xs
xsm
sm
md
lg

1 ปี ‘สึนามิ’ - ‘หน่วยกู้ภัยและสัญญาณไซเรนปริศนา’ กับ ‘ตู้ที่ถูกดึงขึ้นมาจากชั้นใต้ดิน’

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ณขจร จันทวงศ์ ... รายงาน

วันที่ 27 ธันวาคม 2547 อันเป็นเวลาคล้อยหลังเพียง 1 วัน หลังจากคลื่นมหาประลัย ‘สึนามิ’ ถาโถมขึ้นมาบนผืนแผ่นดินที่ตั้งอยู่ฝั่งทะเลอันดามัน และคาบสมุทรอินเดีย สถานการณ์โดยทั่วไปจึงยังอยู่ในความโกลาหลอลหม่าน ปะปนไปด้วยความโศกเศร้า และความตื่นตระหนก การค้นหาศพผู้เสียชีวิต และผู้ที่คาดว่าอาจจะยังคงมีชีวิตดำเนินไปอย่างเข้มข้น

ชายหาดป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เป็นที่ที่เราได้รับรายงานเป็นที่แรกถึงภัยร้ายที่เกิดขึ้น คลื่นยักษ์ความสูงร่วม 2-3 เมตร ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า ความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ก่อนหน้านี้ หลายคนคงจินตนาการไปไม่ถึง “เจ้าหน้าที่กู้ภัย” ทั้งในท้องถิ่นและที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ ทำงานแข่งกับเวลาเพื่อค้นหาร่างผู้เสียชีวิต ให้ได้โดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะบริเวณที่เคยเป็นชั้นใต้ดินของห้างโอเชี่ยน สาขาหาดป่าตอง ที่เชื่อว่ามีชาวไทยและนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ถูกคลื่นซัดเข้าไปติดอยู่ภายใน

ตอนที่ผมเดินทางไปถึงเป็นเวลาประมาณ 10.00 น.ของเช้าวันที่ 27 ธันวาคม 2547 สอบถามจากเจ้าหน้าที่ที่กำลังทำงานกู้ซากศพจากชั้นใต้ดินของห้างดังกล่าว ยืนยันว่า ศพที่พบตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา มีไม่ต่ำกว่า 20 ศพ เข้าไปแล้ว ในขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยหน่วยงานหนึ่งที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ ต้องเร่งดูดน้ำออกจากชั้นใต้ดินของห้างโดยด่วน พร้อมกับส่งทีมประดาน้ำลงค้นหาศพผู้เสียชีวิต ต่อหน้าญาติๆ ของผู้เสียชีวิต รวมทั้งไทยมุง และฝรั่งมุง อีกจำนวนมากที่มาเฝ้าดู หลายคนบอกว่ามาหาเพื่อน พี่ น้อง ลูกสาว ที่ทำงานอยู่แถวนี้ และยังหาตัวกันไม่พบ

นอกเหนือจากชั้นใต้ดินของห้างโอเชี่ยน สาขาหาดป่าตอง แล้ว ยังมีชั้นใต้ดินของโรงแรมซีเพิร์ล ป่าตอง อีกที่หนึ่งซึ่งความเสียหายเกิดขึ้นในลักษณะเดียวกัน คือ มีซากของรถตุ๊กตุ๊ก เรือ เจ็ตสกี รถจักรยานยนต์ มนุษย์ และ ฯลฯ ถูกคลื่นยักษ์ซัดเข้าไปกระจุกอยู่ในชั้นใต้ดิน ที่กลายสภาพเป็นสระน้ำขนาดย่อม

เราเลือกที่จะปักหลักติดตามรายงานสถานการณ์การกู้ซากศพผู้เสียชีวิตบริเวณชั้นใต้ดิน ของห้างโอเชี่ยน สาขาหาดป่าตอง ที่เจ้าหน้าที่ยืนยันว่า ยังมีร่างของผู้เคราะห์ร้ายอีกหลายรายติดอยู่ข้างใต้ บรรดาสิ่งของที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสินค้าตั้งอยู่บนชั้นวางสวยหรูถูกทยอยขนออกมากองทิ้งไว้ริมถนน ไม่แตกต่างจากกองขยะทั่วไป โดยมีนักศึกษากลุ่มหนึ่งจากมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต มาช่วยเป็นลูกมือให้กับเจ้าหน้าที่กู้ภัย

ทุกครั้งที่นักประดาน้ำโผล่ขึ้นมาจากชั้นใต้ดิน ที่กลายสภาพเป็นสระน้ำนี้ บรรดาผู้ที่มุงดูอยู่ด้านนอก รวมทั้งผู้สื่อข่าวต่างกรูกันเข้ามาจับตาดู ด้วยความหวังตามแต่สถานะของแต่ละคน นักข่าวต้องการถ่ายภาพ ญาติผู้เสียชีวิตรีบเข้ามามุงดู หวังว่า เขาอาจจะพบร่างญาติของตนในนี้ รวมทั้งคนที่เข้ามาดูเพื่อความอยากรู้อยากเห็น แต่เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงก็ไม่มีสิ่งใดให้น่าตื่นเต้น สิ่งที่นักประดาน้ำลำเลียงออกมามีแต่สิ่งที่เคยเป็นสินค้าในห้างนี้ เพื่อเปิดทางให้การค้นหาร่างมนุษย์เป็นไปอย่างสะดวกมากขึ้น

เวลาผ่านไปเกือบเที่ยง ผมและช่างภาพเริ่มหิว เรากินข้าวที่เจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยนำมาบริการให้ผู้ประสบภัย เพื่อประทังความหิว ยังไม่ทันเปิดกล่องข้าว สัญชาตญาณบอกให้รู้สึกว่ากำลังมีสิ่งที่น่าจะตื่นเต้นเกิดขึ้น หลังจากที่เช้านี้ต้องออกแรงวิ่งกันมาแล้ว 1 ยก เมื่อชาวบ้านบริเวณหาดในยาง วิ่งหน้าตาตื่นมาบอกเราว่า “รีบหนี เขาแจ้งทางวิทยุ ว่าคลื่นกำลังมา”

ภาพที่เห็นบริเวณหน้าหาดป่าตอง คือ เจ้าหน้าที่กู้ภัย 3-4 คน กระโดดขึ้นรถกระบะที่มีหลังคาไฟเบอร์ครอบทับช่วงท้ายกระบะอีกที คนที่ทำหน้าที่ขับรถเข้าประจำที่ เหมือนกับเพิ่งได้รับแจ้งเหตุด่วน แต่ในขณะนั้นไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น อึดใจเดียวเสียงสัญญาณไซเรนที่ติดอยู่บนหลังคารถ ก็กรีดร้องขึ้นถี่กระชั้น เสียงของมันหวีดหวิวจนทำให้ขวัญของใครๆ หลายคนที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว อาจแตกกระเจิงเอาเสียง่ายๆ มันดังอยู่ประมาณ 5 วินาที เจ้าหน้าที่กู้ภัยซึ่งเป็นผู้ชายคนหนึ่งได้ตะโกนบอกให้ทุกคนรู้ว่า “ทุกคนรีบออกไปจากที่นี่เร็วๆ คลื่นกำลังมา”

เพียงแค่นั้น ไทยมุง ฝรั่งมุง ผู้ที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์คลื่นยักษ์มาสดๆ ร้อนๆ เมื่อวานนี้ ประมาณว่าน่าจะมีจำนวนเกิน 200 คน ก็พากันวิ่งหนีเอาชีวิตรอดจากบริเวณหน้าหาดป่าตอง ส่วนมากเลือกที่จะวิ่งเข้าซอยบริเวณด้านข้างห้างโอเชี่ยน ซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด และซอยนี้ทะลุไปออกถนนใหญ่ หากไปได้ถึงก็จะปลอดภัยจากคลื่นยักษ์ คลื่นคนวิ่งกรูกันเข้าไปในซอย เหมือนกับคลื่นที่เคยถาโถมเข้าไปก่อนหน้านี้ สถานการณ์มีแต่ความสับสนอลหม่าน ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คลื่นจะมาจริงหรือไม่ ใครเป็นคนแจ้ง แต่เท้ามันก็พาวิ่งออกไปเกือบจะถึงถนนใหญ่แล้ว ตลอดเส้นทางที่เราวิ่งไป นักท่องเที่ยวที่พักอยู่ชั้นบนของโรงแรมแถวนั้น พากันตกตะลึงเช่นเดียวกัน “What happen!” เขาตะโกนถาม แต่เวลานั้น ไม่มีใครสะดวกที่จะตอบเขาเลย เพราะแค่หายใจก็แทบจะทำไม่ทันอยู่แล้ว

ผมวิ่งไปถึงถนนใหญ่โดยติดอยู่ในกลุ่มนำ นึกสงสารคนที่ถูกรถมอเตอร์ไซค์ชน วิ่งเหยียบกัน ภาพผู้หญิงที่หน้าตาตื่นตกใจสุดขีด เด็กๆ ที่ตะโกนร้องไห้โดยไม่รู้แม้แต่นิดเดียวว่าเกิดอะไรขึ้น ที่น่าเป็นห่วงคือสภาพจิตใจของผู้ที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์เมื่อวานนี้มา เขาตกใจมาแล้ว และตกใจอีก เขาอาจกลายเป็นคนตื่นตระหนกเรื้อรังไปเลยก็เป็นได้

ผมรอดูสถานการณ์อยู่ประมาณ 5 นาที จึงกลับเข้าไปที่หน้าห้างโอเชี่ยนอีกครั้ง เพื่อไปดูให้แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น รู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วมาก ทั้งๆ ที่ไม่ได้กินกาแฟเข้าไป และขาก็รู้สึกสั่นๆ ผมไม่ชอบอาการแบบนี้เลย แต่มันก็ทำให้ตื่นตัวและพร้อมที่จะออกวิ่งได้อีกหลายครั้งหากมีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นอีก

มาถึงบริเวณหน้าห้างโอเชี่ยน พบว่า ช่างภาพของผมยืนหัวเราะอยู่ที่เดิม “ทำไมไม่วิ่งล่ะ” ผมถาม เขาตอบว่าไม่มีอะไรเลย ทำให้ยิ่งสงสัยว่า แล้วที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยเขาเปิดสัญญาณไซเรนเมื่อสักครู่เขาทำไปทำไม? คนอยู่ที่นี่เป็น 200-300 คน เขาคงไม่คิดจะแกล้งให้คนจำนวนนั้นวิ่งหนีจนเกือบเหยียบกันตาย แล้วบอกว่า แค่หยอกเล่น หรอกนะ แล้วเขาทำเพื่ออะไร “ตอนที่ผมวิ่งไป ที่นี่เกิดอะไรขึ้นบ้าง” ผมถามอีกครั้ง

“ตอนนายวิ่งออกไป ผมก็จะวิ่งด้วย แต่ไม่เห็นมีอะไรเลยไม่วิ่ง เห็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยเขาดึงอะไรขึ้นมาจากชั้นใต้ดินไม่รู้ มันเป็นกล่องใหญ่ๆ แล้วเขาก็ขนขึ้นรถขับออกไป แต่ไม่ใช่ศพแน่นอน”เขาบอก

คำพูดนั้นทำให้เกิดความสงสัยตามมาหลายอย่าง ตั้งแต่ช่วงเช้าที่เราเห็นหน้าที่กู้ภัยนำห่อผ้าสีขาว ลักษณะกลมๆ บรรทุกรถขับออกไป หลายต่อหลายเที่ยว เรามั่นใจว่า ไม่ใช่ศพแน่นอน แล้วมันคืออะไร? เขาพาไปไหน? ที่สำคัญ ทำไมจึงมีการเปิดสัญญาณไซเรนดังลั่น พร้อมๆ กับสั่งให้คนรีบวิ่งหนีไป โดยอ้างว่าคลื่นยักษ์กำลังมา ในขณะที่เขากำลังดึงสิ่งของคล้ายตู้ ขึ้นมาจากชั้นใต้ดิน ยกขึ้นรถแล้วขนออกไป

และที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง คือ เหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันนี้ ไม่เพียงแต่เกิดขึ้นที่บริเวณหน้าหาดป่าตองเพียงที่เดียว แต่มันเกิดขึ้นที่บริเวณชายหาดเขาหลักด้วย ทำให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จนกระทั่งชุดกู้ภัยที่ทำงานอยู่บริเวณหน้าหาดป่าตอง ต้องถอนตัวกลับกรุงเทพฯ ไปในที่สุด แต่ก็ไม่มีใครออกมาให้คำตอบถึงเหตุการณ์ดังกล่าวได้ว่าพฤติกรรมที่เจ้าหน้าที่แสดงออกมานั้นหมายถึงอะไร เกิดคลื่นยักษ์ขึ้นจริงๆ จึงต้องรีบเตือนให้ไทยมุงออกไปจากที่เกิดเหตุ? หรือไทยมุงกีดขวางการทำงานจนต้องใช้อุบายดังกล่าว? ซึ่งดูจะเสี่ยงเกินไปกับคนที่เป็นโรคหัวใจ

แม้จะไม่มีใครออกมาชี้แจงเรื่องนี้ให้กระจ่าง รวมทั้งเหตุการณ์ก็ผ่านมาแล้ว 1 ปี หลายคนอาจจะบอกว่า ช่างเถอะ ยังไงมันก็ผ่านมาแล้ว แต่หลายคนอาจจะยังติดใจสงสัย พร้อมๆ กับรอคอยใครสักคนมาชี้แจงให้กระจ่าง กรณีนี้ทำให้คิดย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ที่ปรากฏเป็นข่าวหลายๆ ครั้งที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยยกพวกตะลุมบอนกัน เพราะแย่งกันกู้ศพ แต่ที่สำคัญเราได้รับความรู้เพิ่มเติมประดับสมองอีกนิดหนึ่งว่า “หน่วยกู้ภัยเมืองไทย” เขาทำงานกันอย่างนี้นี่เอง!
กำลังโหลดความคิดเห็น