นครศรีธรรมราช - ผกก.สภ.อ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช สวมบทแรมโบ้เปิดศึกนายอำเภอแจ้งความกันนัว ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โครงการ ซีอีโอ-ผู้การ เผยตั้งรอง ผบก.ภ.คุมคดี
วันนี้ (15 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีผู้นำท้องถิ่นคนหนึ่งใน อ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช แจ้งว่า ได้มีความขัดแย้งระหว่างข้าราชการระดับสูงของอำเภอพิปูน และอดีต ผกก.สภ.อ.พิปูน ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีอาญากัน ในเรื่องของการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของข้าราชการชั้นผู้น้อยและประชาชน ซึ่งต่างก็เล่าลือกันอย่างกว้างขวาง ถึงเรื่องการดำเนินการตามงบซีอีโอหลายโครงการที่มีความผิดปกติเกิดขึ้น
นอกจากนี้ มีการบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ตัดไม้ทำลายป่า ขุดและดูดทรายในแม่น้ำตาปี มาใช้ในการดำเนินการตามโครงการต่างๆ ทำให้ พ.ต.อ.วิสิทธิ์ ฤทธิแผลง อดีต ผกก.สภ.อ.สภ.อ.พิปูน ที่ปัจจุบันเพิ่งย้ายไปดำรงตำแหน่ง ผกก.สภ.อ.ท่าศาลา ทนไม่ไหวนำกำลังเจ้าหน้าที่บุกจับกุมไม้เถื่อน ถึงในโครงการก่อสร้างหลายครั้ง
ขณะเดียวกัน มีการสอบสวนสืบสวน พบว่า มีผู้เกี่ยวข้องในการกระทำผิดที่เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ รวมทั้งผู้นำท้องถิ่นหลายคน จนเกิดความไม่ลงรอยกันอย่างรุนแรงระหว่าง พ.ต.อ.วิสิทธิ์ ฤทธิแผลง กับนายสมโภชน์ โชติชูช่วง นายอำเภอพิปูน
จนในที่สุดก่อนที่ พ.ต.อ.วิสิทธิ์ จะย้ายไปรับตำแหน่ง ผกก.สภ.อ.ท่าศาลา ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนของ สภ.อ.พิปูน เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นายสมโภชน์ ในข้อหาเป็นเจ้าหน้าที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และ พ.ต.อ.วิสิทธิ์ ยังได้ยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.เข้ามาสอบสวนตามกฎหมายมาตรา 157 ด้วย
เกี่ยวกับเรื่องนี้ พล.ต.ต.สุดใจ ญาณรัตน์ ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า เรื่องที่ พ.ต.อ.วิสิทธิ์ ฤทธิแผลง ผกก.สภ.อ.ท่าศาลา อดีต ผกก.สภ.อ.พิปูน แจ้งความดำเนินคดีกับ นายสมโภช โชติชูช่วง นายอำเภอพิปูนนั้น เป็นเรื่องจริง โดยแจ้งความไว้กับ พ.ต.ท.กรกช ชุมศรี สวส.สภ.อ.พิปูนเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2549 ที่ผ่านมา และมีการรายงานรายละเอียดทั้งหมดให้ตนทราบแล้ว พร้อมกันนี้ ตนได้รายงานให้ นายวิชม ทองสงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดทราบด้วยเช่นกัน
“สำหรับข้อหาหลักๆ นั้น คือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่ง พ.ต.อ.วิสิทธิ์ ได้ยื่นเอกสารหลักฐานที่มีรายละเอียดที่ พ.ต.อ.วิสิทธิ์ ได้สอบสวนสืบสวนและรวบรวมเอาไว้ตลอดระยะเวลา 1 ปี ทั้งเรื่องการตัดไม้ทำลายป่าการลักลอบขุดและดูดทรายในแม่น้ำตาปี โดยไม้และทรายได้ถูกนำมาใช้ในโครงการต่างๆ ในพื้นที่ อ.พิปูน ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณซีอีโอ ซึ่งมีผู้นำท้องถิ่นบางคนเป็นผู้รับเหมาและถูกตำรวจและเจ้าหน้าที่ป่าไม้จับกุมหลายครั้ง และจากการสอบสวน พ.ต.อ.วิสิทธิ์ ได้รวบรวมพยานหลักฐานไว้หลายอย่าง”
ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องของความไม่ปกติจำนำไปสู่การแจ้งความนั้น พ.ต.อ.วิสิทธิ์ ได้อ้างถึงงบประมาณการก่อสร้างในแต่ละโครงการ แต่การดำเนินการจริงๆ ใช้งบเพียง 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น โดยทราบว่าทาง พ.ต.อ.วิสิทธิ์ ได้รวบรวมพยานหลักฐานไว้เช่นกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก ตนจึงได้แต่งตั้งให้ พ.ต.อ.มนตรี ศรีนพคุณ รอง ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีนี้
ทั้งนี้ ได้มีการลงพื้นที่ไปสอบสวนปากคำพยานไว้บางส่วนแล้ว และจะดำเนินการไปตามขั้นตอนอย่างโปร่งใส และเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ส่วนทางจังหวัดโดยนายวิชม ทองสงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ตามขั้นตอนหรือไม่ตนไม่ทราบ ความจริงตนไม่อยากให้มีเรื่องในลักษณะนี้เกิดขึ้น เพราะประชาชนจะมองว่าเป็นความขัดแย้งระหว่างตำรวจกับฝ่ายปกครอง แต่เมื่อ พ.ต.อ.วิสิทธิ์ ยืนยันจะแจ้งความดำเนินคดีก็เป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้
ผู้สื่อข่าวสอบถามเรื่องนี้ไปยัง พ.ต.อ.วิสิทธิ์ ฤทธิแผลง ผกก.สภ.อ.ท่าศาลา กล่าวว่า ยอมรับว่าตนแจ้งความไว้กับ พ.ต.ท.กรกช ชุมศรี สวส.สภ.อ.พิปูน เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมา เพื่อดำเนินคดีกับนายสมโภชน์ โชติชูช่วง นายอำเภอพิปูน จริง แต่ตนขอไม่เปิดเผยในรายละเอียดเพราะตนเป็นคู่กรณีกันจะไม่เหมาะสม และตนได้ให้ปากคำเบื้องต้น พร้อมยื่นพยานหลักฐานที่สอบสวนสืบสวนและรวบรวมมาตลอดระยะเวลา 1 ปี ไว้ให้กับพนักงานสอบสวนหมดแล้ว และยังสำเนายื่นเป็นหลักฐานไว้กับ พล.ต.ต.สุดใจ ญาณรัตน์ ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา แต่เมื่อถึงเวลา ตนก็พร้อมจะเปิดเผยในรายละเอียดทั้งหมดเช่นกัน
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าว ได้ติดต่อไปยังนายสมโภชน์ โชติชูช่วง นายอำเภอพิปูน ซึ่งปฏิเสธที่จะพูดคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่คนใกล้ชิดรายหนึ่ง ได้เปิดเผยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นถือว่าไม่เป็นเรื่อง ทางนายอำเภอไม่อยากให้เป็นข่าว จริงๆแล้วในพื้นที่นั้นมีปัญหามาก มีความไม่ชอบมาพากล หลายอย่าง การแจ้งความที่เกิดขึ้นไปเก็บอะไรมาก็ไม่รู้ มีความคิดแบบเด็กๆ
ในขณะนี้ทราบว่าทางนายอำเภอ อยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานแจ้งความดำเนินคดีกลับฝ่ายตำรวจเช่นกัน เพื่อรักษาศักดิ์ศรีความเป็นนายอำเภอ เรื่องหลายอย่างที่ปรากฏนั้นมันไม่ถูกต้อง มีเรื่องละเว้นการปฏิบัติหน้าที่มากมาย ทั้งๆ ที่มันเป็นคดีอาญาแผ่นดินยอมความไม่ได้คดีก็จบได้
พอที่จะสรุปได้ว่าทางนายอำเภอจะมีการแจ้งความดำเนินคดีกับฝ่ายตำรวจใน 3 ประเด็นหลักคือ 1. หมิ่นประมาท 2.ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 154 และมาตรา 157 และ 3.เรียกรับผลประโยชน์ ส่วนทางด้านนายอำเภอ ถือว่าเป็นนายอำเภอคนเดียวของประเทศไทย ที่ขอย้ายตัวเองกลับไปอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งได้ทำเรื่องขออนุมัติผู้บังคับบัญชาไปแล้ว
วันนี้ (15 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีผู้นำท้องถิ่นคนหนึ่งใน อ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช แจ้งว่า ได้มีความขัดแย้งระหว่างข้าราชการระดับสูงของอำเภอพิปูน และอดีต ผกก.สภ.อ.พิปูน ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีอาญากัน ในเรื่องของการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของข้าราชการชั้นผู้น้อยและประชาชน ซึ่งต่างก็เล่าลือกันอย่างกว้างขวาง ถึงเรื่องการดำเนินการตามงบซีอีโอหลายโครงการที่มีความผิดปกติเกิดขึ้น
นอกจากนี้ มีการบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ตัดไม้ทำลายป่า ขุดและดูดทรายในแม่น้ำตาปี มาใช้ในการดำเนินการตามโครงการต่างๆ ทำให้ พ.ต.อ.วิสิทธิ์ ฤทธิแผลง อดีต ผกก.สภ.อ.สภ.อ.พิปูน ที่ปัจจุบันเพิ่งย้ายไปดำรงตำแหน่ง ผกก.สภ.อ.ท่าศาลา ทนไม่ไหวนำกำลังเจ้าหน้าที่บุกจับกุมไม้เถื่อน ถึงในโครงการก่อสร้างหลายครั้ง
ขณะเดียวกัน มีการสอบสวนสืบสวน พบว่า มีผู้เกี่ยวข้องในการกระทำผิดที่เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ รวมทั้งผู้นำท้องถิ่นหลายคน จนเกิดความไม่ลงรอยกันอย่างรุนแรงระหว่าง พ.ต.อ.วิสิทธิ์ ฤทธิแผลง กับนายสมโภชน์ โชติชูช่วง นายอำเภอพิปูน
จนในที่สุดก่อนที่ พ.ต.อ.วิสิทธิ์ จะย้ายไปรับตำแหน่ง ผกก.สภ.อ.ท่าศาลา ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนของ สภ.อ.พิปูน เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นายสมโภชน์ ในข้อหาเป็นเจ้าหน้าที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และ พ.ต.อ.วิสิทธิ์ ยังได้ยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.เข้ามาสอบสวนตามกฎหมายมาตรา 157 ด้วย
เกี่ยวกับเรื่องนี้ พล.ต.ต.สุดใจ ญาณรัตน์ ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า เรื่องที่ พ.ต.อ.วิสิทธิ์ ฤทธิแผลง ผกก.สภ.อ.ท่าศาลา อดีต ผกก.สภ.อ.พิปูน แจ้งความดำเนินคดีกับ นายสมโภช โชติชูช่วง นายอำเภอพิปูนนั้น เป็นเรื่องจริง โดยแจ้งความไว้กับ พ.ต.ท.กรกช ชุมศรี สวส.สภ.อ.พิปูนเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2549 ที่ผ่านมา และมีการรายงานรายละเอียดทั้งหมดให้ตนทราบแล้ว พร้อมกันนี้ ตนได้รายงานให้ นายวิชม ทองสงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดทราบด้วยเช่นกัน
“สำหรับข้อหาหลักๆ นั้น คือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่ง พ.ต.อ.วิสิทธิ์ ได้ยื่นเอกสารหลักฐานที่มีรายละเอียดที่ พ.ต.อ.วิสิทธิ์ ได้สอบสวนสืบสวนและรวบรวมเอาไว้ตลอดระยะเวลา 1 ปี ทั้งเรื่องการตัดไม้ทำลายป่าการลักลอบขุดและดูดทรายในแม่น้ำตาปี โดยไม้และทรายได้ถูกนำมาใช้ในโครงการต่างๆ ในพื้นที่ อ.พิปูน ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณซีอีโอ ซึ่งมีผู้นำท้องถิ่นบางคนเป็นผู้รับเหมาและถูกตำรวจและเจ้าหน้าที่ป่าไม้จับกุมหลายครั้ง และจากการสอบสวน พ.ต.อ.วิสิทธิ์ ได้รวบรวมพยานหลักฐานไว้หลายอย่าง”
ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องของความไม่ปกติจำนำไปสู่การแจ้งความนั้น พ.ต.อ.วิสิทธิ์ ได้อ้างถึงงบประมาณการก่อสร้างในแต่ละโครงการ แต่การดำเนินการจริงๆ ใช้งบเพียง 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น โดยทราบว่าทาง พ.ต.อ.วิสิทธิ์ ได้รวบรวมพยานหลักฐานไว้เช่นกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก ตนจึงได้แต่งตั้งให้ พ.ต.อ.มนตรี ศรีนพคุณ รอง ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีนี้
ทั้งนี้ ได้มีการลงพื้นที่ไปสอบสวนปากคำพยานไว้บางส่วนแล้ว และจะดำเนินการไปตามขั้นตอนอย่างโปร่งใส และเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ส่วนทางจังหวัดโดยนายวิชม ทองสงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ตามขั้นตอนหรือไม่ตนไม่ทราบ ความจริงตนไม่อยากให้มีเรื่องในลักษณะนี้เกิดขึ้น เพราะประชาชนจะมองว่าเป็นความขัดแย้งระหว่างตำรวจกับฝ่ายปกครอง แต่เมื่อ พ.ต.อ.วิสิทธิ์ ยืนยันจะแจ้งความดำเนินคดีก็เป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้
ผู้สื่อข่าวสอบถามเรื่องนี้ไปยัง พ.ต.อ.วิสิทธิ์ ฤทธิแผลง ผกก.สภ.อ.ท่าศาลา กล่าวว่า ยอมรับว่าตนแจ้งความไว้กับ พ.ต.ท.กรกช ชุมศรี สวส.สภ.อ.พิปูน เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมา เพื่อดำเนินคดีกับนายสมโภชน์ โชติชูช่วง นายอำเภอพิปูน จริง แต่ตนขอไม่เปิดเผยในรายละเอียดเพราะตนเป็นคู่กรณีกันจะไม่เหมาะสม และตนได้ให้ปากคำเบื้องต้น พร้อมยื่นพยานหลักฐานที่สอบสวนสืบสวนและรวบรวมมาตลอดระยะเวลา 1 ปี ไว้ให้กับพนักงานสอบสวนหมดแล้ว และยังสำเนายื่นเป็นหลักฐานไว้กับ พล.ต.ต.สุดใจ ญาณรัตน์ ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา แต่เมื่อถึงเวลา ตนก็พร้อมจะเปิดเผยในรายละเอียดทั้งหมดเช่นกัน
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าว ได้ติดต่อไปยังนายสมโภชน์ โชติชูช่วง นายอำเภอพิปูน ซึ่งปฏิเสธที่จะพูดคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่คนใกล้ชิดรายหนึ่ง ได้เปิดเผยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นถือว่าไม่เป็นเรื่อง ทางนายอำเภอไม่อยากให้เป็นข่าว จริงๆแล้วในพื้นที่นั้นมีปัญหามาก มีความไม่ชอบมาพากล หลายอย่าง การแจ้งความที่เกิดขึ้นไปเก็บอะไรมาก็ไม่รู้ มีความคิดแบบเด็กๆ
ในขณะนี้ทราบว่าทางนายอำเภอ อยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานแจ้งความดำเนินคดีกลับฝ่ายตำรวจเช่นกัน เพื่อรักษาศักดิ์ศรีความเป็นนายอำเภอ เรื่องหลายอย่างที่ปรากฏนั้นมันไม่ถูกต้อง มีเรื่องละเว้นการปฏิบัติหน้าที่มากมาย ทั้งๆ ที่มันเป็นคดีอาญาแผ่นดินยอมความไม่ได้คดีก็จบได้
พอที่จะสรุปได้ว่าทางนายอำเภอจะมีการแจ้งความดำเนินคดีกับฝ่ายตำรวจใน 3 ประเด็นหลักคือ 1. หมิ่นประมาท 2.ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 154 และมาตรา 157 และ 3.เรียกรับผลประโยชน์ ส่วนทางด้านนายอำเภอ ถือว่าเป็นนายอำเภอคนเดียวของประเทศไทย ที่ขอย้ายตัวเองกลับไปอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งได้ทำเรื่องขออนุมัติผู้บังคับบัญชาไปแล้ว