xs
xsm
sm
md
lg

“ตาชี” ชุมชนคนรักรถจี๊บแห่งเมืองยะหา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โดย...อับดุลเลาะ หวังหนิ และ อิบรอเฮ็ม มะโซะ ศูนย์ข่าวอิศรา สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

ห่างออกไปจากตัวอำเภอยะหา เพียง 10 กม. จากเส้นทางลูกรัง คดโค้งไปมาตามเหลี่ยมเขา รอบๆ ข้างทางเต็มไปด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ทั้งสวนผลไม้ และสวนยางเต็มไปทั่วพื้นที่ บ่งบอกถึงวิถีชีวิตและสภาพเศรษฐกิจของคนในพื้นที่อย่างเห็นได้ชัด

คำว่า “ตาชี” หรือโต๊ะยีในภาษามลายูนั้น มีความหมายตรงกับคนมุสลิมที่เคยเดินทางไปประกอบพิธีฮัญจ์ที่กรุงมักกะห์ คนส่วนใหญ่เมื่อได้ยินอาจจะนึกถึงหมู่บ้านของคนมุสลิม แต่ที่นี่ ตำบลตาชี อ.ยะหา จ.ยะลา เป็นชุมชนคนไทยพุทธทั้งตำบล

ชุมชนตาชีตั้งอยู่ในวงล้อมของภูเขา ทางทิศใต้ติดกับชุมชนมุสลิม “เจาะกลาดี” อ.ยะหา จ.ยะลา ทิศตะวันตก ติดกับชุมชนบ้านขวานฟ้า อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา และด้านทิศเหนือติดกับ ต.ลำใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา

อาชีพหลักของชาวบ้านในชุมชนตาชี คือการทำเกษตรกรรม มีทำสวนยางและสวนผลไม้เนื่องจากพื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ลาดชัน เป็นทางขึ้นลงภูเขา ชาวบ้านจึงต้องปรับความเป็นอยู่ ซึ่ง

“รถ”ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยจำเป็นของพวกเขา

วิชิด จีนากุล หรือ แบจิ อายุ 65 ปี คนเก่าคนแก่แห่งบ้านตาชี หนึ่งในเจ้าของรถจี๊บ เล่าว่าก่อนที่ชาวบ้านจะเริ่มมีรถจี๊บใช้ พวกเขาใช้ม้าและช้างในการขนส่งเดินทาง กระทั่งปี 2497 มี “นพดล เฉลียวศักดิ์” ชาวยะหา ขับรถจี๊บคันแรกมาเสนอขายให้ชาวบ้านตาชี ซึ่งเป็นที่ถูกใจของคนที่นี้มาก จนถึงวันนี้ มีรถจี๊บในตาชีมากกว่า 100 คัน

“เมื่อก่อน ชาวบ้านตาชี มีช้างอยู่ 6 เชือกรับจ้างขนสินค้า ขนไม้ลงจากภูเขา พอมีถนน ลาดยางเข้าถึงหมู่บ้าน รถก็เริ่มเข้ามา จนกระทั่งคุณนพดลนำรถจี๊บเข้ามาใช้คนในหมู่บ้านก็เปลี่ยนจากช้างมาเป็นรถจี๊บตั้งแต่วันนั้นจนถึงอย่างที่เห็นใช้อยู่ในปัจจุบัน”

แบจิซึ่งเป็นหนึ่งในสองเจ้าของกิจการรับจ้างขนของของชุมชนตาชี กล่าวว่า ส่วนใหญ่ชาวบ้านจะใช้รถจี๊บในงานด้านการเกษตร เนื่องจากพื้นที่ตำบลตาชีเป็นภูเขาล้อมรอบด้าน น่าจะเป็นตำบลเดียวในประเทศไทยที่มีรถจี๊บมากที่สุด พัฒนาจากรถสมัยสงคราม มาประยุกต์ ใช้ในการเกษตรแทนช้างและม้าชีวิตประจำวัน

แต่รถที่ซื้อมานั้นใช่ว่า จะใช้งานได้ทันทีเนื่องจากบางคันอยู่ในสภาพเก่า โดยเฉพาะเครื่อง ยนต์ซึ่งผ่านการใช้งานมาอย่างสมบุกสมบัน ทำให้ต้องเปลี่ยนเครื่อง เปลี่ยนอะไหล่ใหม่

“ซื้อมาก็ต้องมาเปลี่ยนเครื่องเลย เครื่องเดิมไม่ไหวเวลาขึ้นเขา ปัญหาเยอะ” แบจิเล่าโดยลากเสียงยาวแล้วตามด้วยเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนาน เขาเล่าต่อ อะไหล่หายากและราคาแพงด้วย จึงต้องเปลี่ยนเครื่องและเกียร์ใหม่ อย่างรถของแบจิเปลี่ยนใช้เครื่องของโตโยต้าทั้ง 3 คันแล้ว นอกจากราคาถูกแล้วอะไหล่ยังหาง่ายและประหยัดน้ำมันอีกด้วย ถ้าเสียก็ส่งซ่อมอู่ในหมู่บ้านได้อีกด้วย

“วิ่งขึ้นบ้านขวานฟ้าครั้งหนึ่ง ต้องใช้น้ำมันเพียง 3 ลิตร ระยะทาง 4 กม.”

แบจิมีรถจี๊บใช้งานทั้งหมด 3 คันใช้เป็นพาหนะในการเดินทาง รวมทั้งเป็นรถรับจ้างขนสินค้าจากพื้นที่เขาสูงอย่างบ้านขวานฟ้า และเป็นรถโดยสารจากชาวบ้านหาดทราย คิดเป็นคนละ 20 บาท ได้รับค่าจ้าง ค่าขนส่งสินค้า กิโลละ 2 บาท

รถจี๊บสามารถวิ่งไปได้ทุกที่ เส้นทางจะชันอย่างไรรถคันนี้ก็สามารถวิ่งไปได้ ในเมืองรถคันนี้ก็ไปได้ ปรกติแบจิมักขับรถคันนี้ไปขายผลไม้แถว อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ทุกๆ ปี

“เราขับไปได้เพราะเรามีทะเบียนและประกัน พ.ร.บ.อย่างถูกกฎหมาย ซื้อมาพร้อมหนังสือการใช้รถอย่างถูกกฎหมาย” แบจิกล่าวด้วยน้ำเสียงภูมิใจ พร้อมยกมือพวงมาลัยรถจี๊บคู่ชีพของเขาอย่างทะนุถนอม

สามะแอ มูจุ หรือ แบแอ อายุ 53 ปี หนึ่งในเจ้าของรถจี๊บ ชาวเมืองยะลา เล่าว่า เขาเป็นเพื่อนร่วมงานกับแบจิ

“เราจะแบ่งกันขนของเท่าๆ กัน เวลามีชาวบ้านไปบอกว่า ต้องการจ้างขนยางลงไปขายในอำเภอ เขาจะถามชาวบ้านทุกครั้งว่า แล้วแบจิว่างไหม ถ้าชาวบ้านบอกว่า ไม่ว่าง เขาก็จะรับขนสินค้าแทน แต่ถ้าเป็นช่วงแบจิว่างก็จะดูว่า เที่ยวที่แล้วชาวบ้านคนนี้ให้ใครขนยางเข้าอำเภอไป

สามะแอซึ่งมีสวนยางอยู่ที่บ้านขวานฟ้า ถัดจากตาชีขึ้นไป ซื้อรถจิ๊บตั้งแต่ 15 ปีที่แล้ว ในราคา 140,000 บาท พร้อมเปลี่ยนเครื่องเรียบร้อย หลังจากนั้นมีคนมาขอซื้อรถคันนี้ในราคา190,000 บาทแต่เขาไม่ขาย

“ที่ไม่ขายเพราะรักรถคันนี้มาก... รักยิ่งกว่าเมียอีก” แบแอกล่าวพร้อมส่งเสียงหัวเราะดังออกมาอย่างสนุกสนาน

สำหรับทะเบียนรถ และประกันอุบัติเหตุนั้น แบแอ เล่าว่า ต้องจ่ายเหมือนกับรถยนต์ 2 ประตู ทั่วไป คือ ทะเบียน 600 บาท ประกัน 1,300บาท ซึ่งทำให้เขาสามารถขับไปไหนมาไหนโดยไม่ผิดกฎหมาย

“ไม่ใช่ว่าขับได้เฉพาะบนเขาบนเนิน เท่านั้น หาดใหญ่เคยไปมาแล้ว”เขากล่าวและว่า

ตั้งแต่ซื้อรถมายังไม่เคยซ่อมเลย อย่างมากก็แค่เปลี่ยนล้อเท่านั้น คันนี้ใช้บรรทุกของได้ทุกนานาชนิด ทั้งแผ่นยางพาราและเศษยาง ปุ๋ย ส่วนผลไม้ เช่นลองกอง ทุเรียน สะตอ ส้มแขก ลงมาขายที่ อ.ยะหา โดยคิดราคาบรรทุกกิโลกรัมละ 2 บาท แต่ถ้าเป็นคนโดยสารวิ่งขึ้นลงจากบ้านขวานฟ้าและ อ.ยะหา ก็คิด 20 บาทต่อคน

ช่วงฤดูผลไม้ ชาวบ้านก็จะจ้างขนลงจากบ้านขวานฟ้า ส่วนยางแผ่นขนส่งแทบทุกวันๆ ละ 3-4 เที่ยว หรือบางวันก็มากกว่า ขึ้นอยู่ตรงที่ว่า ชาวบ้านจะจ้างลงกี่เที่ยวต่อวัน วันไหนสินค้าเยอะเขาก็จะจ้างถึง 5–6 เที่ยวต่อวันก็ยังเคยมี” แบแอกล่าว

มะซอบรี อาบู อายุ 29 ปี ชาวบ้านบ้านขวานฟ้า กล่าวว่า เขาโตมาพร้อมเสียงรถจี๊บและม้า เมื่อปี 2525 เขาจำได้ว่าทุกครั้งที่จะลงมาตลาดยะหา พ่อกับแม่ต้องอาศัยรถจี๊บทุกครั้ง

“ยิ่งช่วงฝนตกถนนลื่น รถจี๊บสามารถไต่ขึ้นหรือลงไปได้”

“จำได้เมื่อเขายังเด็ก พ่อแม่ เขามีม้า 2 ตัว ใช้ในการเดินทาง และแบจิเองก็มีรถจี๊บแล้วตอนนั้น”มะซอบรีกล่าว

มะซอบรีเป็นหนึ่งที่ใช้บริการรถจี๊บของแบจิ ใช้บรรทุกแผ่นยาง เศษยาง ปุ๋ย หรือของที่ใช้ในการเกษตรเนื่องจะบรรทุกมอเตอร์ไซค์ มันลำบากและอันตราย

ทุกๆ วันศุกร์ มะซอบรีจะจ้างรถจี๊บของแบจิขนแผ่นยางพาราลงจากบ้านไปขายที่ยะหา หรือบางช่วงที่ต้นยางล้ม ก็จะจ้างรถจี๊บขนไม้ลงไปขายในตลาดเช่นกัน

“หรือเวลามีใครไม่สบายเราก็จะต้องใช้บริการรถจี๊บทุกครั้ง”

วันที่เราไปสัมภาษณ์ มะซอบรี เขาเพิ่งจ้างแบจิขนปุ๋ยจากตลาดยะหาขึ้นไปที่บ้านขวานฟ้า 30 กระสอบ เสียค่าจ้างทั้งหมด 150 บาท

ปรกติมะซอบรีและชาวบ้านตาชีรวมถึงชุมชนใกล้เคียง จะใช้บริการรถจี๊บสลับกันระหว่างแบแอกับแบจิ แม้ว่า แบจิจะยึดอาชีพนี้มานานกว่าแบแอก็ตาม แต่ด้วยสำนึกการอยู่อย่างพึ่งพาของชุมชนคนตาชี ทำให้พวกเขาใช้ชีวิตอย่างแบ่งปัน ไม่เอาเปรียบซึ่งกันและกัน

ใช่หรือไม่ว่าด้วยวิถีชุมชนที่ไม่แบ่งแยกดังกล่าว ทำให้ชุมชนตาชีและชุมชนมุสลิมใกล้เคียงอยู่กันอย่างสงบสันติสุข ในท่ามกลางสถานการณ์ไฟใต้ปัจจุบันนี้

กำลังโหลดความคิดเห็น