิพลสูง และเป็นบุคคล 2 สัญชาติ โดยมีกิจการต้มยำกุ้งจำนวน 2 แห่งคือ ในเมืองหลวงกรุงกัวลาลัมเปอร์ และที่เมืองยะโฮร์บารู อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าทีมเรียกค่าคุ้มครองจากคนในชายแดนใต้ของไทย โดยเงินเหล่านั้นถูกส่งมาเพื่อการก่อการร้ายโดยเฉพาะ

นอกจากนี้แล้ว หน่วยข่าวความมั่นคงในชายแดนใต้ ยังเชื่อด้วยว่า นายมะลาเซ็ง ลูกสิงโต อาจเป็นตัวเชื่อมอยู่กับสมาคมต้มยำกุ้งในประเทศมาเลเซีย รวมทั้งให้ที่พักพิงกลุ่มก่อความไม่สงบที่หลบหนีเข้าไปอยู่ในประเทศมาเลเซียด้วย






กำลังโหลดความคิดเห็น