นครศรีธรรมราช - ตำรวจ ตม.ภาคใต้รับคำสั่ง รก.ผบ.ตร.บุกทลายซ่องในโรงแรมดังกลางเมืองคอน ขณะที่ตำรวจในพื้นที่ไหวตัวทันร่วมแจมด้วย ก่อนรวบหญิงบริการชาวจีนฮ่อ 26 คน สารภาพหนีมาจากสถานบริการเขต 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เตรียมสอบรวบรวมพยานหลักฐานมัดเจ้าของกิจการ แฉเปิดซ่องบริการนานกว่า 20 ปี
วันนี้ (24 มี.ค.) เมื่อเวลา 00.25 น. พ.ต.อ.สายันต์ กระแสแสน รอง ผบก.หัวหน้าศูนย์ตรวจคนเข้าเมืองภาคใต้ ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาระดับสูงว่าในโรงแรมกลางเมืองนครศรีธรรมราชมีการเปิดเป็นซ่องโสเภณีขายบริการทางเพศมานานกว่า 20 ปี ไม่เคยถูกจับกุม จึงได้สั่งการให้ ร.ต.อ.เอกชัย สีดำ รอง สว.งานสืบสวนปราบปรามศูนย์ตรวจคนเข้าเมืองภาคใต้พร้อมกำลัง 5 นายเดินทางไปตรวจสอบและจับกุม ซึ่งเจ้าหน้าที่แต่งกายนอกเครื่องแบบปลอมตัวเข้าไปตรวจสอบในโรงแรมเวียงฟ้า ถนนจำเริญวิถี ซอยไทยโฮเต็ล โดยบนชั้น 2 ของโรงแรมแบ่งซอยเป็นห้องกว่า 30 ห้อง แต่ละห้องมีหญิงสาวหน้าตาดีนั่งคอยเชื้อเชิญแขกเข้าไปใช้บริการ ในขณะที่หลายห้องปิดประตูเพราะหญิงสาวเจ้าของห้องกำลังให้บริการแขกอยู่ ในขณะที่มีนักเที่ยวหลายสิบคนเดินเลือกสาวขายบริการอย่างพลุกพล่าน
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัวจับกุมท่ามกลางความตกใจของหญิงสาวขายบริการ ในขณะนั้นมีหญิงสาววัยกลางคนซึ่งเข้าใจว่าเป็นผู้ดูแลกิจการรวมทั้งชายฉกรรจ์อีก 2-3 คน ซึ่งเป็นนักเลงคุมซ่องหรือแมงดากรูเข้ามาหาเจ้าหน้าที่อย่างไม่ประสงค์ดี จนเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัว พร้อมกับแจ้งว่าหากใครขัดขวางการดำเนินการตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ก็จะถูกจับดำเนินคดีทั้งหมด ทำให้หญิงสาวคนดังกล่าวพร้อมชายฉกรรจ์ถึงกับหน้าซีดและรีบถอยออกไปห่างๆ โดยเจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังออกตรวจสอบตามห้องต่างๆ อย่างครบถ้วน
ในขณะเดียวกันได้มี พ.ต.อ.ญาณพัฒน์ นรสิงห์ ผกก.สภ.อ.เมือง พ.ต.ต. สถาพร พัฒนรักษ์ สวป. สภ.อ.เมือง พ.ต.ท.วินัย คงประพันธ์ สว.ธุรการ หัวหน้าชุด ฉก.สภ.อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นำกำลังตำรวจเข้ามาช่วยตรวจสอบและควบคุมตัวผู้ต้องหาซึ่งล้วนเป็นหญิงสาวขายบริการทางเพศอายุตั้งแต่ 19-27 ปี รวม 26 คนมาลงบันทึกการจับกุมและบันทึกประจำวัน ก่อนส่งมอบผู้ต้องหาให้กับ ร.ต.ท.มนต์ชัย บุญเลิศ ร้อยเวร สภ.อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช สอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบสวนปากคำเบื้องต้นผู้หญิงทั้งหมดไม่มีบัตรประจำตัวประชาชนและหลักฐานใดๆ มาแสดงกับเจ้าหน้าที่ โดยทั้งหมดเป็นชาวจีนฮ่อและชาวเขาเผ่าต่างๆ มีภูมิลำเนาอยู่รอยตะเข็บชายแดน อ.แม่สาย จ.เชียงราย บางส่วนยึดซ่องโรงแรมเวียงฟ้าขายบริการทางเพศมานานหลายปีแล้ว บางส่วนเพิ่งเดินทางมาขายบริการทางเพศในซ่องโรงแรมเวียงฟ้าได้ประมาณ 1 ปี ในขณะที่บางส่วนเพิ่งเดินทางมาได้เพียง 2-3 เดือน โดยก่อนที่จะมาขายบริการทางเพศในโรงแรมเวียงฟ้าเคยขายบริการทางเพศอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่เกิดความไม่สงบเรียบร้อยขึ้นอย่างรุนแรงเกรงจะได้รับอันตรายจึงหลบหนีมาขายบริการทางเพศในซ่องโรงแรมเวียงฟ้าจนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่จับกุมดังกล่าว โดยการขายบริการทางเพศจะให้บริการแบบชั่วคราวครั้งละ 300 บาท ระยะเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง
เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาดำเนินคดีกับหญิงสาวขายบริการทางเพศทั้ง 26 คนในข้อหามั่วสุมในสถานที่เพื่อการค้าประเวณีของตนเองหรือผู้อื่น และหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย หลังจากดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมแล้วจะส่งตัวให้ตำรวจตรวจค้นเข้าเมืองรับตัวไปเพื่อผลักดันกลับส่าภูมิลำเนาเดิมต่อไป
ส่วนเจ้าของกิจการซ่องโสเภณีดังกล่าวนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับในข้อหาในข้อหาเป็นธุระจัดหา ล่อลวงไปหรือชักพาไปซึ่งบุคคลเพื่อให้กระทำการค้าประเวณี และให้ที่พักพิงแก่บุคลคลต่างด้าวต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการจับกุม หญิงสาววัยกลางคนที่พบในโรงแรมเวียงฟ้าในช่วงจับกุมพร้อมชายฉกรรจ์อีก 2-3 คน ได้เดินทางมาที่โรงพักเพื่อวิ่งเต้นเรื่องคดี ในขณะที่หญิงสาวขายบริการที่ตกเป็นผู้ต้องหาทั้งหมดได้นั่งรวมกันบริเวณเก้าอี้บริเวณหน้าห้องควบคุมที่จัดวางเรียงไว้บริการประชาชาที่มารอนั่งบนโรงพักเพื่อติดต่อราชการต่างๆ ซึ่งเป็นที่สนใจของผู้คนที่ขึ้นมาติดต่องานบนโรงพักรวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจบนโรงพัก เนื่องจากหญิงสาวขายบริการผู้ต้องหาทั้งหมดมีรูปร่างหน้าตาดีผิวขาวเนียน จนไม่น่าเชื่อว่าทั้งหมดจะเป็นสาวขายบริการทางเพศ
ในขณะเดียวกัน ประชาชนที่ทราบข่าวมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง เนื่องจากซ่องโสเภณีโรงแรมเวียงฟ้าดังกล่าวเปิดบริการมานานกว่า 20 ปี โดยในอดีตเมื่อกว่า 10 ปีก่อนมีโรงแรมที่เปิดเป็นซ่องในลักษณะเดียวกันกับโรงแรมเวียงฟ้ามากถึง 4-5 แห่ง แต่ในปัจจุบันยกเลิกกิจการไปหมดแล้วเหลือเพียงที่โรงแรมเวียงฟ้าเพียงแห่งเดียวเท่านั้นที่ยังเปิดดำเนินกิจการมายาวนานและไม่เคยถูกเจ้าหน้าบ้านเมืองจับกุม ในขณะที่หญิงสาวขายบริการทางเพศจะหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
สำหรับการจับกุมในครั้งนี้มีกระแสข่าวแจ้งว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการ ผบ.ตร. ได้รับการร้องเรียนจึงมีการสั่งการให้ศูนย์ตรวจคนเข้าเมืองภาคใต้เข้าตรวจสอบจับกุมดังกล่าวโดยที่ไม่ได้แจ้งให้ตำรวจเจ้าของพื้นที่รู้ แต่ตำรวจพื้นที่ไหวตัวทันนำกำลังเข้าร่วมจับกุมด้วยดังกล่าว
วันนี้ (24 มี.ค.) เมื่อเวลา 00.25 น. พ.ต.อ.สายันต์ กระแสแสน รอง ผบก.หัวหน้าศูนย์ตรวจคนเข้าเมืองภาคใต้ ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาระดับสูงว่าในโรงแรมกลางเมืองนครศรีธรรมราชมีการเปิดเป็นซ่องโสเภณีขายบริการทางเพศมานานกว่า 20 ปี ไม่เคยถูกจับกุม จึงได้สั่งการให้ ร.ต.อ.เอกชัย สีดำ รอง สว.งานสืบสวนปราบปรามศูนย์ตรวจคนเข้าเมืองภาคใต้พร้อมกำลัง 5 นายเดินทางไปตรวจสอบและจับกุม ซึ่งเจ้าหน้าที่แต่งกายนอกเครื่องแบบปลอมตัวเข้าไปตรวจสอบในโรงแรมเวียงฟ้า ถนนจำเริญวิถี ซอยไทยโฮเต็ล โดยบนชั้น 2 ของโรงแรมแบ่งซอยเป็นห้องกว่า 30 ห้อง แต่ละห้องมีหญิงสาวหน้าตาดีนั่งคอยเชื้อเชิญแขกเข้าไปใช้บริการ ในขณะที่หลายห้องปิดประตูเพราะหญิงสาวเจ้าของห้องกำลังให้บริการแขกอยู่ ในขณะที่มีนักเที่ยวหลายสิบคนเดินเลือกสาวขายบริการอย่างพลุกพล่าน
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัวจับกุมท่ามกลางความตกใจของหญิงสาวขายบริการ ในขณะนั้นมีหญิงสาววัยกลางคนซึ่งเข้าใจว่าเป็นผู้ดูแลกิจการรวมทั้งชายฉกรรจ์อีก 2-3 คน ซึ่งเป็นนักเลงคุมซ่องหรือแมงดากรูเข้ามาหาเจ้าหน้าที่อย่างไม่ประสงค์ดี จนเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัว พร้อมกับแจ้งว่าหากใครขัดขวางการดำเนินการตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ก็จะถูกจับดำเนินคดีทั้งหมด ทำให้หญิงสาวคนดังกล่าวพร้อมชายฉกรรจ์ถึงกับหน้าซีดและรีบถอยออกไปห่างๆ โดยเจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังออกตรวจสอบตามห้องต่างๆ อย่างครบถ้วน
ในขณะเดียวกันได้มี พ.ต.อ.ญาณพัฒน์ นรสิงห์ ผกก.สภ.อ.เมือง พ.ต.ต. สถาพร พัฒนรักษ์ สวป. สภ.อ.เมือง พ.ต.ท.วินัย คงประพันธ์ สว.ธุรการ หัวหน้าชุด ฉก.สภ.อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นำกำลังตำรวจเข้ามาช่วยตรวจสอบและควบคุมตัวผู้ต้องหาซึ่งล้วนเป็นหญิงสาวขายบริการทางเพศอายุตั้งแต่ 19-27 ปี รวม 26 คนมาลงบันทึกการจับกุมและบันทึกประจำวัน ก่อนส่งมอบผู้ต้องหาให้กับ ร.ต.ท.มนต์ชัย บุญเลิศ ร้อยเวร สภ.อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช สอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบสวนปากคำเบื้องต้นผู้หญิงทั้งหมดไม่มีบัตรประจำตัวประชาชนและหลักฐานใดๆ มาแสดงกับเจ้าหน้าที่ โดยทั้งหมดเป็นชาวจีนฮ่อและชาวเขาเผ่าต่างๆ มีภูมิลำเนาอยู่รอยตะเข็บชายแดน อ.แม่สาย จ.เชียงราย บางส่วนยึดซ่องโรงแรมเวียงฟ้าขายบริการทางเพศมานานหลายปีแล้ว บางส่วนเพิ่งเดินทางมาขายบริการทางเพศในซ่องโรงแรมเวียงฟ้าได้ประมาณ 1 ปี ในขณะที่บางส่วนเพิ่งเดินทางมาได้เพียง 2-3 เดือน โดยก่อนที่จะมาขายบริการทางเพศในโรงแรมเวียงฟ้าเคยขายบริการทางเพศอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่เกิดความไม่สงบเรียบร้อยขึ้นอย่างรุนแรงเกรงจะได้รับอันตรายจึงหลบหนีมาขายบริการทางเพศในซ่องโรงแรมเวียงฟ้าจนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่จับกุมดังกล่าว โดยการขายบริการทางเพศจะให้บริการแบบชั่วคราวครั้งละ 300 บาท ระยะเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง
เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาดำเนินคดีกับหญิงสาวขายบริการทางเพศทั้ง 26 คนในข้อหามั่วสุมในสถานที่เพื่อการค้าประเวณีของตนเองหรือผู้อื่น และหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย หลังจากดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมแล้วจะส่งตัวให้ตำรวจตรวจค้นเข้าเมืองรับตัวไปเพื่อผลักดันกลับส่าภูมิลำเนาเดิมต่อไป
ส่วนเจ้าของกิจการซ่องโสเภณีดังกล่าวนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับในข้อหาในข้อหาเป็นธุระจัดหา ล่อลวงไปหรือชักพาไปซึ่งบุคคลเพื่อให้กระทำการค้าประเวณี และให้ที่พักพิงแก่บุคลคลต่างด้าวต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการจับกุม หญิงสาววัยกลางคนที่พบในโรงแรมเวียงฟ้าในช่วงจับกุมพร้อมชายฉกรรจ์อีก 2-3 คน ได้เดินทางมาที่โรงพักเพื่อวิ่งเต้นเรื่องคดี ในขณะที่หญิงสาวขายบริการที่ตกเป็นผู้ต้องหาทั้งหมดได้นั่งรวมกันบริเวณเก้าอี้บริเวณหน้าห้องควบคุมที่จัดวางเรียงไว้บริการประชาชาที่มารอนั่งบนโรงพักเพื่อติดต่อราชการต่างๆ ซึ่งเป็นที่สนใจของผู้คนที่ขึ้นมาติดต่องานบนโรงพักรวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจบนโรงพัก เนื่องจากหญิงสาวขายบริการผู้ต้องหาทั้งหมดมีรูปร่างหน้าตาดีผิวขาวเนียน จนไม่น่าเชื่อว่าทั้งหมดจะเป็นสาวขายบริการทางเพศ
ในขณะเดียวกัน ประชาชนที่ทราบข่าวมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง เนื่องจากซ่องโสเภณีโรงแรมเวียงฟ้าดังกล่าวเปิดบริการมานานกว่า 20 ปี โดยในอดีตเมื่อกว่า 10 ปีก่อนมีโรงแรมที่เปิดเป็นซ่องในลักษณะเดียวกันกับโรงแรมเวียงฟ้ามากถึง 4-5 แห่ง แต่ในปัจจุบันยกเลิกกิจการไปหมดแล้วเหลือเพียงที่โรงแรมเวียงฟ้าเพียงแห่งเดียวเท่านั้นที่ยังเปิดดำเนินกิจการมายาวนานและไม่เคยถูกเจ้าหน้าบ้านเมืองจับกุม ในขณะที่หญิงสาวขายบริการทางเพศจะหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
สำหรับการจับกุมในครั้งนี้มีกระแสข่าวแจ้งว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการ ผบ.ตร. ได้รับการร้องเรียนจึงมีการสั่งการให้ศูนย์ตรวจคนเข้าเมืองภาคใต้เข้าตรวจสอบจับกุมดังกล่าวโดยที่ไม่ได้แจ้งให้ตำรวจเจ้าของพื้นที่รู้ แต่ตำรวจพื้นที่ไหวตัวทันนำกำลังเข้าร่วมจับกุมด้วยดังกล่าว