xs
xsm
sm
md
lg

“มหาเธร์” ส่งสัญญาณ “ถอย” เจรจาสันติภาพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – อดีตผู้นำมาเลเซีย นัดคุยผู้นำศาสนา 3 จังหวัดใต้ ส่งสัญญาณ “ถอย” เจรจาสันติภาพ บอก “ไม่ดันทุรังทำ ถ้าไม่เป็นที่ต้องการ” แต่ยังรับปากสานต่อข้อเสนอช่วยเหลือชาวมุสลิมที่เคยส่งให้กับรัฐบาลไทย ด้านโต๊ะครูจากปัตตานีปฏิเสธพัลวัน ไม่มีหารือเรื่องการเมือง หรือสถานการณ์ไฟใต้ ยอมรับตกใจเจอทัพสื่อมวลชนแห่ทำข่าว

เมื่อบ่ายวันนี้ (17 ต.ค.) ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้นัดหารือกับผู้นำศาสนา 7 คน จากจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ที่กัมปง ตก เซนิค รีสอร์ต เกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย ท่ามกลางความสนใจของสื่อมวลชนทุกแขนงจากหลายประเทศที่มารอติดตามทำข่าวเป็นจำนวนมาก รวมทั้งผู้สื่อข่าวจากประเทศไทย

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ อดีตผู้นำมาเลเซีย ได้ออกมายอมรับถึงการทำหน้าที่เป็นผู้ประสานการเจรจาระหว่างแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบ กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของไทย เพื่อสร้างสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง

ภายหลังการหารือ ซึ่งใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ดร.มหาเธร์ กล่าวว่า ผู้นำศาสนาเหล่านี้มาเยี่ยมเพื่อร่วมละศีลอด และพูดคุยกัน หลายคนบอกกับตนว่า มีปัญหา จึงอยากพูดคุยปรึกษา ซึ่งตนก็รับว่าจะช่วยเหลือเต็มที่หากช่วยได้

ดร.มหาเธร์ กล่าวต่อว่า ปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นปัญหาที่ซับซ้อน มีความต่อเนื่องยืดเยื้อยาวนาน โดยมีปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาหลัก และมีวัยรุ่นเข้าไปเกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก ทำให้มีการก่อเหตุรุนแรงและมีอาชญากรรมสูง เมื่อรวมเข้ากับปัญหาความยุติธรรมที่เกิดขึ้น ทำให้กลายเป็นปัญหาหนักซึ่งยากต่อการแก้ไข

“การพูดคุยกับผู้นำศาสนา เป็นการหารือแบบส่วนตัว โดยผู้นำศาสนาขอให้ช่วยเสนอเรื่องการพัฒนาด้านการศึกษา และการฝึกอาชีพ ซึ่งผมก็รับว่าจะช่วยถ้ามีโอกาส” ดร.มหาเธร์ กล่าว และว่า ในโอกาสนี้ยังได้หารือกับผู้นำศาสนาเกี่ยวกับการนำเงินซากาตไปสร้างมัสยิดแห่งใหม่ที่บ้านปาเสยาวอ ต.ตะลุบัน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี แต่ขณะนี้เงินยังไม่พอ จึงต้องรอการบริจาคเพิ่มเติม

อดีตผู้นำมาเลเซีย กล่าวอีกว่า ผู้นำศาสนากลุ่มนี้มีความตั้งใจจะทำงานร่วมกับรัฐบาลไทย ในการแก้ไขปัญหาความรุนแรง จึงอยากให้รัฐบาลไทยรู้สึกกับผู้นำศาสนาเหล่านี้เหมือนกับคนไทยทั่วๆ ไป ที่เป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย เพราะผู้นำศาสนาทุกคนก็ยอมรับในรัฐบาลและพร้อมที่จะให้ความร่วมมือด้วย

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับบทบาทการเป็นผู้ประสานการเจรจาระหว่างกลุ่มก่อความไม่สงบ กับเจ้าหน้าที่ไทย ดร.มหาเธร์ ตอบว่า “เรื่องนี้ถือเป็นหน้าที่ และส่วนตัวอยากจะช่วย เป็นบทบาทที่ผมควรจะทำ แต่ถ้าหากผมทำไปแล้วไม่เป็นที่ต้องการของคนอื่นๆ ผมก็จะไม่ดันทุรังทำต่อไป”

อดีตผู้นำมาเลเซีย ยังเสนอแนะให้รัฐบาลไทยดำเนินการในหลายๆ เรื่อง ตามที่เคยจัดทำเป็นร่างแผนสันติภาพ และนำเสนอต่อรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงระดับสูงของไทยในรัฐบาลชุดที่แล้ว ได้แก่ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี พล.ท.ไวพจน์ ศรีนวล อดีตผู้บัญชาการศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ และ พล.อ.วินัย ภัททิยกุล อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ

ทั้งนี้ ในแผนดังกล่าวมีการเสนอแนวทางพัฒนาด้านการศึกษา เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม รวมทั้งการแก้ไขปัญหาเรื่องบุคคลสองสัญชาติ ด้วยการจัดทำบัตรสมาร์ทการ์ด หรือบัตรประจำตัวประชาชน แบบอิเล็กทรอนิกส์ แต่ไม่มีข้อเรียกร้องเรื่องการแบ่งแยกดินแดนแต่อย่างใด

“กลุ่มที่ผมเคยพูดคุยด้วย ไม่ได้มีความต้องการที่จะปกครองตนเอง” ดร.มหาเธร์ ย้ำ

ต่อข้อถามว่า เมื่อแผนสันติภาพได้ถูกนำเสนอไปแล้ว บทบาทหลังจากนี้จะทำอย่างไรต่อไป ดร.มหาเธร์ กล่าวว่า สิ่งที่คาดหวัง ก็คือ เห็นสันติภาพเกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ ทุกฝ่ายวางอาวุธ ความรุนแรงยุติลง และปัญหาทุกอย่างทุเลาเบาบาง

“เมื่อเป็นเช่นนั้นหน้าที่ของผม ก็ถือว่าจบ คงไม่มีอะไรต่อ แต่สันติภาพคงจะไม่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ จากการเซ็นสัญญาแค่ครั้งเดียว เพราะในพื้นที่มีกลุ่มต่างๆ หลายกลุ่ม และแต่ละกลุ่มก็เป็นอิสระ ไม่ขึ้นแก่กัน ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลไทยที่ต้องดำเนินการต่อไป” ดร.มหาเธร์ กล่าวทิ้งท้าย

ด้านท่าทีของผู้นำศาสนาที่ร่วมหารือกับนายมหาธีร์นั้น นายมูฮัมหมัด อับดุลเลาะห์ อุสตาซโรงเรียนสอนศาสนาแห่งหนึ่งใน อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี กล่าวว่า การเดินทางมาพบ ดร.มหาเธร์ ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกหลังได้รับการติดต่อเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ซึ่งการพูดคุย ทราบว่า ดร.มหาเธร์ ได้บริจาคซะกาตในเดือนถือศีลอด เพื่อสร้างมัสยิดที่ตะลุบัน

“ขอยืนยันว่า การพูดคุยครั้งนี้ไม่ได้มีการพูดเรื่องการเมือง หรือเหตุการณ์ร้ายแรงในภาคใต้ใดๆ ทั้งสิ้น ผมเป็นเพียงโต๊ะครูที่สอนคนให้เป็นคนดีเท่านั้น” นายมูฮัมหมัด กล่าวเมื่อถูกถามว่า มีการหารือถึงการเจรจาสันติภาพ หรือสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่หรือไม่

นายมะรีเป็ง เจ๊ะเซ๊ะ ครูใหญ่โรงเรียนเอกชนศาสนาแห่งหนึ่งใน อ.ยะหริ่ง กล่าวว่า รู้สึกตกใจที่เห็นผู้สื่อข่าวทั้งชาวไทยและต่างชาติมาทำข่าวกันมาก ส่วนตัวไม่รู้มาก่อนว่าจะเป็นข่าวใหญ่ขนาดนี้ เพราะได้รับการประสานมาว่าให้มาพูดคุยกับอดีตนายกฯมหาธีร์ เกี่ยวกับเรื่องความช่วยเหลือต่างๆ

“ผมมีความเป็นห่วงเรื่องยาเสพติดในพื้นที่เป็นอย่างมาก เพราะยังมีความรุนแรงอยู่ ดังนั้น จึงต้องให้สถาบันการศึกษาช่วยดึงเยาวชนเอาไว้ ซึ่งท่านมหาธีร์ก็ยินดีสนับสนุนสร้างโรงเรียนปอเนอะด้วย”

นายมะรีเป็ง บอกด้วยว่า อดีตผู้นำมาเลเซียไม่ได้ถามเรื่องสถานการณ์ใน 3 จังหวัดภาคใต้ เพียงแต่บอกให้ช่วยกันดูแลให้เกิดความสงบ แต่โดยส่วนตัวคิดว่าขณะนี้มีทิศทางที่ดี เพราะได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่น่าจะเข้าใจปัญหามากกว่าเดิม

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเดินทางมาในครั้งนี้ไม่หวั่นเกรงว่าจะถูกจับตามองจากทางการไทยหรือ นายมะรีเป็ง ตอบว่า ไม่กลัว เพราะทุกคนในพื้นที่ต่างก็ทราบดีว่าเขาเป็นคนอย่างไร และยังมีตำแหน่งเป็นกรรมการตรวจสอบและติดตามการปฏิบัติงานของตำรวจ หรือ กต.ตร.ในพื้นที่อำเภอยะหริ่ง ด้วย จึงไม่น่ามีปัญหาอะไร
กำลังโหลดความคิดเห็น