ศูนย์ข่าวอิศรา -
เหตุปฏิบัติการวางระเบิดป่วนจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อวันที่ 15-16 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ระบุว่า เป็นฝีมือของกลุ่มอาร์เคเค RKK (RUNDA KUMPULAN KECIL) หรือหน่วยทหารจรยุทธ์ ซึ่งปฏิบัติการก่อเหตุอยู่ทั่วพื้นที่ โดยเฉพาะเหตุรุนแรงสะเทือนขวัญประชาชนหลายๆ ครั้ง ในรอบปีที่ผ่านมา
“อาร์เคเค” เป็นใครมาจากไหน ศูนย์ข่าวอิศรา เคยต่อภาพของหน่วยรบขนาดเล็กซึ่งถูกเจ้าหน้าที่รัฐพาดพิงอยู่เสมอๆ (อ่าน - ถอดรหัส RKK หน่วย “รบพิเศษ” กว่า อิมพอร์ตจากอินโดฯ ถึงชายแดนใต้)
พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (ผบช.ภ.9) ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า ยะลา (ศปก.ตร.สน.ยะลา) ได้ต่อภาพ “อาร์เคเค” ให้ชัดเจนขึ้นว่า แท้จริง อาร์เคเคเป็นเพียงเศษเสี้ยวของขุมข่ายของขบวนการก่อการฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เชื่อว่า กระจายครอบคลุมอยู่กว่า 500 หมู่บ้านกระจายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
พล.ต.ท.อดุลย์ อธิบายว่า อาร์เคเคเป็นเพียง 1 ใน 5 ฝ่ายในโครงสร้างการปฏิบัติงานของกลุ่มผู้ก่อการใน 1 หมู่บ้าน ซึ่งประกอบด้วย ฝ่ายผู้รู้ (อูลามะ), ฝ่ายการเมือง, ฝ่ายเศรษฐกิจ, ฝ่ายปฏิบัติการหรือหน่วยทหารที่รู้จักกันดีว่า “อาร์เคเค” และฝ่ายเยาวชนหรือเปอมูดอ
โดยฝ่ายแรก คือ ฝ่ายผู้รู้หรือ อูลามะ (ULAMA) กลุ่มนี้มีหน้าที่ปลุกระดมคัดเลือกคนเข้ามาร่วมขบวนการ จะเน้นไปยังเด็กที่มีความประพฤติเรียบร้อย เคร่งครัดศาสนา เป็นที่รักของครอบครัว และคนในหมู่บ้าน
ฝ่ายที่ 2 เป็นฝ่ายด้านการเมือง (POLITIC) เป็นฝ่ายที่คิดในการขับเคลื่อนการก่อเหตุร้ายรายวัน การยิงเจ้าหน้าที่ การปฏิบัติการจิตวิทยา เช่น การปล่อยข่าวลือ เพื่อสร้างภาพให้ออกมาในทำนองว่า เหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ เพื่อให้ฝ่ายผู้ก่อการได้เปรียบเจ้าหน้าที่ รวมทั้งพยายามขยายเหตุการณ์ให้เป็นเรื่องใหญ่เสมอ
ทั้งนี้ รูปธรรมของยุทธวิธีฝ่ายการเมือง ถูกอธิบายผ่านเหตุระเบิด 65 จุด เมื่อวันที่ 15-16 มิ.ย. โดย พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ศปก.ตร.สน.ยะลา ระบุว่า บางจุดกลุ่มผู้ก่อเหตุไม่สามารถเข้าไปก่อเหตุภายในสถานที่เป้าหมายได้ ก็ดำเนินการโดยนำระเบิดไปวางที่ริมรั้ว ตามโพรงหญ้าในสนามเด็กเล่นแล้วจุดระเบิด ซึ่งจะทำให้ภาพออกมาว่าเป็นการระเบิดภายในสถานที่นั้นๆ ถือเป็นยุทธวิธีของกลุ่มนี้ที่ต้องการสร้างเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
ฝ่ายที่ 3 เป็นฝ่ายเศรษฐกิจ (ECONOMIC) ซึ่งจะเกี่ยวกับระบบการเงิน โดยมีหน้าที่หาเงินสนับสนุนในการก่อเหตุ ซึ่งจากข้อมูลของเจ้าหน้าที่รัฐ พบว่า มีเงินบางส่วนที่มาจากกลุ่มค้ายาเสพติด
“ส่วนฝ่ายที่ 4 เป็นฝ่ายปฏิบัติการ หรือหน่วยทหาร ชุดรบขนาดเล็กที่มีชื่อย่อว่า อาร์เคเค (RKK) จะมี 1 ชุดปฏิบัติการจำนวน 6 คน ต่อหนึ่งหมู่บ้าน ซึ่งจะมีการคัดจากเด็กดีในหมู่บ้านที่สามารถรักษาความลับได้ดี ขึ้นตรงด้วยหัวหน้าชุดเพียงคนเดียว และกลุ่มสุดท้าย คือ กลุ่มเยาวชนที่เรียกว่า เปอร์มูดอ (PERMUDA) ซึ่งเข้าสู่กระบวนการคัดสรรจากกลุ่มอูลามะ เพื่อวางตัวว่า จะให้ปฏิบัติงานในกลุ่มใด โดยทั้งหมดนี้จะแฝงตัวอยู่กับประชาชนในหมู่บ้านและไม่รู้จักกัน แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ทำการปิดล้อมตรวจค้นภายในหมู่บ้าน ก็จะมีกลุ่มดังกล่าวออกมาขับเคลื่อนทันที เช่น การขัดขวางการจับกุม การตัดต้นไม้ขวางเส้นทาง การจับกุมตัวประกัน เป็นต้น”
พล.ต.ท.อดุลย์ ระบุว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ภายในหมู่บ้านกำลังปฏิบัติงานเพื่อแยกแยะกลุ่มดังกล่าวอยู่ ซึ่งเขาเห็นว่า เป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องและไม่ใช่เรื่องง่าย โดยที่ผ่านมาฝ่ายสืบสวนสอบสวน ศปก.ตร.โดย พล.ต.ต.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ศปก.ตร.สน.ยะลา เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งก็สามารถพิสูจน์ทราบเครือข่ายไปกว่า 549 คน และก่อนหน้านี้ มีการจับกุมตัวไปกว่าร้อยคน รวมทั้งปะทะสูญเสียไปอีกจำนวนหนึ่ง
เขายังบอกว่า จากการซักถามคนที่เข้าสู่ขบวนการ ทราบว่า การคัดตัวผู้เข้าร่วมเป็นหน้าที่ของฝ่ายอูลามะ ซึ่งเน้นคนดีๆ ในชุมชน โดยกลุ่มจะให้ความสำคัญกับบุคคลนั้น และมีการส่งคนไปพบปะหลายครั้ง จากนั้นชวนพูดคุยถึงประวัติศาสตร์ในอดีต มีการปลูกฝังอุดมการณ์ ซึ่งในส่วนนี้จะใช้เวลาค่อนข้างเยอะ จนเข้าสู่กระบวนการซุมเปาะ (สาบานตน) และมอบหมายภารกิจ ซึ่งบางส่วนก็จะถูกคัดไปฝึกเพื่อเป็นหน่วยทหารซึ่งจะใช้เวลาในการฝึก และฝึกในพื้นที่ปิดลับต่างๆ เป็นรุ่นๆ ไป
“อย่าไปพะวงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมากนัก เพราะเราจะต้องเผชิญอีกสักระยะ การต่อสู้กันตั้งแต่วันที่ 4 ม.ค.2547 เป็นการประกาศครั้งใหญ่ว่ากลุ่มนี้ทำได้ ซึ่งในวันนี้คิดว่า ฝ่ายรัฐรุกไปได้ค่อนข้างเยอะ ทั้งด้านโครงสร้าง การจับกุมคนร้าย โดยล่าสุด เหตุการณ์ลอบวางระเบิด 65 เหตุการณ์ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นระเบิดที่ตั้งด้วยนาฬิกาประมาณ 40 กว่าจุดไม่มีสะเก็ด พกพาได้ง่ายนำไปวาง ตั้งเวลาพร้อมกัน ผมวิเคราะห์ว่า ทำได้ง่ายมาก และสามารถเล็ดลอดเข้าไปสู่จุดที่ดำเนินการได้ง่ายด้วย ซึ่งเราอย่าไปตระหนกกับสถานการณ์มากนัก เพียงแต่ว่าจะรุกอย่างต่อเนื่องได้อย่างไรในการปฏิบัติการต่างๆ โดยจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง” ผบ.ศปก.ตร.สน.ยะลาสรุปสถานการณ์
มีอาร์เคเค 3,000 คนอยู่ใน 500 หมู่บ้าน
พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ศปก.ตร.สน.ยะลา กล่าวว่า จากการซักถามสมาชิกอาร์เคเค ที่ถูกจับกุมทำให้ทราบว่า ขณะนี้สมาชิกกลุ่ม RKK มีอยู่เกือบทุกหมู่บ้านๆละ 6 คน ใน 500 หมู่บ้าน รวม 500 ชุดปฏิบัติการหรือกว่า 3 พันคน
ทั้งนี้ แต่ละหน่วยมีเงื่อนไขในการก่อเหตุ ว่า ใน 1 ชุดปฏิบัติการจะต้องก่อเหตุให้ได้ 1 เหตุการณ์ต่อ 1 เดือน ซึ่งถ้าทุกกลุ่มปฏิบัติการได้ตามเงื่อนไข ก็จะทำให้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นถึง 6 พันเหตุการณ์ใน 1 ปี
อย่างไรก็ดี เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ได้ร่วมมือกันปฏิบัติงานกันอย่างเต็มที่ โดยการกดดัน ตรวจค้น ลาดตระเวน จับกุมอย่างต่อเนื่อง ทำให้กลุ่มดังกล่าวหลายกลุ่มถูกสลาย และกลุ่มที่เหลือไม่สามารถปฏิบัติการได้ตามเงื่อนไข
เหตุปฏิบัติการวางระเบิดป่วนจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อวันที่ 15-16 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ระบุว่า เป็นฝีมือของกลุ่มอาร์เคเค RKK (RUNDA KUMPULAN KECIL) หรือหน่วยทหารจรยุทธ์ ซึ่งปฏิบัติการก่อเหตุอยู่ทั่วพื้นที่ โดยเฉพาะเหตุรุนแรงสะเทือนขวัญประชาชนหลายๆ ครั้ง ในรอบปีที่ผ่านมา
“อาร์เคเค” เป็นใครมาจากไหน ศูนย์ข่าวอิศรา เคยต่อภาพของหน่วยรบขนาดเล็กซึ่งถูกเจ้าหน้าที่รัฐพาดพิงอยู่เสมอๆ (อ่าน - ถอดรหัส RKK หน่วย “รบพิเศษ” กว่า อิมพอร์ตจากอินโดฯ ถึงชายแดนใต้)
พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (ผบช.ภ.9) ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า ยะลา (ศปก.ตร.สน.ยะลา) ได้ต่อภาพ “อาร์เคเค” ให้ชัดเจนขึ้นว่า แท้จริง อาร์เคเคเป็นเพียงเศษเสี้ยวของขุมข่ายของขบวนการก่อการฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เชื่อว่า กระจายครอบคลุมอยู่กว่า 500 หมู่บ้านกระจายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
พล.ต.ท.อดุลย์ อธิบายว่า อาร์เคเคเป็นเพียง 1 ใน 5 ฝ่ายในโครงสร้างการปฏิบัติงานของกลุ่มผู้ก่อการใน 1 หมู่บ้าน ซึ่งประกอบด้วย ฝ่ายผู้รู้ (อูลามะ), ฝ่ายการเมือง, ฝ่ายเศรษฐกิจ, ฝ่ายปฏิบัติการหรือหน่วยทหารที่รู้จักกันดีว่า “อาร์เคเค” และฝ่ายเยาวชนหรือเปอมูดอ
โดยฝ่ายแรก คือ ฝ่ายผู้รู้หรือ อูลามะ (ULAMA) กลุ่มนี้มีหน้าที่ปลุกระดมคัดเลือกคนเข้ามาร่วมขบวนการ จะเน้นไปยังเด็กที่มีความประพฤติเรียบร้อย เคร่งครัดศาสนา เป็นที่รักของครอบครัว และคนในหมู่บ้าน
ฝ่ายที่ 2 เป็นฝ่ายด้านการเมือง (POLITIC) เป็นฝ่ายที่คิดในการขับเคลื่อนการก่อเหตุร้ายรายวัน การยิงเจ้าหน้าที่ การปฏิบัติการจิตวิทยา เช่น การปล่อยข่าวลือ เพื่อสร้างภาพให้ออกมาในทำนองว่า เหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ เพื่อให้ฝ่ายผู้ก่อการได้เปรียบเจ้าหน้าที่ รวมทั้งพยายามขยายเหตุการณ์ให้เป็นเรื่องใหญ่เสมอ
ทั้งนี้ รูปธรรมของยุทธวิธีฝ่ายการเมือง ถูกอธิบายผ่านเหตุระเบิด 65 จุด เมื่อวันที่ 15-16 มิ.ย. โดย พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ศปก.ตร.สน.ยะลา ระบุว่า บางจุดกลุ่มผู้ก่อเหตุไม่สามารถเข้าไปก่อเหตุภายในสถานที่เป้าหมายได้ ก็ดำเนินการโดยนำระเบิดไปวางที่ริมรั้ว ตามโพรงหญ้าในสนามเด็กเล่นแล้วจุดระเบิด ซึ่งจะทำให้ภาพออกมาว่าเป็นการระเบิดภายในสถานที่นั้นๆ ถือเป็นยุทธวิธีของกลุ่มนี้ที่ต้องการสร้างเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
ฝ่ายที่ 3 เป็นฝ่ายเศรษฐกิจ (ECONOMIC) ซึ่งจะเกี่ยวกับระบบการเงิน โดยมีหน้าที่หาเงินสนับสนุนในการก่อเหตุ ซึ่งจากข้อมูลของเจ้าหน้าที่รัฐ พบว่า มีเงินบางส่วนที่มาจากกลุ่มค้ายาเสพติด
“ส่วนฝ่ายที่ 4 เป็นฝ่ายปฏิบัติการ หรือหน่วยทหาร ชุดรบขนาดเล็กที่มีชื่อย่อว่า อาร์เคเค (RKK) จะมี 1 ชุดปฏิบัติการจำนวน 6 คน ต่อหนึ่งหมู่บ้าน ซึ่งจะมีการคัดจากเด็กดีในหมู่บ้านที่สามารถรักษาความลับได้ดี ขึ้นตรงด้วยหัวหน้าชุดเพียงคนเดียว และกลุ่มสุดท้าย คือ กลุ่มเยาวชนที่เรียกว่า เปอร์มูดอ (PERMUDA) ซึ่งเข้าสู่กระบวนการคัดสรรจากกลุ่มอูลามะ เพื่อวางตัวว่า จะให้ปฏิบัติงานในกลุ่มใด โดยทั้งหมดนี้จะแฝงตัวอยู่กับประชาชนในหมู่บ้านและไม่รู้จักกัน แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ทำการปิดล้อมตรวจค้นภายในหมู่บ้าน ก็จะมีกลุ่มดังกล่าวออกมาขับเคลื่อนทันที เช่น การขัดขวางการจับกุม การตัดต้นไม้ขวางเส้นทาง การจับกุมตัวประกัน เป็นต้น”
พล.ต.ท.อดุลย์ ระบุว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ภายในหมู่บ้านกำลังปฏิบัติงานเพื่อแยกแยะกลุ่มดังกล่าวอยู่ ซึ่งเขาเห็นว่า เป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องและไม่ใช่เรื่องง่าย โดยที่ผ่านมาฝ่ายสืบสวนสอบสวน ศปก.ตร.โดย พล.ต.ต.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ศปก.ตร.สน.ยะลา เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งก็สามารถพิสูจน์ทราบเครือข่ายไปกว่า 549 คน และก่อนหน้านี้ มีการจับกุมตัวไปกว่าร้อยคน รวมทั้งปะทะสูญเสียไปอีกจำนวนหนึ่ง
เขายังบอกว่า จากการซักถามคนที่เข้าสู่ขบวนการ ทราบว่า การคัดตัวผู้เข้าร่วมเป็นหน้าที่ของฝ่ายอูลามะ ซึ่งเน้นคนดีๆ ในชุมชน โดยกลุ่มจะให้ความสำคัญกับบุคคลนั้น และมีการส่งคนไปพบปะหลายครั้ง จากนั้นชวนพูดคุยถึงประวัติศาสตร์ในอดีต มีการปลูกฝังอุดมการณ์ ซึ่งในส่วนนี้จะใช้เวลาค่อนข้างเยอะ จนเข้าสู่กระบวนการซุมเปาะ (สาบานตน) และมอบหมายภารกิจ ซึ่งบางส่วนก็จะถูกคัดไปฝึกเพื่อเป็นหน่วยทหารซึ่งจะใช้เวลาในการฝึก และฝึกในพื้นที่ปิดลับต่างๆ เป็นรุ่นๆ ไป
“อย่าไปพะวงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมากนัก เพราะเราจะต้องเผชิญอีกสักระยะ การต่อสู้กันตั้งแต่วันที่ 4 ม.ค.2547 เป็นการประกาศครั้งใหญ่ว่ากลุ่มนี้ทำได้ ซึ่งในวันนี้คิดว่า ฝ่ายรัฐรุกไปได้ค่อนข้างเยอะ ทั้งด้านโครงสร้าง การจับกุมคนร้าย โดยล่าสุด เหตุการณ์ลอบวางระเบิด 65 เหตุการณ์ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นระเบิดที่ตั้งด้วยนาฬิกาประมาณ 40 กว่าจุดไม่มีสะเก็ด พกพาได้ง่ายนำไปวาง ตั้งเวลาพร้อมกัน ผมวิเคราะห์ว่า ทำได้ง่ายมาก และสามารถเล็ดลอดเข้าไปสู่จุดที่ดำเนินการได้ง่ายด้วย ซึ่งเราอย่าไปตระหนกกับสถานการณ์มากนัก เพียงแต่ว่าจะรุกอย่างต่อเนื่องได้อย่างไรในการปฏิบัติการต่างๆ โดยจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง” ผบ.ศปก.ตร.สน.ยะลาสรุปสถานการณ์
มีอาร์เคเค 3,000 คนอยู่ใน 500 หมู่บ้าน
พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ศปก.ตร.สน.ยะลา กล่าวว่า จากการซักถามสมาชิกอาร์เคเค ที่ถูกจับกุมทำให้ทราบว่า ขณะนี้สมาชิกกลุ่ม RKK มีอยู่เกือบทุกหมู่บ้านๆละ 6 คน ใน 500 หมู่บ้าน รวม 500 ชุดปฏิบัติการหรือกว่า 3 พันคน
ทั้งนี้ แต่ละหน่วยมีเงื่อนไขในการก่อเหตุ ว่า ใน 1 ชุดปฏิบัติการจะต้องก่อเหตุให้ได้ 1 เหตุการณ์ต่อ 1 เดือน ซึ่งถ้าทุกกลุ่มปฏิบัติการได้ตามเงื่อนไข ก็จะทำให้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นถึง 6 พันเหตุการณ์ใน 1 ปี
อย่างไรก็ดี เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ได้ร่วมมือกันปฏิบัติงานกันอย่างเต็มที่ โดยการกดดัน ตรวจค้น ลาดตระเวน จับกุมอย่างต่อเนื่อง ทำให้กลุ่มดังกล่าวหลายกลุ่มถูกสลาย และกลุ่มที่เหลือไม่สามารถปฏิบัติการได้ตามเงื่อนไข