ผู้จัดการ- บมจ.กฟผ. จับมือ จ.สงขลา ฟื้นป่าชายเลน สวนประวัติศาสตร์ พลเอกเปรม ใช้กล้าไม้กว่า 10 ชนิด จำนวน 60,000 ต้น พร้อมเสริมต้นลำพู ดึงหิ่งห้อยกลับภูมิลำเนา ช่วยสร้างระบบนิเวศตามธรรมชาติ เผยอนาคตเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และวัฒนธรรมที่สำคัญของสงขลา
นายสามารถ ภู่ไพบูลย์ ผู้จัดการโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ บมจ.กฟผ.เปิดเผยว่า โครงการได้รับการประสานงานมาจาก นายสมพร ใช้บางยาง ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ถึงการเข้าไปส่งเสริมและสนับสนุนพื้นที่โดยรอบของสวนประวัติศาสตร์ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 2 ตำบลพะวง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา ติดกับทะเลสาบสงขลา ช่วงก่อนเข้าเกาะยอ ตามถนนสาย สงขลา นครศรีธรรมราช
พื้นที่แห่งนี้เดิมมีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก มีป่าชายเลนที่เป็นแหล่งอาหารของสัตว์น้ำ และที่เพาะขยายพันธุ์ของสัตว์ทะเล เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากปากอ่าวสงขลา และเป็นแหล่งประมงชายฝั่งของเกษตรกร ที่อาศัยอยู่บนเกาะยอมาอย่างยาวนาน
แต่เนื่องจากการขยายตัวของเมืองสงขลา ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรในพื้นที่ เป็นผลให้พื้นที่ป่าชายเลนลดลงอย่างต่อเนื่อง
โครงการปลูกป่าถาวร บมจ.กฟผ.จึงได้ตอบรับพร้อมส่งเจ้าหน้าที่ลงไปประสานงานกับสถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 38 จังหวัดสงขลา กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม
โดยให้ทางสถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลน สนับสนุนในเรื่องของการจัดเตรียมกล้าไม้ พร้อมประสานงานกับมูลนิธิสวนประวัติศาสตร์ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เกี่ยวกับพื้นที่ที่จะทำการปลูกป่าชายเลน
โดยได้ข้อสรุปว่า จะปลูกบนพื้นที่จำนวน 80 ไร่ ภายใต้โครงการปลูกป่าชายเลนถาวรเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
“บริเวณสวนประวิติศาสตร์ จะมีลำคลองภายในพื้นที่ออกสู่ทะเลสาบสงขลา และพันธุ์ไม้ที่นำไปปลูกมี 10 ชนิด อาทิเช่น โกงกาง หงอนไก่ โพธิ์ทะเล ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้ที่เป็นไม้เดิมของพื้นที่ ประมาณ 60,000 ต้น โดยปลูก 710 ต้นต่อพื้นที่ 1 ไร่ นอกจากนี้ ยังมีการนำต้นลำพู เข้าไปเสริมอีกด้วย เนื่องจากในพื้นที่มีต้นลำพู อยู่บ้างแล้ว
การเพิ่มปริมาณของต้นลำพูให้กับพื้นที่มากขึ้น ก็จะเป็นผลดีต่อการเข้ามาอาศัยหากิน และจับคู่ขยายพันธุ์ของหิ่งห้อยในเวลาค่ำคืน ซึ่งจะเป็นการช่วยเสริมกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวของสวนประวัติศาสตร์ ที่ปัจจุบันมีประชาชนทั้งในพื้นที่และต่างจังหวัดเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก” นายสามารถ กล่าว
ผู้จัดการโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ บมจ.กฟผ. เผยด้วยว่า ในการเข้าไปปลูกป่าชายเลนของโครงการในพื้นที่แห่งนี้ ทางโครงการจะทำการดูแลบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 4 ปี โดยในระหว่าง 4 ปีที่ดูแลอยู่นั้นหากมีต้นไหนตาย หรือถูกกระแสน้ำพัดไป ทางโครงการก็จะนำต้นใหม่ไปปลูกเสริมแทน จึงมั่นใจได้ว่า ปริมาณของต้นไม้ในพื้นที่ป่าชายเลนแห่งนี้ ในอนาคตที่ไม่น่าจะนานนักจะหวนกลับคืนความสมบูรณ์ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เหมือนดังเช่นแต่ก่อน
นายสามารถ ภู่ไพบูลย์ ผู้จัดการโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ บมจ.กฟผ.เปิดเผยว่า โครงการได้รับการประสานงานมาจาก นายสมพร ใช้บางยาง ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ถึงการเข้าไปส่งเสริมและสนับสนุนพื้นที่โดยรอบของสวนประวัติศาสตร์ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 2 ตำบลพะวง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา ติดกับทะเลสาบสงขลา ช่วงก่อนเข้าเกาะยอ ตามถนนสาย สงขลา นครศรีธรรมราช
พื้นที่แห่งนี้เดิมมีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก มีป่าชายเลนที่เป็นแหล่งอาหารของสัตว์น้ำ และที่เพาะขยายพันธุ์ของสัตว์ทะเล เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากปากอ่าวสงขลา และเป็นแหล่งประมงชายฝั่งของเกษตรกร ที่อาศัยอยู่บนเกาะยอมาอย่างยาวนาน
แต่เนื่องจากการขยายตัวของเมืองสงขลา ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรในพื้นที่ เป็นผลให้พื้นที่ป่าชายเลนลดลงอย่างต่อเนื่อง
โครงการปลูกป่าถาวร บมจ.กฟผ.จึงได้ตอบรับพร้อมส่งเจ้าหน้าที่ลงไปประสานงานกับสถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 38 จังหวัดสงขลา กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม
โดยให้ทางสถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลน สนับสนุนในเรื่องของการจัดเตรียมกล้าไม้ พร้อมประสานงานกับมูลนิธิสวนประวัติศาสตร์ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เกี่ยวกับพื้นที่ที่จะทำการปลูกป่าชายเลน
โดยได้ข้อสรุปว่า จะปลูกบนพื้นที่จำนวน 80 ไร่ ภายใต้โครงการปลูกป่าชายเลนถาวรเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
“บริเวณสวนประวิติศาสตร์ จะมีลำคลองภายในพื้นที่ออกสู่ทะเลสาบสงขลา และพันธุ์ไม้ที่นำไปปลูกมี 10 ชนิด อาทิเช่น โกงกาง หงอนไก่ โพธิ์ทะเล ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้ที่เป็นไม้เดิมของพื้นที่ ประมาณ 60,000 ต้น โดยปลูก 710 ต้นต่อพื้นที่ 1 ไร่ นอกจากนี้ ยังมีการนำต้นลำพู เข้าไปเสริมอีกด้วย เนื่องจากในพื้นที่มีต้นลำพู อยู่บ้างแล้ว
การเพิ่มปริมาณของต้นลำพูให้กับพื้นที่มากขึ้น ก็จะเป็นผลดีต่อการเข้ามาอาศัยหากิน และจับคู่ขยายพันธุ์ของหิ่งห้อยในเวลาค่ำคืน ซึ่งจะเป็นการช่วยเสริมกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวของสวนประวัติศาสตร์ ที่ปัจจุบันมีประชาชนทั้งในพื้นที่และต่างจังหวัดเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก” นายสามารถ กล่าว
ผู้จัดการโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ บมจ.กฟผ. เผยด้วยว่า ในการเข้าไปปลูกป่าชายเลนของโครงการในพื้นที่แห่งนี้ ทางโครงการจะทำการดูแลบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 4 ปี โดยในระหว่าง 4 ปีที่ดูแลอยู่นั้นหากมีต้นไหนตาย หรือถูกกระแสน้ำพัดไป ทางโครงการก็จะนำต้นใหม่ไปปลูกเสริมแทน จึงมั่นใจได้ว่า ปริมาณของต้นไม้ในพื้นที่ป่าชายเลนแห่งนี้ ในอนาคตที่ไม่น่าจะนานนักจะหวนกลับคืนความสมบูรณ์ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เหมือนดังเช่นแต่ก่อน