xs
xsm
sm
md
lg

เผยโฉมนอมินี ทรท.ฮุบสมุย ชาวบ้านโวยเจอเลือกปฏิบัติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

การตัดถนนเข้าสู่ ที่ดินผืนทองของนักการเมืองใหญ่ขึ้นเขาหน้าหาดเฉวง
ผู้จัดการรายวัน - คนสมุยสุดทนแฉขบวนการฮุบที่ดินเกาะสมุยของนายทุน นักการเมือง ใช้อำนาจบีบซื้อจากชาวบ้าน และใช้กำลังภายในบี้เจ้าหน้าที่เสกโฉนดในพริบตา ขณะที่คนพื้นถิ่นดั้งเดิมกลับถูกเลือกปฏิบัติไม่ได้รับเอกสารสิทธิ ทั้งที่ทำกินมานมนาน แกะรอยเครือข่ายนอมินี เจ้าแม่ที่ดินคุณหญิงหน่อย-เจ๊กุ้ง ขาใหญ่ลุยยึดสมุย พร้อมตั้งข้อกังขาโรงแรมดัง “บานาน่า แฟนซีสมุย บีช” ซึ่ง บรรณพจน์ ดามาพงศ์ เพิ่งถอนหุ้นรุกที่สาธารณะติดทะเล

หลังจากสื่อมวลชนร่วมกันเปิดโปงขบวนการรุกที่เกาะสมุย ซึ่งมีกรณีที่โด่งดัง คือ โครงการ “เดอะพีค” ที่ประกาศขายที่ดินกลางเขา ตามด้วยการรุกเข้าครอบครองที่ดินบนเกาะสมุยของนักการเมืองพรรคไทยรักไทย แม้ว่าข่าวดังกล่าวจะถูกเบี่ยงประเด็นด้วยเรื่องกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยกพลขึ้นเกาะสมุยบุกจับรวบมาเฟียข้ามชาติ ที่เข้ามาทำธุรกิจที่ดินและท่องเที่ยวบังหน้า ทำให้การสืบสาวเรื่องราวการเข้าฮุบเกาะสมุยของพลพรรคไทยรักไทย ถูกกลบเกลื่อน และการตรวจสอบก็ดำเนินไปภายใต้การเลือกปฏิบัติ ไม่นับชาวเกาะสมุย คนพื้นถิ่นที่ถูกย่ำยี ถูกบีบทั้งจากอำนาจรัฐและอำนาจทุน

ชาวบ้านเกาะสมุย ซึ่งเกาะติดการเข้าตรวจสอบการบุกรุกเกาะสมุยของทางการ ให้ข้อมูลว่า เวลานี้ยังมีพื้นที่บนเกาะสมุยอีกหลายพันไร่ที่เป็นแหล่งต้นน้ำ ซึ่งถูกบุกกว้านซื้อไว้ และกำลังยื่นขอเอกสารสิทธิจากสำนักงานที่ดินเกาะสมุยเพิ่มเติมจากที่สามารถออกเอกสารสิทธิได้แล้วบางส่วน ดัง เช่น โครงการไดมอนเฮด เขาเฉวง, โครงการน้ำตกสองหน้าเมือง, โครงการหลังสนามกอล์ฟสันติบุรี ซึ่งอยู่บนยอดเขาสูงสุด รวมทั้งแปลงแม่น้ำ-บ่อผุด ที่เตรียมไว้ทำสนามกอล์ฟและวิลล่า เพื่อแข่งกับสันติบุรี

“มีข้อสังเกตว่า โครงการเหล่านี้ รักษาการ รมว.ยงยุทธ (ติยะไพรัช) ไม่ได้พูดถึง ชาวสมุยเขารู้กันทั่วว่าใครเป็นเจ้าของและมีใครอยู่เบื้องหลังให้การสนับสนุน” ชาวบ้านเกาะสมุย ให้ข้อมูล

ชาวบ้านช้ำถูกเลือกปฏิบัติ

แหล่งข่าวที่เป็นชาวสมุยอีกรายหนึ่ง ชี้ว่า การถือครองที่ดินของกลุ่มนายทุนและนักการเมือง ทำให้ประเด็นการเลือกปฏิบัติชัดเจนยิ่งขึ้น เพราะการถือครองของชาวสมุยดั้งเดิมอีกจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับเอกสารสิทธิ ทั้งๆ ที่ทำกินในพื้นที่เหล่านี้มานานนับ 40-50 ปี แต่เมื่อนายทุนหรือนักการเมืองจากทั้งในถิ่นนี้และต่างถิ่นประสงค์จะได้เอกสารสิทธิ ก็มีการดำเนินการกันอย่างรวดเร็ว
“ภบท.5 (เอกสารรับรองการจ่ายภาษีบำรุงท้องที่) ของตาสีตาสาที่เหลืออยู่ตามเขาต่างๆ เขาก็ไม่ออก น.ส.3 ก.ให้ ถ้าออกให้ก็ใช้เวลานาน ต้องไปเดินตามเอง แต่ของนักการเมือง พวกนายทุน จะไปซื้อก็ออกเป็นโฉนดแทบจะทันที” แหล่งข่าวระบุ
โรงแรมบานาน่า แฟนซีสมุยฯ ที่นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ เคยถือหุ้น
แหล่งข่าวคนดังกล่าวซึ่งเป็นคนดั้งเดิมของเกาะสมุย เผยต่อว่า การเข้าซื้อที่ดินของนายหน้าค้าที่ดินจะดำเนินการ โดยการขอซื้อกับชาวบ้านในราคาที่ถูก เนื่องจากไม่มีเอกสารสิทธิ หากเจ้าของที่ดินผืนงามดังกล่าวไม่ยอมขาย ก็จะใช้วิธีบีบให้ขายโดยการกว้านซื้อที่โดยรอบ เพื่อปล่อยให้เป็นพื้นที่ตาบอด และกว้านซื้อให้เป็นผืนเดียวกัน

“พอถึงกระบวนการรังวัดที่เพื่อออกเป็น น.ส.3 ก.หรือโฉนด ก็ขอให้เจ้าหน้าที่วัดครอบที่ที่เป็น ภบท.5 หรือที่เราเรียกกันว่า น.ส.3 บวม นั่นแหละ คือ ซื้อครอบและก็วัดครอบอีกที บางทีเจ้าหน้าที่ก็รู้เห็นเป็นใจ แต่ก็อาจจะไม่รู้ก็ได้เพราะไม่สามารถบอกได้ว่าพื้นที่เก่ามีขนาดเท่าไหร่ นี่เป็นช่องว่างของกฎหมายที่หาประโยชน์กัน” ชาวบ้านรายเดิม กล่าว

ด้านแหล่งข่าวนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเกาะสมุยอีกราย ระบุว่า นอกเหนือจากวิธีการดังกล่าว ก็อาจจะกดดัน ให้ชาวบ้านเจ้าของที่เร่งขอโฉนดหรือเอกสารสิทธิต่างๆ ในนามชาวบ้านให้ได้ ขณะที่พวกของตนจะเดินเรื่องในสำนักงานที่ดินให้ หลังจากได้เอกสารสิทธิแล้ว ก็โอนให้กับพวกตน จากนั้น จะใช้วิธีการยืด (การระบุพื้นที่เกิน) หรือบิน (การระบุพื้นที่อื่น) ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ทำกัน

นอกจากนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ตามมา เพื่อเพิ่มมูลค่าและอำนวยความสะดวก ก็อาศัยโครงการที่นักการเมืองท้องถิ่น ในเครือข่ายชงขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นโครงการขยายถนน ต่อท่อน้ำประปา และติดตั้งไฟฟ้า เป็นอันว่าครบวงจร

แหล่งข่าวนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเกาะสมุย ให้ข้อมูลว่า ในทางกฎหมายนักการเมืองใหญ่เหล่านี้จะให้ตัวแทนซึ่งอาจจะเป็นนักธุรกิจ หรือนักการเมืองท้องถิ่นเข้าถือแทน แต่ในทางพฤตินัยเป็นที่รู้กันว่าที่ดินผืนนั้นผืนนี้เป็นของใคร สำหรับนักการเมืองของพรรคไทยรักไทยที่เข้ามามีที่ดินในเกาะสมุยนั้น อาจพบว่ามีอยู่หลายคนด้วยกัน แต่กลุ่มที่โดดเด่นที่สุดมีอยู่ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มของสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ - สมยศ ลีลาปัญญาเลิศ กับกลุ่มของ นพ.สุรพงษ์ - ปราณี สืบวงศ์ลี

ย้อนรอย “คุณหญิงหน่อย” เจ้าแม่ที่ดินเกาะสมุย

แหล่งข่าวระบุว่า เฉพาะกลุ่มแรกนั้นเริ่มเข้ามามีบทบาทในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เริ่มตั้งแต่คุณหญิงสุดารัตน์และสามี มาเยือนสมุยเพื่อพักผ่อนระหว่างศึกภายในพรรคพลังธรรม เมื่อครั้งกระโน้น ความฝันในการสร้างอาณาจักรส่วนตัวของเธอต่อยอดออกมาเป็นแผนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเวลาต่อมา ครั้นเมื่อเข้าร่วมเป็นหนึ่งกับพรรครัฐบาลไทยรักไทย การสยายปีกสู่ไข่มุกอ่าวไทยแห่งนี้ก็เป็นหลักเป็นฐาน จนมีบ้านพักหลังใหญ่ริมทะเลที่นาเทียน- หัวถนน หาดเฉวง ไว้เป็นที่พักตากอากาศ

ชาวเกาะสมุยเล่ากันว่า “เสี่ยจิ้น” หรือสามีตามกฎหมายของเธอ ถึงขั้นมาปักหลักทำธุรกิจค้าที่ดินในเกาะสมุยอย่างเอาจริงเอาจัง โดยยึดสำนักงานของคนรู้จัก ใกล้กับโรงพยาบาลบ้านดอนอินเตอร์ ขณะเดียวกัน ก็มีข่าวว่า เสี่ยจิ้น อยากเป็นนายกเทศบาลตำบลเกาะสมุย คนต่อจาก “วรากรณ์ รัตนรักษ์” นายกคนปัจจุบัน

ด้านภรรยานั้นก็ใช่ย่อย เร่งมือสร้างเครือข่ายไว้หนาแน่น ด้วยเครดิตที่เป็นถึงรัฐมนตรี จึงทำให้การเลือกตั้งท้องถิ่นเป็นไปอย่างดุเดือด เมื่อครั้งการหาเสียงเลือกตั้งนายกเทศบาลเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เธอถึงกับประกาศต่อธารกำนัลว่าเธอขอเป็น “สะใภ้สมุย” เอาใจคนท้องถิ่น แต่ถึงกระนั้นทีมที่เธอหนุนก็ตกรอบ

แต่ก็ใช่ว่าการเมืองเกาะสมุยจะร้อนแรงชิงฟัดชิงเหวี่ยงกันตลอดกาล คำวิเคราะห์ของคนท้องถิ่นหลายปากตรงกันว่าหลังการเลือกตั้ง เครือข่ายไทยรักไทยที่เคยแบ่งเป็นสองทีมก็หลอมรวมกันเป็นหนึ่งหลังการเลือกตั้ง โครงการตัดถนนของเทศบาลจึงเอื้อให้กับที่ดินผืนใหม่ของ “สะใภ้สมุย” ผู้นี้ในแทบจะทันที

แหล่งข่าวคนดังกล่าว เผยว่า มือไม้ที่ สุดารัตน์และสมยศ หยิบใช้ในธุรกิจนี้เป็นเครือข่ายนักการเมืองท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นสองพี่น้อง นำชัย - สุนทร ภู่ไพบูลย์ อดีตสมาชิกสภาเทศบาลตำบลเกาะสมุย ที่ถือว่าเป็นผู้จัดการทรัพย์สินบนเกาะสมุยให้แก่รัฐมนตรีผู้นี้

นอกจากนี้ ยังมี เสนีย์ ภูวเศรษฐถาวร อุปนายกสมาคมท่องเที่ยวเกาะสมุยในปัจจุบัน และ ลิขิต บรมธนรัตน์ อดีตผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาสมุย ที่ต่อมากลายมาเป็นที่ปรึกษาของคุณหญิง อีกคน คือ รามเนตร ใจกว้าง ที่เพิ่งได้รับเลือกตั้งซ่อมเป็น ส.จ.เมื่อปีที่แล้วแทน “กำนันดำ” คนดังเกาะสมุยที่เสียชีวิตไปแล้ว บ่อยครั้งที่คนเหล่านี้มักอ้างการเป็น “เด็กสุดารัตน์” เพื่อสร้างบารมีให้ตนเอง

ส่วนการเมืองในเทศบาลตำบลเกาะสมุย อันเป็นหน่วยงานพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จำเป็นนั้น แม้ว่า วรากรณ์ รัตนรักษ์ นายกเทศมนตรีคนปัจจุบัน และ พิมพ์พร ทองสุข รองนายก จะเป็นทีมฝ่ายตรงข้ามเครือข่ายของคุณหญิง โดยได้รับการหนุน เนื่องจากไทยรักไทยสายภาคใต้อย่าง ตู่ - จตุพร พรหมพันธุ์ รองโฆษกพรรคไทยรักไทย แต่ระยะหลังก็หันมาหลอมรวมกันเป็นเครือข่ายเดียวกันในที่สุด

แหล่งข่าวคนดังกล่าวไม่สามารถยืนยันได้ว่า รัฐมนตรีหญิงผู้นี้และสามีครอบครองที่ดินในเกาะสมุยเป็นจำนวนที่แน่นอน เนื่องจากถือผ่านตัวแทนและมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด แต่ที่แน่ชัด คือ แปลงที่สร้างเป็นบ้านพักสุดหรูที่นาเทียน แปลงที่กำลังทำโครงการขนาด 70 กว่าไร่ที่หาดท้องหรั่ง ซึ่งเพิ่งได้รับการเปิดเผยจาก นายเพียร ยงหนู ประธานสหภาพรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้านครหลวงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และอีกแปลงบนเขาหน้าหาดเฉวง ที่กำลังกว้านซื้อที่และเทศบาลกำลังตัดถนนเข้าไปพร้อมสาธารณูปโภคน้ำไฟครบครัน

หมอเลี้ยบ - เจ๊กุ้ง ทรท.หน้าใหม่

แหล่งข่าวคนดังกล่าวยังระบุถึงกลุ่มของ “หมอเลี้ยบ - เจ๊กุ้ง” ที่เพิ่งเข้ามากว้านซื้อที่ดินในเกาะสมุยหลังจากกลุ่มแรก แต่ก็มีสายสัมพันธ์อันดีกับคนในท้องถิ่น โดยเฉพาะ “โกซ้าย” หรือ สุเทพ วังส์ด่าน นายหน้าที่ดินอื้อฉาวในกรณี “เดอะพีค” ผ่านสายสัมพันธ์ของ “แตงโม - กาญจนา พงศ์น้อย” นักธุรกิจที่แต่งงานกับชาวฮอลแลนด์ อดีตนักกิจกรรมจากพรรค 7 คณะแห่งรั้วรามคำแหง ซึ่งเป็นเพื่อนเก่าของ “เจ๊กุ้ง - ปราณี สืบวงศ์ลี” เจ้าแม่สปาเมืองไทย เมื่อ 20 กว่าปีก่อน

นอกจากนี้ ยังมี “โกกิจ - ประกิจ ชำนาญกิจ” ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของโกซ้าย และเคยเป็นนายหน้าให้กับ นพ.บุญ วนาสิน หัวเรือใหญ่ของเครือโรงพยาบาลปิยเวทผู้เป็นเจ้าของ “เดอะพีค” ทรัพย์สินเกาะสมุยที่ฉาวที่สุดในขณะนี้ นายหน้าทั้ง 3 คุ้นเคยกันถึงขั้นร่วมกันเปิดร้านชื่อ “โจนาธาน” ที่ย่านบ่อผุดบนเกาะสมุย

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่ากลุ่มของหมอเลี้ยบ ถือครองที่ดินไว้จำนวนเท่าไหร่ ขณะเดียวกัน ก็ยังไม่สามารถระบุได้อีกเช่นกันว่ากลุ่มดังกล่าวมีเอี่ยวในโครงการเดอะพีคมากน้อยเพียงใด นอกเหนือจากหนึ่งในทีมงานที่เป็นผู้ดูแลทรัพย์สินในโครงการดังกล่าว

หากจะเทียบกันระหว่างเครือข่ายของ “คุณหญิง” กับ “คุณหมอ” แห่งพรรคไทยรักไทยแล้วคงจะเทียบกันไม่ได้ เนื่องจากกลุ่มหลังเพิ่งเข้ามา

“ดามาพงศ์” ก็ไม่เว้น ส่อผิด กม.ที่สาธารณะ

ในขณะที่วงการอสังหาริมทรัพย์เกาะสมุย ก็มักจะมีข่าวหลุดเข้ามาอยู่บ่อยครั้ง ว่า มีนักการเมืองไทยรักไทยเข้ามากว้านซื้อที่ดินในเกาะ แต่ที่โดดเด่นที่สุดนอกเหนือจากสองกลุ่มข้างต้นแล้ว ก็มีกรณีของ นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ ที่เข้ามาถือหุ้นในโรงแรมบานาน่าแฟนซีสมุย บีช รีสอร์ท แอนด์ เรสเตอรองท์ ซึ่งล่าสุดมีข้อมูลเพิ่งจะถอนหุ้นไปเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวตั้งข้อสังเกตว่าที่ดินที่เป็นที่ตั้งโรงแรมดังกล่าวนี้อาจจะเข้าข่ายซ้อนทับกับที่ดินสาธารณะติดหาด แต่ก็ยังไม่มีการตรวจสอบจนถึงทุกวันนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น