ปัตตานี – “รอง ผบช.ก.” นำสนธิตำรวจ-ทหารกว่า 100 บุกรวบตัวผู้ต้องหาตามหมายจับคดีฆ่า-ยิง-เผาในวัดพรหมประสิทธิ์ โชคดีรวบคนร้ายซุ่มยิงทหารทุ่งยางแดงได้อีก 1 สยองแผลถูกยิงที่ขาเหวอะหวะ อ้างมารักษาหมอบ้านกลัวไป รพ.ถูกตัดขา จนท.สอบเครียดรับสารภาพโดยดี คุมหนุ่มสงขลาเจ้าของบ้านไปสอบหลังให้ที่พักพิงคนร้ายคดีอุกฉกรรจ์
วันนี้ (11 เม.ย.) เมื่อเวลา 05.00 น. พล.ต.ต.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบช.ก./รอง ผบช.ศปก.ตร.ส่วนหน้า พร้อมด้วย พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี และ พ.ต.อ.สมจิต นาสมยน ผกก.สภ.อ.เมืองปัตตานี นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารกว่า 100 นาย ปิดล้อมบ้านเลขที่ 1/2 ถ.ยะรัง ซอย 5 ม.5 ต.ตะลุบก อ.เมือง จ.ปัตตานี เพื่อจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับคดีฆ่า-ยิง-เผาวัดพรมประสิทธิ์ อ.ปะนะเระ จ.ปัตตานี และคดียิงชาวบ้านและวางเพลิงหมู่บ้านเจ๊าะเอาะ ต.มะนังยง อ.ยะหริ่ง เมื่อกลางปีที่ผ่านมา
สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย คือ นายมาหามะ แมะหะ อายุประมาณ 27 ปี ชาวบ้าน ต.ตาลีไอ อ.ยะหริ่ง ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีฆ่า-ยิง-เผาวัดพรมประสิทธิ์ อ.ปะนะเระ จ.ปัตตานี ค่าหัว 5 แสนบาท และนายมะซำลี มะแซ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59/1 ม.6 ต.ท่าธง อ.รามัน จ.ยะลา สภาพมีบาดแผลกรรจ์บริเวณเอ็นร้อยหวายขาข้างขวา
จากการซักถามของเจ้าหน้าที่ในตอนแรก นายมะซำลีอ้างว่าแผลดังกล่าวมาจากใบมีดเครื่องตัดหญ้า ญาติจึงส่งตัวมารักษากับหมอบ้านเนื่องจากตนเองไม่กล้าไปโรงพยาบาลเพราะกลัวถูกตัวขา แต่ภายหลังถูกเจ้าหน้าที่กดดันอย่างหนัก นายมะซำลีจึงรับสารภาพว่าตนเองถูกยิงได้รับบาดเจ็บขณะร่วมกับเพื่อนอีก 5 คน คือ นายลี (ไม่ทราบชื่อจริง) นายนัน (ไม่ทราบชื่อจริง) นายแอ (ไม่ทราบชื่อจริง) นายยาลี อาลี และนาย อัสมิน มะลี (หัวหน้าชุด) ซึ่ง 2 คนหลังถูกยิงเสียชีวิตขณะปะทะกับเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจ อ.ทุ่งยางแดง เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และยอมรับว่าปืนพกสั้นที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุเป็นของตนเอง เจ้าหน้าที่จึบควบคุมตัวส่งโรงพยาบาลปัตตานีทันที
พร้อมกับนำตัว นายอดัม ดอเลาะ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 94 ม.9 ต.บ้านนา อ.จะนะ จ.สงขลา เจ้าของบ้านหลังดังกล่าวไปสอบสวน เบื้องต้นนายอดัมอ้างว่าทั้งสองมาพักที่บ้านของตนเอง โดยที่นายมะซำลีบอกว่าจะมารักษาแผลเนื่องจากถูกเครื่องตัดหญ้าเพราะไม่กล้าไปโรงพยาบาล ซึ่งตนเองไม่รู้ว่าทั้งสองเป็นคนร้ายแต่อย่างใด
มีรายงานว่า ในวันนี้เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ได้กระจายกำลังปิดล้อมเป้าหมายในพื้นที่ อ.เมืองปัตตานี 13 จุด อ.หนองจิก 1 จุด อ.โคกโพธิ์ 1 จุด อ.ยะหริ่ง 1 จุด และ ยะรัง 1 จุด เพื่อไล่ล่าคนร้ายในคดีต่างๆ หลังสืบทราบว่ามากบดานอยู่ใน จ.ปัตตานี
วันนี้ (11 เม.ย.) เมื่อเวลา 05.00 น. พล.ต.ต.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบช.ก./รอง ผบช.ศปก.ตร.ส่วนหน้า พร้อมด้วย พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี และ พ.ต.อ.สมจิต นาสมยน ผกก.สภ.อ.เมืองปัตตานี นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารกว่า 100 นาย ปิดล้อมบ้านเลขที่ 1/2 ถ.ยะรัง ซอย 5 ม.5 ต.ตะลุบก อ.เมือง จ.ปัตตานี เพื่อจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับคดีฆ่า-ยิง-เผาวัดพรมประสิทธิ์ อ.ปะนะเระ จ.ปัตตานี และคดียิงชาวบ้านและวางเพลิงหมู่บ้านเจ๊าะเอาะ ต.มะนังยง อ.ยะหริ่ง เมื่อกลางปีที่ผ่านมา
สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย คือ นายมาหามะ แมะหะ อายุประมาณ 27 ปี ชาวบ้าน ต.ตาลีไอ อ.ยะหริ่ง ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีฆ่า-ยิง-เผาวัดพรมประสิทธิ์ อ.ปะนะเระ จ.ปัตตานี ค่าหัว 5 แสนบาท และนายมะซำลี มะแซ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59/1 ม.6 ต.ท่าธง อ.รามัน จ.ยะลา สภาพมีบาดแผลกรรจ์บริเวณเอ็นร้อยหวายขาข้างขวา
จากการซักถามของเจ้าหน้าที่ในตอนแรก นายมะซำลีอ้างว่าแผลดังกล่าวมาจากใบมีดเครื่องตัดหญ้า ญาติจึงส่งตัวมารักษากับหมอบ้านเนื่องจากตนเองไม่กล้าไปโรงพยาบาลเพราะกลัวถูกตัวขา แต่ภายหลังถูกเจ้าหน้าที่กดดันอย่างหนัก นายมะซำลีจึงรับสารภาพว่าตนเองถูกยิงได้รับบาดเจ็บขณะร่วมกับเพื่อนอีก 5 คน คือ นายลี (ไม่ทราบชื่อจริง) นายนัน (ไม่ทราบชื่อจริง) นายแอ (ไม่ทราบชื่อจริง) นายยาลี อาลี และนาย อัสมิน มะลี (หัวหน้าชุด) ซึ่ง 2 คนหลังถูกยิงเสียชีวิตขณะปะทะกับเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจ อ.ทุ่งยางแดง เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และยอมรับว่าปืนพกสั้นที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุเป็นของตนเอง เจ้าหน้าที่จึบควบคุมตัวส่งโรงพยาบาลปัตตานีทันที
พร้อมกับนำตัว นายอดัม ดอเลาะ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 94 ม.9 ต.บ้านนา อ.จะนะ จ.สงขลา เจ้าของบ้านหลังดังกล่าวไปสอบสวน เบื้องต้นนายอดัมอ้างว่าทั้งสองมาพักที่บ้านของตนเอง โดยที่นายมะซำลีบอกว่าจะมารักษาแผลเนื่องจากถูกเครื่องตัดหญ้าเพราะไม่กล้าไปโรงพยาบาล ซึ่งตนเองไม่รู้ว่าทั้งสองเป็นคนร้ายแต่อย่างใด
มีรายงานว่า ในวันนี้เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ได้กระจายกำลังปิดล้อมเป้าหมายในพื้นที่ อ.เมืองปัตตานี 13 จุด อ.หนองจิก 1 จุด อ.โคกโพธิ์ 1 จุด อ.ยะหริ่ง 1 จุด และ ยะรัง 1 จุด เพื่อไล่ล่าคนร้ายในคดีต่างๆ หลังสืบทราบว่ามากบดานอยู่ใน จ.ปัตตานี