นครศรีธรรมราช - ตำรวจเมืองคอนย่องเงียบรีสอร์ทกลางป่าเขาหลวงตะครุบ “ศฤงคาร”โจ๋เจ้าพ่อยาบ้าหลังตัดลูกกรงแหกคุกโรงพักอุดรธานี นอนตีพุงทำเป็นโรคเอ๋อ แต่สุดท้ายไม่รอด
เมื่อเวลา 06.30 น.วันนี้ (11 ส.ค.) พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองผบช.ภ.8 พล.ต.ต.สุดใจ ญาณรัตน์ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัวนายศฤงคาร หรือ อุ๊บ บุญศรชัย อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาในคดีค้ายาเสพติดรายใหญ่ และนายทนงค์ รุ่งเรือง อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันลักทรัพย์ ที่ได้ร่วมกันแหกห้องขัง สภ.อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี โดยใช้เลื่อยตัดซี่ลูกกรงเหล็กเพื่อเป็นทางหลบหนีเมื่อช่วงเวลา 03.45 น.ของวันที่ 7 ส.ค.49 ที่ผ่านมา และขับรถยนต์เก๋งเดินทางมาหลบกบดานที่ อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช จนกระทั่งเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวไว้ได้
พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รอง ผบช.ภ.8 เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ผู้ต้องหาที่ถูกจับได้ทั้งสองรายได้หลบหนีพร้อมด้วยนายดง นามอาษา อายุ 22 ปี และนายไพศาล ไกรฤทธิ์ อายุ 22 ปี ใช้เลื่อยตัดลูกกรงเหล็กของห้องควบคุมบน สภ.อ.เมืองอุดรธานี โดยสองรายหลังนั้นยังจับตัวไม่ได้ทั้ง 4 รายได้ออกมาแล้วกระจายกันหลบหนีโดยที่นายศฤงคาร บุญศรไชย ซึ่งเป็นผู้ต้องหาค้ายาเสพติดรายสำคัญระดับประเทศ ได้หลบหนีมาพร้อมกับนายทนงค์ รุ่งเรือง จนกระทั่ง พล.ต.ท.วงกต มณีรินทร์ ผช.ผบ.ตร.ได้สืบทราบว่าทั้งสองรายได้หลบมาอยู่ที่ นครศรีธรรมราช
หลังจากนั้น พ.ต.อ.สมชาย อ่วมถนอม รอง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยกำลัง นปพ.สืบสวนจนทราบว่าทั้งสองรายได้ใช้รถยนต์เก๋งโตโยต้าวีออส ทะเบียน ศธ-4965 กทม.เบื้องต้นพบว่าเป็นป้ายทะเบียนปลอม เป็นพาหนะมาหลบซ่อนตัวอยู่ที่ห้องพักหมายเลข 6 เขาหลวงรีสอร์ท ม.4 ตงเขาแก้ว อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช และเมื่อเวลา 01.00 น.ของวันที่ 11 ส.ค.49 จึงนำกำลังเข้าปิดล้อมและจับกุมไว้ได้ทั้งสองรายภายในห้องดังกล่าว แต่ขณะจับกุมปรากฏว่านายศฤงคาร ทำแกล้งเป็นโรคเอ๋อพูดจาไม่รู้เรื่องแต่เมื่อเจ้าหน้าที่นำรูปมายืนยันจึงรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันจึงถูกควบคุมตัวไว้ทันที
นายศฤงคาร บุญศรไชย อายุ 23 ปี ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเอเย่นส์ค้ายาเสพติดระดับประเทศ เล่าให้ผู้สื่อข่าวและเจ้าหน้าที่ฟังอย่างไม่สะทกสะท้านว่าตนเองนั้นได้ถูกจับหลังจากลูกน้องซัดทอดขณะไปส่งยาบ้า 40,000 เม็ด ยอมรับว่าล็อตดังกล่าวเป็นของตนเอง ซึ่งได้เริ่มเข้าวงการมาตั้งแต่อายุ 19 ปี กระทั่งมีเครดิตสามารถสั่งยาบ้าโดยไม่ต้องจ่ายเงินได้ถึงคราวละ 200 มัดหรือ 400,000 เม็ดจากฝั่งลาว โดยมีต้นทุนเม็ดละ 10 บาทเศษ มาขายต่อยัง กทม.ได้กำไรมัดละ 4-6 หมื่นบาท จนมีเงินหมุนเวียนนับสิบล้านบาท
ล่าสุดนั้นถูก ป.ป.ง.ยึดไปแล้วราว 10 ล้านบาทแต่ยังมีเงินกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ อีก 4-5 ล้านบาทไว้ใช้จ่าย ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่าจะต้องถูกส่งตัวกลับด้วยเฮลิคอปเตอร์ของตำรวจ นายศฤงคารถึงกับอุทานด้วยความดีใจว่า “สุดยอด” ก่อนบอกอีกว่ากลับไปถึงคงน่วมแน่ ท่ามกลางเสียงหัวเราะของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
“ผมไม่ได้เป็นคนแหกห้องขัง อีกสองคนที่หลบหนีอยู่ต่างหากเป็นผู้เลื่อยลูกกรงมีเด็กเอามาให้ สิบเวรไม่ได้ตรวจของ สองคนแรกออกมาก่อน ผมกับนายทนงค์ ออกมาทีหลังตอนที่กระโดดเท้าแพลง หลังจากนั้นได้ไปยืมรถคันที่ถูกจับได้ขับหนีมาเรื่อยๆ จนมาถึงนครศรีธรรมราชและเข้าพักที่รีสอร์ทได้เป็นคืนที่สองแล้วก็ถูกจับ อีก 2 คน ผมไม่รู้ว่าหนีไปที่ไหน” นายศฤงคารกล่าว
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวทั้งสองคนเดินทางไปยัง จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อขึ้นเครื่องบินไปยัง กทม.และส่งตัวต่อไปยัง จ.อุดรธานี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปขณะเดียวกันได้ตั้งข้อหาเพิ่มอีก 2 ข้อหาคือ 1.ร่วมกันหลบหนีจากที่ควบคุม คุมขังโดยอำนาจของพนักงานสอบสวนหรือศาล 2.ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ซึ่งเป็นทรัพย์สินของทางราชการ