"ข้าจะบำเพ็ญตนให้สมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นครู"
"ข้าจะตั้งใจฝึกสอนศิษย์ให้เป็นพลเมืองดีของชาติ"
"ข้าจะรักษาชื่อเสียงของคณะครูและบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์แก่สังคม"
เป็นคำกล่าวปฏิญาณตนของครูในจังหวัดปัตตานี ที่ดังกึกก้องห้องประชุมเล็กๆ ในโอกาส "วันครู" ที่ผ่านมา เป็นบรรยากาศ วันครู ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่สงบที่ล่วงเข้ามาปีที่ 3 ซึ่งชีวิตครูเป็นจำนวนมากต้องดับสูญไปกับความรุนแรงที่ไร้กฎเกณฑ์
ลีลา สุวรรณนิมิต เจ้าของบ้านในฐานะผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลเมืองปัตตานี กล่าวต้อนรับเพื่อนครูที่มาร่วมงาน ว่า ด้วยคำขอโทษที่ไม่อาจจัดงานวันครูให้เหมือนเช่นที่เคยจัดกันมาในปีก่อนๆ สถานการณ์ที่ไม่ปกติ ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบต่อการจัดกิจกรรมที่สำคัญและวิถีชีวิตของผู้คนทุกสาขาอาชีพในพื้นที่
"วันนี้เป็นวันดี วันที่พวกเราได้มาเจอกันแบบพี่แบบน้อง วันที่พวกเรามีความสุขอีกครั้ง หลังจากที่ต้องเหน็ดเหนื่อย และทุกข์ยาก ทั้งเรื่องการงาน ครอบครัว และที่สำคัญ เรื่องของบ้านเมืองที่เกิดเหตุความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่งผลกระทบต่อการศึกษาและวิถีชีวิตของเพื่อนครู แต่ดูจากสีหน้าของเพื่อนครูทุกคนที่ร่วมกิจกรรมวันนี้แล้ว เชื่อว่า มีความสุข มีกำลังใจที่จะร่วมกันทำงานต่อไป"
บุญสม ทองศรีพราย ประธานสมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ บอกว่า ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา ครูต้องการให้พื้นที่มีความสงบสุข เกิดความปลอดภัย มั่นใจต่อการจัดการศึกษาของบุคลากรทางการศึกษา และเท่าที่ประเมินสถานการณ์ในปี 2549 นี้ คาดว่า น่าจะยังคงเหมือนเดิม และมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นในบางพื้นที่ ส่วนในระยะยาวจะส่งผลกระทบต่อการจัดการศึกษา เพราะว่าครูยังมีความไม่มั่นใจในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินจึงขอฝากไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ดูแลปัญหาด้านความมั่นคง มีความจริงใจตั้งใจแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง
"ครูต้องทำหน้าที่ต่อไป ไม่ว่าจะลำบากอย่างไร ขอให้กลุ่มไม่หวังดีได้ยุติการกระทำ เพราะถ้าปัญหาความมั่นคงยังเป็นแบบนี้จะส่งผลกระทบในทุกด้าน ไม่ว่า เศรษฐกิจ การศึกษา สังคม และความเชื่อมั่นของประชาชน ขอให้เราอยู่ร่วมกันอย่างสงบเหมือนในอดีต มีอะไรไม่เข้าใจข้องใจ หรือไม่สบายใจก็มาพูดคุยกันในแนวทางสันติวิธี "
ความไม่สงบที่เกิดขึ้นมากว่าสองปี ไม่เพียงชีวิตครูกว่า 50 ชีวิต ที่ต้องดับสูญไป ความหวาดหวั่น ความไม่วางใจต่อความปลอดภัย เป็นผลกระทบสำคัญที่ทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาด้อยลงไป
สุชิน พรหมทอง ครูโรงเรียนอนุบาลเมืองปัตตานี บอกว่า 2 ปีที่ผ่านมา มีความหนักใจมาก เดิมครูมีความกระตือรือร้นในการสอนมาก แต่ 2 ปีหลัง ค่อนข้างจะน้อยลงในการเตรียมการสอน เพราะมัวแต่ระแวดระวังเรื่องความไม่ปลอดภัย ถ้าเหตุการณ์สงบลงเร็ว ขวัญกำลังใจคงจะดีขึ้นมาก
"ผลกระทบที่ชัดเจน คือ ผลสัมฤทธิ์การเรียนการสอน โดยเฉพาะในกิจกรรมที่เสริมการเรียนการสอนที่เด็กพึงจะได้รับเหมือนกับเด็กนักเรียนจากจังหวัดอื่น ภูมิภาคอื่น เช่น การจัดค่ายลูกเสือ การปฏิบัติธรรม กิจกรรมทัศนศึกษานอกสถานที่ สิ่งเหล่านี้ทำได้น้อยมาก เพราะครูไม่กล้าเสี่ยงที่จะจัด ผู้ปกครองก็ไม่อนุญาต"
สุชิน ยืนยันอุดมการณ์ของเขา และเพื่อนครู ว่า ครูยังต้องทำหน้าที่ด้วยความศรัทธา แต่วันนี้ไม่ใช่ทำเพราะหน้าที่ แต่ทำด้วยความรักในวิชาชีพครู
เหม เยี่ยมคำนวณ ผู้อำนวยการสถานศึกษาโรงเรียนชุมชนบ้านปูยุด บอกว่า 2 ปี ที่ผ่านมา ขวัญกำลังใจครูเสียมาก เพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัย ตั้งแต่ที่บ้าน การเดินทาง และที่ทำงาน โดยเฉพาะคนที่อยู่ต่างอำเภอก็ไปทำงานด้วยความไม่สบายใจ เมื่อไปทำงานก็ต้องเร่งเวลาในการทำงาน เพราะจะต้องรีบกลับ ดังนั้น คุณภาพในการจัดการเรียนการสอนก็เกิดขึ้นยาก
"ผลกระทบต่อเด็กมีมาก เมื่อครูไม่สบายใจ การทุ่มเทก็น้อย ปิดโรงเรียนบ่อย การเรียนการสอนน้อย สอนไม่ทัน ทำให้คุณภาพของเด็กที่จบออกมามีคุณภาพด้อยลง ฉะนั้นรัฐจะต้องเร่งแก้ไขปัญหาให้เกิดความสงบโดยเร็ว"
ครูเหม บอกว่า ทำอย่างไรที่จะให้ผู้ที่เข้าร่วมก่อความไม่สงบสำนึก ว่า การที่ทำแบบนี้เป็นการทำลายอนาคตของลูกหลานเราเอง
วันทนา ทองมาก รองผู้อำนวยการโรงเรียนเดชะปัตตนยานุกูล กล่าวว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อเด็กชัดเจน ไม่ว่าจะไปสมัครเรียนต่อที่ไหน หรือไปสมัครงาน เขาจะไม่คบค้าสมาคม หรือรับทำงานถ้าเป็นเด็กที่มาจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
"ความจริงเด็กของเราทั้ง พุทธ มุสลิม มีคุณภาพดีพอเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะเด็กนักเรียนมุสลิมมีกิริยามารยาทดีกว่าเด็กที่อื่น แต่มาวันนี้พฤติกรรมเปลี่ยนไป มีความก้าวร้าว มีความแตกแยก"
วันทนา ยังประเมินอีกว่า ถ้าเหตุการณ์ยังเป็นแบบนี้ การศึกษาจะไม่ก้าวหน้า คุณภาพการศึกษาของเด็กจะด้อยลง ไม่ว่าเราจะปรับกลยุทธ์อย่างไร เพราะว่าสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต คือความมั่นคง ความปลอดภัย ถ้าหากรัฐยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นว่าไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ทุกอย่างจบ
"ถึงสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ครูก็ต้องสู้ เพราะเป็นลูกหลานของเรา และที่สำคัญ ต้องคิดถึงคุณแผ่นดิน แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือเรากังวลว่าจะมีเหตุการณ์เหมือนที่ โรงเรียนบ้านละหาร จ.นราธิวาส"
"อยากให้รัฐบาลมีนโนบายที่ชัดเจนว่า ครูเป็นแหล่งปลอดจากการเมือง เป็นข้าราชการที่บริสุทธิ์ที่มุ่งหวังพัฒนาคนจริงๆ ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไม่ใช่เอาเราไปเล่นการเมือง มาครอบงำ ขอให้เราได้เติบโตอย่างบริสุทธ์ เพื่อจะได้พัฒนาเด็กและสังคมอย่างเต็มความสามารถ
วันครูปีนี้ได้เวียนบรรจบครบรอบ 50 ปี ถึงแม้จะไม่มีการจัดพิธีกรรมที่ยิ่งใหญ่ให้กับผู้ประกอบวิชาชีพอันทรงเกียรติยิ่งนี้ แต่พวกเขายืนยันว่าจะยังคงทำหน้าที่ต่อไปด้วยความรัก ความศรัทธาของความเป็นครู ต่อไป
...เส้นทางสายเก่า จากบ้านพักไปยังโรงเรียน เส้นทางที่คุ้นเคยมายาวนาน วันแล้ววันเล่า นานนับนาน เด็กน้อยในหมู่บ้านเข้าสู่วัยหนุ่มสาว บ้างก็ล่วงเข้าวัยกลางคน
ครูยังคงผ่านเส้นทางสายเก่าสายนี้ จากวันแห่งรอยยิ้มทักทาย สายตาที่เปี่ยมมิตรของผู้คนที่อยู่สองข้างทาง ต่างไปจากวันนี้ ที่ไร้วี่แววผู้คนผ่านไปมา สองข้างทางเปลี่ยว ชวนหวาดหวั่นว่าอันตรายที่หมายเอาชีวิตนั้นจะปรากฏขึ้นเมื่อใด
แต่พวกเขาต้องทำหน้าที่ต่อไป !