ตูแวดานียา มือรีงิง
ศูนย์ข่าวอิศรา สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
มูลนิธิเอเซีย (The Asia Foundation) ประเทศไทย นำร่องดึงโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมกับโรงเรียนในพื้นที่อื่น จัดประชุมนำร่องพัฒนาหลักสูตรการสอน หวังสร้างเครือข่ายโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม โดยเฉพาะในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งทางด้านบุคลากร องค์กร และหลักสูตร
“ อาลยัส หะยีสาและ” เจ้าหน้าที่โครงการมูลนิธิเอเชีย กล่าวว่า ทางมูลนิธิจึงได้จัดโครงการเสวนาระดมความคิดเห็น “การกำหนดแผนงานเพื่อพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนของโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามนำร่องของมูลนิธิ” เพื่อให้โรงเรียนนำร่อง 10 โรงเรียน
โดยโรงเรียนกลุ่มดังกล่าวประกอบด้วย โรงเรียนสันติชน กรุงเทพมหานคร, โรงเรียนท่าอิฐศึกษา นนทบุรี, โรงเรียนอิสลามศรีอยุธยามูลนิธิ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา, โรงเรียนดารุสสลามและ อัตตัรกียะห์อิสลามียะห์ จังหวัดนราธิวาส, โรงเรียนดรุณศาสน์วิทยา โรงเรียนบำรุงอิสลาม โรงเรียนสตรีพัฒนศึกษา จังหวัดปัตตานี, โรงเรียนพัฒนาวิทยา จังหวัดยะลาและโรงเรียนประทีปศาสน์ จังหวัดนครศรีธรรมราช
โดยทั้ง 10โรงเรียนที่จะร่วมมือกันร่างและกำหนดหลักสูตรร่วมกันในวิชาวิทยาศาสตร์ คณิต ศาสตร์ คอมพิวเตอร์และไอที ภาษาอังกฤษและสังคมศึกษา รวมทั้งเป็นการส่งเสริมให้เกิดเครือข่ายของโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามเพื่อประสานความร่วมมือต่อไป
ทั้งนี้ เมื่อกลางเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา มูลนิธิเอเชีย ได้จัดโครงการในลักษณะเช่นนี้มาแล้ว แต่เป็นในกลุ่มสาระวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ที่โรงแรมซีเอส ปัตตานี
“เราต้องการให้ครูในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาทั้งในพื้นที่สามจังหวัดภาคใต้ และนครศรี ธรรมราช ร่วมถึงจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นนทบุรีและกรุงเทพมหานคร เป็นโรงเรียนนำร่องในการพัฒนาหลักสูตรใน 5 สาระวิชาที่กล่าวมาข้างต้น และเป็นแบบอย่างให้กับโรงเรียนในพื้นที่ใกล้ เคียงได้รับประโยชน์จากตรงนี้ด้วย” อาลยัสกล่าว
อาลยัสกล่าวเพิ่มเติมว่าในอดีตที่ผ่านมามูลนิธิเอเซียเคยสนับสนุนทุนการศึกษาแก่บุคลากรของวิทยาลัยอิสลามศึกษา มอ.ปัตตานี เพื่อกลับมาพัฒนาการศึกษาของมุสลิมในพื้นที่ นอกจากสนับสนุนทุนการศึกษามูลนิธิเอเซียยังมอบทุนศึกษาดูงานทั้งในและต่างประเทศของวิทยาลัยอิสลามยะลา
“สถาบันภาษานานาชาติ วิทยาลัยอิสลามยะลา ก็ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิเอเซีย เพื่อมาดูงานที่มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในกรุงเทพมหานคร และในประเทศมาเลเซีย” เจ้าหน้าที่โครงการบอกเล่าการสนับสนุนของมูลนิธิเอเชียที่ให้กับสังคมมุสลิม
ทั้งนี้ข้อมูลจาก The Asia Foundation (http://www.asiafoundation.org) ระบุว่า มูลนิธิฯ ซึ่งองค์กรเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ กรุงซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา และสำนักงานสาขาอีก 18 ประเทศรวมสำนักงานกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจอันดี ความร่วมมือและมิตรภาพระหว่างชาวเอเชียและอเมริกัน รวมถึงเป็นองค์กรให้ทุนองค์การพัฒนาเอกชน รวมถึงการจัดทำโครงการหนังสือ โครงการสื่อมวลชน โครงการเผยแพร่ทางกฎหมาย ฯลฯ โดยสำนักงานในประเทศไทยเริ่มดำเนินการในปี ค.ศ.1954 ให้การสนับสนุนการปฏิรูปหลักสูตรโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามตั้งแต่ ปี ค.ศ.1961
“อาลยัส”ยอมรับว่า แต่กระนั้นก็ตามสังคมมุสลิมโดยเฉพาะในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังมองมูลนิธิเอเซียด้วยความไม่ไว้วางใจและเคลือบแคลงใจในที่มาของงบประมาณของมูลนิธิ
“เรามักจะได้ยินว่ามูลนิธิเอเซียเป็นองค์กรที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสหรัฐอเมริกาบ้าง เป็นซีไอเอบ้าง ต่างๆ นานา เคยมีข่าวปล่อยว่าเป็นองค์กรที่เข้าไปมีส่วนในการทำหลายสังคมมุสลิมในภาคใต้บ้าง เคยมีนักศึกษามุสลิมจาก มอ.ปัตตานี ขอทุนเพื่อวิจัยในพื้นที่โดยทางเราอนุมัติงบประมาณเรียบร้อยแล้ว พอนักศึกษาเหล่านั้นลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลแต่น่าเสียดายที่กลุ่มนักศึกษาเหล่านี้ปฏิเสธทุนจากเราหลังจากที่ถูกมองว่าเป็นทุนของสหรัฐอเมริกา ทั้งๆ ที่ทุนที่มูลนิธิได้มานั้นเป็นเงินบริจาคของผู้มีจิตศรัทธาเพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาในด้านต่างๆ ”
อาลยัสบอกว่า อยากให้พี่น้องมุสลิมเข้าใจและเจตนาอันบริสุทธิ์ของเขาและองค์กรที่ต้องการเห็นความเป็นอยู่และการพัฒนาในด้านต่างๆ ของสังคมมุสลิม
“ผมอยากทิ้งท้ายตรงนี้ว่า เราอยากให้ทุกคนเข้ามาสัมผัสด้วยตัวเองว่าเราทำอะไรบ้างกับสังคมมุสลิม กว่า 40 ปี เราช่วยเหลือด้านการศึกษาของมุสลิมมาตลอด ผมไม่อยากให้มองเพียงภายนอกแต่อยากให้สัมผัสถึงแก่นแท้ขององค์กรนี้ เพราะทุกคนสามารถตรวจสอบถึงที่มาที่ไปของทุนโดยความโปรงใส” อาลยัสกล่าว