ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – แพทย์รั้งไม่อยู่ “ครูจูหลิง”เสียชีวิตแล้วท่ามกลางความเศร้าโศกของพ่อ แม่ ญาติ ลูกศิษย์ หลังนอนรักษาอยู่ในห้องไอซียู รพ.สงขลานครินทร์ยาวถึง 8 เดือน แพทย์เผยพบอาการปอดเกิดการอักเสบ และติดเชื้อรุนแรง ออกซิเจนในเลือดต่ำมากจนเสียชีวิตในที่สุด “แม่ครูจูหลิง” เผยอาการลูกสาวก่อนจากไปไม่มีวันกลับ พบ “ใบหน้าที่เศร้า ตัวสั่น เนื้อตัวเล็บมือซีด” เตรียมนำร่างลูกสาวกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดเชียงรายวันพรุ่งนี้ พร้อมจัดงานให้สมเกียรติ
ครูจูหลิง ปงกันมูล ครูโรงเรียนบ้านกูจิงลือปะ หมู่ 4 ต.เฉลิม อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ที่ถูกชาวบ้านกลุ่มหนึ่งจับไปเป็นตัวประกันขณะสอนหนังสือจนถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส และถูกนำเข้ารับการรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู ของโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (มอ.หาดใหญ่) จ.สงขลา ตั้งแต่วันที่ 19 พ.ค.49 ร่วม 8 เดือน ได้เสียชีวิตแล้วอย่าสงสงบเมื่อเวลา 16.15 น.วันนี้ (8 ม.ค.) ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของนายสูน และนางคำมี บิดามารดา รวมทั้งญาติๆ โดยจะมีการรดน้ำศพในเวลา 10.00 น.วันพรุ่งนี้ (9 ม.ค.) ที่วัดโคกนาว อ.หาดใหญ่ จากนั้นจะเคลื่อนศพกลับไปยังบ้านเกิดใน จ.เชียงราย ด้วยเครื่องบินซี 130 ของกองทัพอากาศ
ทั้งนี้ รศ.นพ.สุเมธ พีรวุฒิ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ได้แถลงถึงการเสียชีวิตของครูจูหลิง ว่า เนื่องจากครูจูหลิง มีอาการทรุดหนักลงเมื่อวันที่ 1-2 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยแพทย์พบฝีในสมอง ทำให้ต้องนำครูจูหลิงเข้าผ่าตัด เพื่อระบายหนองในสมองออก หลังจากนั้นครูจูหลิง มีอาการติดเชื้อในปอดอย่างรุนแรง ความดันโลหิตลดต่ำลงเรื่อยๆ ไตวายเฉียบพลัน ร่างกายไม่ตอบสนองต่อยา จนทำให้ระบบอวัยวะล้มเหลวทุกส่วน
กระทั่งล่าสุดเมื่อเช้าวันนี้ (8 ม.ค.) ทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ตรวจพบว่า อาการครูจูหลิง ได้ทรุดหนักลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีภาวะปอดอักเสบติดเชื้อย่างรุนแรง ส่งผลให้ออกซิเจนในกระแสเลือดต่ำกว่าปกติ มีความต้องการออกซิเจนสูงขึ้น รวมถึงความดันโลหิตต่ำมาก ทางแพทย์ผู้รักษาจำเป็นต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิดและให้ยาควบคุมความดันโลหิตในปริมาณที่สูงขึ้น ส่วนอาการทั่วไปนั้นยังคงมีไข้ ไม่รู้สึกตัว ไม่มีการตอบสนองของสมองและก้านสมอง ม่านตาขยายกว้างไม่ตอบสนองต่อแสง ภาวะไตวายเฉียบพลันคงที่ โดยภาวะที่เกิดขึ้นนี้มีโอกาสที่ครูจูหลิง จะเสียชีวิตสูงมาก
ระบบต่างๆ ของร่างกายมีปฏิกิริยาเริ่มไม่ตอบสนองต่อยาและการกระตุ้นแล้ว โดยอาการผู้ป่วย ถือว่าถึงขีดสุดแล้ว ซึ่งจากการประเมินอาการของแพทย์หลังจากนี้ มีโอกาสสูงมากที่ครูจูหลิง จะเสียชีวิตในระยะเวลาอันสั้นและอาจจะเกิดขึ้นได้ทุกวินาที โดยเฉพาะกรณีได้รับยากระตุ้นในระดับที่ต่ำกว่าที่เคยให้อยู่ แม้ปริมาณน้อยนิดเพียงนิดเดียวก็จะเสียชีวิตทันที เบื้องต้นทางแพทย์ผู้รักษาคาดการณ์ว่าอาจจะเสียชีวิตได้ไม่เกิน 1-2 วันนี้ โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาได้พยายามรักษาอย่างเต็มที่และพยายามยื้อชีวิตสุดความสามารถตามวิชาชีพของแพทย์แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการรักษาโดยให้ยาปรับความดัน รวมถึงการรักษาแก้ไขภาวะไตวายและระดับเกลือแร่ที่ผิดปกติ
“ครูจูหลิง เสียชีวิตลงอย่างสงบในเวลา 16.15 น.และเมื่อเวลา 16.25 น.ทางคณะแพทย์ผู้รักษาได้มีการถวายรายงานแถลงการณ์เกี่ยวกับอาการของครูจูหลิง แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ให้ทรงทราบแล้ว เนื่องจากครูจูหลิง เป็นคนไข้ในพระบรมราชินูปถัม โดยพระองค์ท่านทรงให้ความสำคัญมาก ทรงรับสั่งให้แพทย์ดูแลอย่างดีที่สุด ขณะเดียวกันนี้ทางเราก็ได้ให้จิตแพทย์คอยดูแลสภาพจิตใจแก่บิดามารดาของครูจูหลิงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหลังจากนี้จะได้หารือร่วมกับบิดาและมารดาของครูจูหลิงอีกครั้งว่า จะดำเนินการอย่างไร เพื่อนำรายละเอียดทั้งหมดกราบทูลฯ ถวายอีกครั้ง” รศ.นพ.สุเมธ กล่าว
ด้านนางคำมี ปงกันมูล แม่ของครูจูหลิง ซึ่งหลั่งน้ำตาตลอดเวลาหลังจากที่ได้ทราบอาการของลูกสาว เปิดเผยว่า ในช่วงเช้าตนและสามีได้เข้าไปดูอาการของลูกสาว พบว่า มีอาการผิดปกติเกิดขึ้น เนื่องจากลูกสาวมีใบหน้าที่เศร้า ตัวสั่น เนื้อตัวเล็บมือซีด ซึ่งต่างจากทุกวันที่ผ่านมาและทราบจากแพทย์ว่า อาการของลูกสาวทรุดหนักลงเนื่องจากมีความดันโลหิตต่ำมากและเมื่อลูกสาวเสียชีวิตแล้วก็จะนำร่างลูกสาวกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดที่ จ.เชียงรายต่อไป
ทางด้านนายไพรัช แสงทอง ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษานราธิวาส เขต 1 กล่าวว่า สำหรับศพครูจูหลิงนั้นจะแต่งชุดเครื่องแบบปกติขาวให้อย่างเต็มยศ และจะขอพระราชทานเพลิงศพด้วย
ขณะที่ ด.ช.ฮารียัง ยูโซ๊ะ นักเรียนชั้น ป.6 โรงเรียนบ้านกูจิงลือปะ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ครูจูหลิง กล่าวทั้งน้ำตาหลังทราบข่าวการเสียชีวิตของครูจูหลิงว่า รู้สึกเสียใจกับการจากไปของครูจูหลิงอย่างมาก เพราะช่วงที่ครูสอนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนนั้น ครูเป็นคนดีและใจดีกับลูกศิษย์ทุกคน ตอนนี้อยากไปหาครูที่โรงพยาบาล แต่ไม่รู้จะเดินทางไปกลับใคร
“ขณะที่ครูเข้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ก็จะบ่นกับพ่อและแม่อยู่ตลอดเวลาว่า คิดถึงครูมาก และผมจะละหมาดเพื่อขอพรจากพระเจ้าให้ครูได้หายป่วยเร็วๆ แต่เมื่อครูต้องมาเสียชีวิตลง ก็รู้สึกเสียใจและพูดอะไรไม่ออกจริงๆ เพราะผมรู้สึกสงสารและคิดถึงครูมาก หลังจากนี้ไปจะขอละหมาดเพื่อขอพรจากพระเจ้าให้วิญญาณของครูได้ขึ้นสวรรค์ด้วย" ด.ช.ฮารียัง กล่าว
สำหรับครูจูหลิง ปงกันมูล เกิดเดือนมีนาคม 2522 ภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่ หมู่ 10 บ้านปงน้อยใต้ กิ่ง อ.ดอยหลวง จ.เชียงราย ด้วยความที่บิดาชอบดูหนังจีนกำลังภายในและชอบนางเอกในเรื่องที่ชื่อว่า "จุ้ยหลิน" จึงนำมาตั้งเป็นชื่อบุตรสาว แต่เมื่อไปจดทะเบียนกลายมาเป็น "จูหลิง" และมีชื่อเล่นว่า "จุ้ย" จบการศึกษาสูงสุดที่คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง ภายหลังคว้าปริญญาบัตร ด้วยความรักในศิลปะจึงตัดสินใจเดินทางออกไปรับจ้างวาดภาพผนังโบสถ์ตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยอาศัยอยู่กับแม่ชี กินข้าวก้นบาตร ซึ่งวัดสุดท้าย คือ ที่ จ.สงขลา
สาเหตุที่ตัดสินใจไปรับจ้างวาดภาพ เนื่องจากตัวหลานสาวเองต้องการหาเงินมาก เพื่อส่งให้พ่อแม่นำไปใช้หนี้ที่กู้ยืมมาและส่งเสียให้ได้เรียนหนังสือ และจุดหักเหตุของชีวิตเกิดขึ้นเมื่อ น.ส.จูหลิง สอบครูได้ในอันดับ 1 และจะต้องไปประจำอยู่ที่ จ.นราธิวาส ข่าวดีครั้งนั้นอยู่บนพื้นฐานของการต่อต้านจากญาติพี่น้องด้วยความห่วงใยเรื่องอันตราย แต่ น.ส.จูหลิง ก็ทัดท้านด้วยเหตุผลว่าต้องการไปสอนหนังสือและจะทำให้ได้สอนเด็กๆ วาดรูปด้วย
จนกระทั่งเมื่อที่ 19 พ.ค.49 ครูจูหลิง พร้อมกับเพื่อนครูคือ น.ส.สินีนาฏ ถาวรสุข ซึ่งสอนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนบ้านกูจิงลือปะ ได้ถูกชาวบ้านกูจิงลือปะ หมู่ 4 ต.เฉลิม อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ที่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็กกว่า 300 คนบุกจับตัวไปขณะกำลังสอนหนังสือ โดยชาวบ้านได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ปล่อยตัวผู้ต้องสงสัยซุ่มยิงถล่มเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยนาวิกโยธิน ที่ถูกเจ้าหน้าที่บุกควบคุมตัวไปทำการสอบสวนก่อนหน้านี้
ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมก็ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อครูจูหลิง และครูสินีนาฏ ถูกชาวบ้านไม่ต่ำกว่า 10 คน รุมทำร้ายร่างกายอย่างทารุณ จนเป็นเหตุให้ครูจูหลิง ได้รับบาดเจ็บสาหัส สมองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง และถูกนำตัวส่งไปรับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ โดยเป็นคนไข้ในพระราชินูปถัมภ์แห่งองค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงห่วงใยอาการป่วยของครูจูหลิง โดยให้ทีมแพทย์ถวายรายงานการรักษาให้ทรงทราบทุกวัน พร้อมกับได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ช่วยเหลือครอบครัวครูจูหลิง ด้วย
ครูจูหลิง ปงกันมูล ครูโรงเรียนบ้านกูจิงลือปะ หมู่ 4 ต.เฉลิม อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ที่ถูกชาวบ้านกลุ่มหนึ่งจับไปเป็นตัวประกันขณะสอนหนังสือจนถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส และถูกนำเข้ารับการรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู ของโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (มอ.หาดใหญ่) จ.สงขลา ตั้งแต่วันที่ 19 พ.ค.49 ร่วม 8 เดือน ได้เสียชีวิตแล้วอย่าสงสงบเมื่อเวลา 16.15 น.วันนี้ (8 ม.ค.) ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของนายสูน และนางคำมี บิดามารดา รวมทั้งญาติๆ โดยจะมีการรดน้ำศพในเวลา 10.00 น.วันพรุ่งนี้ (9 ม.ค.) ที่วัดโคกนาว อ.หาดใหญ่ จากนั้นจะเคลื่อนศพกลับไปยังบ้านเกิดใน จ.เชียงราย ด้วยเครื่องบินซี 130 ของกองทัพอากาศ
ทั้งนี้ รศ.นพ.สุเมธ พีรวุฒิ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ได้แถลงถึงการเสียชีวิตของครูจูหลิง ว่า เนื่องจากครูจูหลิง มีอาการทรุดหนักลงเมื่อวันที่ 1-2 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยแพทย์พบฝีในสมอง ทำให้ต้องนำครูจูหลิงเข้าผ่าตัด เพื่อระบายหนองในสมองออก หลังจากนั้นครูจูหลิง มีอาการติดเชื้อในปอดอย่างรุนแรง ความดันโลหิตลดต่ำลงเรื่อยๆ ไตวายเฉียบพลัน ร่างกายไม่ตอบสนองต่อยา จนทำให้ระบบอวัยวะล้มเหลวทุกส่วน
กระทั่งล่าสุดเมื่อเช้าวันนี้ (8 ม.ค.) ทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ตรวจพบว่า อาการครูจูหลิง ได้ทรุดหนักลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีภาวะปอดอักเสบติดเชื้อย่างรุนแรง ส่งผลให้ออกซิเจนในกระแสเลือดต่ำกว่าปกติ มีความต้องการออกซิเจนสูงขึ้น รวมถึงความดันโลหิตต่ำมาก ทางแพทย์ผู้รักษาจำเป็นต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิดและให้ยาควบคุมความดันโลหิตในปริมาณที่สูงขึ้น ส่วนอาการทั่วไปนั้นยังคงมีไข้ ไม่รู้สึกตัว ไม่มีการตอบสนองของสมองและก้านสมอง ม่านตาขยายกว้างไม่ตอบสนองต่อแสง ภาวะไตวายเฉียบพลันคงที่ โดยภาวะที่เกิดขึ้นนี้มีโอกาสที่ครูจูหลิง จะเสียชีวิตสูงมาก
ระบบต่างๆ ของร่างกายมีปฏิกิริยาเริ่มไม่ตอบสนองต่อยาและการกระตุ้นแล้ว โดยอาการผู้ป่วย ถือว่าถึงขีดสุดแล้ว ซึ่งจากการประเมินอาการของแพทย์หลังจากนี้ มีโอกาสสูงมากที่ครูจูหลิง จะเสียชีวิตในระยะเวลาอันสั้นและอาจจะเกิดขึ้นได้ทุกวินาที โดยเฉพาะกรณีได้รับยากระตุ้นในระดับที่ต่ำกว่าที่เคยให้อยู่ แม้ปริมาณน้อยนิดเพียงนิดเดียวก็จะเสียชีวิตทันที เบื้องต้นทางแพทย์ผู้รักษาคาดการณ์ว่าอาจจะเสียชีวิตได้ไม่เกิน 1-2 วันนี้ โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาได้พยายามรักษาอย่างเต็มที่และพยายามยื้อชีวิตสุดความสามารถตามวิชาชีพของแพทย์แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการรักษาโดยให้ยาปรับความดัน รวมถึงการรักษาแก้ไขภาวะไตวายและระดับเกลือแร่ที่ผิดปกติ
“ครูจูหลิง เสียชีวิตลงอย่างสงบในเวลา 16.15 น.และเมื่อเวลา 16.25 น.ทางคณะแพทย์ผู้รักษาได้มีการถวายรายงานแถลงการณ์เกี่ยวกับอาการของครูจูหลิง แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ให้ทรงทราบแล้ว เนื่องจากครูจูหลิง เป็นคนไข้ในพระบรมราชินูปถัม โดยพระองค์ท่านทรงให้ความสำคัญมาก ทรงรับสั่งให้แพทย์ดูแลอย่างดีที่สุด ขณะเดียวกันนี้ทางเราก็ได้ให้จิตแพทย์คอยดูแลสภาพจิตใจแก่บิดามารดาของครูจูหลิงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหลังจากนี้จะได้หารือร่วมกับบิดาและมารดาของครูจูหลิงอีกครั้งว่า จะดำเนินการอย่างไร เพื่อนำรายละเอียดทั้งหมดกราบทูลฯ ถวายอีกครั้ง” รศ.นพ.สุเมธ กล่าว
ด้านนางคำมี ปงกันมูล แม่ของครูจูหลิง ซึ่งหลั่งน้ำตาตลอดเวลาหลังจากที่ได้ทราบอาการของลูกสาว เปิดเผยว่า ในช่วงเช้าตนและสามีได้เข้าไปดูอาการของลูกสาว พบว่า มีอาการผิดปกติเกิดขึ้น เนื่องจากลูกสาวมีใบหน้าที่เศร้า ตัวสั่น เนื้อตัวเล็บมือซีด ซึ่งต่างจากทุกวันที่ผ่านมาและทราบจากแพทย์ว่า อาการของลูกสาวทรุดหนักลงเนื่องจากมีความดันโลหิตต่ำมากและเมื่อลูกสาวเสียชีวิตแล้วก็จะนำร่างลูกสาวกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดที่ จ.เชียงรายต่อไป
ทางด้านนายไพรัช แสงทอง ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษานราธิวาส เขต 1 กล่าวว่า สำหรับศพครูจูหลิงนั้นจะแต่งชุดเครื่องแบบปกติขาวให้อย่างเต็มยศ และจะขอพระราชทานเพลิงศพด้วย
ขณะที่ ด.ช.ฮารียัง ยูโซ๊ะ นักเรียนชั้น ป.6 โรงเรียนบ้านกูจิงลือปะ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ครูจูหลิง กล่าวทั้งน้ำตาหลังทราบข่าวการเสียชีวิตของครูจูหลิงว่า รู้สึกเสียใจกับการจากไปของครูจูหลิงอย่างมาก เพราะช่วงที่ครูสอนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนนั้น ครูเป็นคนดีและใจดีกับลูกศิษย์ทุกคน ตอนนี้อยากไปหาครูที่โรงพยาบาล แต่ไม่รู้จะเดินทางไปกลับใคร
“ขณะที่ครูเข้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ก็จะบ่นกับพ่อและแม่อยู่ตลอดเวลาว่า คิดถึงครูมาก และผมจะละหมาดเพื่อขอพรจากพระเจ้าให้ครูได้หายป่วยเร็วๆ แต่เมื่อครูต้องมาเสียชีวิตลง ก็รู้สึกเสียใจและพูดอะไรไม่ออกจริงๆ เพราะผมรู้สึกสงสารและคิดถึงครูมาก หลังจากนี้ไปจะขอละหมาดเพื่อขอพรจากพระเจ้าให้วิญญาณของครูได้ขึ้นสวรรค์ด้วย" ด.ช.ฮารียัง กล่าว
สำหรับครูจูหลิง ปงกันมูล เกิดเดือนมีนาคม 2522 ภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่ หมู่ 10 บ้านปงน้อยใต้ กิ่ง อ.ดอยหลวง จ.เชียงราย ด้วยความที่บิดาชอบดูหนังจีนกำลังภายในและชอบนางเอกในเรื่องที่ชื่อว่า "จุ้ยหลิน" จึงนำมาตั้งเป็นชื่อบุตรสาว แต่เมื่อไปจดทะเบียนกลายมาเป็น "จูหลิง" และมีชื่อเล่นว่า "จุ้ย" จบการศึกษาสูงสุดที่คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง ภายหลังคว้าปริญญาบัตร ด้วยความรักในศิลปะจึงตัดสินใจเดินทางออกไปรับจ้างวาดภาพผนังโบสถ์ตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยอาศัยอยู่กับแม่ชี กินข้าวก้นบาตร ซึ่งวัดสุดท้าย คือ ที่ จ.สงขลา
สาเหตุที่ตัดสินใจไปรับจ้างวาดภาพ เนื่องจากตัวหลานสาวเองต้องการหาเงินมาก เพื่อส่งให้พ่อแม่นำไปใช้หนี้ที่กู้ยืมมาและส่งเสียให้ได้เรียนหนังสือ และจุดหักเหตุของชีวิตเกิดขึ้นเมื่อ น.ส.จูหลิง สอบครูได้ในอันดับ 1 และจะต้องไปประจำอยู่ที่ จ.นราธิวาส ข่าวดีครั้งนั้นอยู่บนพื้นฐานของการต่อต้านจากญาติพี่น้องด้วยความห่วงใยเรื่องอันตราย แต่ น.ส.จูหลิง ก็ทัดท้านด้วยเหตุผลว่าต้องการไปสอนหนังสือและจะทำให้ได้สอนเด็กๆ วาดรูปด้วย
จนกระทั่งเมื่อที่ 19 พ.ค.49 ครูจูหลิง พร้อมกับเพื่อนครูคือ น.ส.สินีนาฏ ถาวรสุข ซึ่งสอนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนบ้านกูจิงลือปะ ได้ถูกชาวบ้านกูจิงลือปะ หมู่ 4 ต.เฉลิม อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ที่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็กกว่า 300 คนบุกจับตัวไปขณะกำลังสอนหนังสือ โดยชาวบ้านได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ปล่อยตัวผู้ต้องสงสัยซุ่มยิงถล่มเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยนาวิกโยธิน ที่ถูกเจ้าหน้าที่บุกควบคุมตัวไปทำการสอบสวนก่อนหน้านี้
ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมก็ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อครูจูหลิง และครูสินีนาฏ ถูกชาวบ้านไม่ต่ำกว่า 10 คน รุมทำร้ายร่างกายอย่างทารุณ จนเป็นเหตุให้ครูจูหลิง ได้รับบาดเจ็บสาหัส สมองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง และถูกนำตัวส่งไปรับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ โดยเป็นคนไข้ในพระราชินูปถัมภ์แห่งองค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงห่วงใยอาการป่วยของครูจูหลิง โดยให้ทีมแพทย์ถวายรายงานการรักษาให้ทรงทราบทุกวัน พร้อมกับได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ช่วยเหลือครอบครัวครูจูหลิง ด้วย


