xs
xsm
sm
md
lg

‘อานาเซด อะเนาะยาติม’ - บทเพลงจากเด็กกำพร้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โดย ธนก บังผล
ศูนย์ข่าวอิศรา สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

ลมร้อนที่พัดกรรโชกแรงพาเม็ดทรายปลิวบิดวนเป็นเกลียว ใบไม้แห้งที่ตกเกลื่อนตามพื้นถูกดึงร่อนตามแรงลมอย่างไร้ทิศทาง ดวงตะวันเปล่งแสงราวกับทะเลเพลิงทำให้อากาศร้อนจนแสบผิว เด็กน้อยอาศัยร่มเงาของต้นไม้ใหญ่เป็นที่พักผ่อน บ้างก็หลบแดดอยู่ในลานเรียน เด็กเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นเด็กกำพร้าที่ฐานะยากจน

ระยะเวลาผ่านมากว่า 13 ปี แล้ว ที่ศูนย์เด็กหญิงกำพร้าและยากจนอนาถา “ดารุลไอตัม” บ้านสุไหงปาแน ต.บานา อ.เมือง จ.ปัตตานี ได้กำเนิดขึ้นบนเนื้อที่กว่า 7 ไร่ อดีตเป็นโรงเรียนปอเนาะห่างจากมัสยิดกรือเซะเพียง 500 เมตร โดยอาจารย์มัรยัม สาเมาะ หญิงแกร่งอายุ 55 ปี ผู้ซึ่งเด็กๆที่นี่เรียกว่า อุมมีมัรยัม..ซึ่งมีความหมายว่า แม่คนที่สอง

ถ้าพื้นทรายที่แห้งแล้งเปรียบเสมือนความด้อยโอกาสทางสังคม ดารุลไอตัมก็คือต้นไม้ใหญ่ที่ให้ความร่มเย็นเป็นที่พึ่งให้กับเด็กที่ไร้โอกาส

อุมมีมัรยัมพูดอยู่เสมอว่า “ใจคนเหมือนกับใบไม้ พลิกไปพลิกมา” ดังนั้น การให้การศึกษาและการสอนศาสนาแก่เด็กหญิงที่ด้อยโอกาส ย่อมเป็นการช่วยให้เด็กมีความสามารถช่วยเหลือตนเองและสังคมได้ รู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แม้จะพลิกไปพลิกมาบ้างแต่ก็รู้ว่าอะไรควรไม่ควร

ในกลุ่มครอบครัวมุสลิมตามชนบทนิยมให้ลูกสาวแต่งงานก่อนวัยอันควร แต่ก็ยังมีพ่อแม่จำนวนมากที่อยากให้ลูกสาวได้รับการศึกษาเท่าเทียมกับผู้ชาย ดังนั้นเมื่อความยากจนเป็นอุปสรรค ความหวังทางเดียวในการผลักดันให้ลูกได้เรียนรู้ทั้งสายสามัญและศาสนา คือดารุลไอตัม

ศูนย์เด็กหญิงกำพร้าฯ แห่งนี้ เป็นโครงการรับเลี้ยงเด็กให้อยู่กินและเรียนฟรี เป็นที่รองรับผู้ด้อยโอกาส จึงไม่แปลกเลยที่เด็กน้อยในความปกครองกว่า 110 คน ทั้งจากปัตตานี ยะลา สงขลา ตรัง กระบี่ สุราษฎร์ธานี และอีกหลายหลาก ต่างพากันหอบเอาชีวิตมาฝากไว้ที่นี่ โดยเชื่อว่าศูนย์เด็กหญิงกำพร้าแห่งนี้จะสร้างโอกาสที่ดีในอนาคตได้และเพราะเป็นศูนย์เด็กกำพร้าและยากจนอนาถา เงินค่าเล่าเรียนจึงไม่เก็บจากเด็กๆ

ส่วนการรับผิดชอบต่อค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนที่มีประมาณ 4-5 หมื่นบาทของอุมมีมัรยัม ต้องอาศัยเงินบริจาค เงินการกุศล และการขายเสื้อผ้างานฝีมือของเด็กนักเรียน

นอกจากนี้ยังมีเงินซะกาต ทานบังคับตามหลักศาสนาอิสลาม ของผู้ที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ ซึ่งต้องบริจาคช่วยเด็กกำพร้าร้อยละ 2.5 ของรายได้ทั้งหมด เงินบริจาคเอกชนและบุคคลที่ศรัทธาในการทำงานของศูนย์ ทั้งจากสมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทย มูลนิธิสันติชน องค์การยูนิเซฟ คณะกรรมการกลางอิสลามจังหวัดปัตตานี สหกรณ์ออมทรัพย์อิสลามจังหวัดปัตตานี ฯลฯ ล้วนแล้วแต่เป็นรากฐานที่ทำให้ดารุลไอตัม แห่งนี้ยังสามารถยืนหยัดได้

ด้วยข้อจำกัดทางการเงิน จึงทำให้ศักยภาพของศูนย์ถูกตีกรอบให้รับเด็กในแต่ละปีได้เพียง 25 - 30 คนเท่านั้น โดยจะคัดเลือกเด็กที่มีความขัดสนจริงๆ เน้นเด็กที่กำพร้า เด็กยากจน และเด็กอ่อนที่เกิดจากการเปลี่ยนศาสนาเป็นหลัก

ตลอดเวลากว่า 10 ปี ที่ศูนย์เด็กกำพร้าฯแห่งนี้ต้องเป็น “มือล่าง” คอยรับการบริจาค คอยรับความช่วยเหลือ อุมมีมัรยัมวางเป้าหมายไว้ว่าในอีก 10 ปี ข้างหน้า ดารุลไอตัมแห่งนี้จะเป็น “มือบน” ตอบแทนแผ่นดินด้วยการเป็นผู้ให้ ความตั้งใจของอุมมีมัรยัมในอีก 10 ปีข้างหน้ายังคงส่องแสงสว่างไสวอยู่เสมอ

“หนูอยากไปเชียงใหม่ อยากขึ้นดอยสุเทพ” เด็กหญิงอัสมา มะสัน สาวน้อยอายุเพียง 13 ปี จากอำเภอตากใบ จ.นราธิวาส เล่าถึงความใฝ่ฝัน สายตาของอัสมาเต็มเปี่ยมไปด้วยจินตนาการ

อัสมา อายุยังน้อยนัก แต่ด้วยความจำเป็นทางครอบครัว เธอมาอาศัยอยู่ที่นี่ได้กว่า 2 ปีแล้ว ความฝันที่จะไปเชียงใหม่ อยากขึ้นดอยสุเทพนั้นยังมีโอกาสอีกยาวนาน
ทุกครั้งที่ “อัสมา”ร้องเพลง เสียงของเธอจับใจคนฟังยิ่งนัก “อานาเซด อะเนาะยาติม”...บทเพลงจากเด็กกำพร้า ยังก้องอยู่ในความรู้สึก

“จงฟังเสียงจากพวกเรา เสียงร้องไห้จากพวกเรา เป็นสัญลักษณ์แห่งความยากลำบาก

เราเป็นคนอนาถา จงชักจูงพวกเรา จงช่วยเหลือพวกเรา ผู้ด้อยโอกาส มนุษย์ผู้อ่อนแอ

เราทุกคนเป็นคนที่ด้อยในทุกๆสิ่ง กลุ่มพวกเราเป็นลูกกำพร้าและอนาถา อยู่ในการดูแลของผู้อื่น ชีวิตของเราในแต่ละวันต้องการความรัก และต้องการคนเห็นใจ เราต้องการคนเห็นใจซึ่งกันละกัน ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ไร้ที่พึ่งพิง ในภาวะที่ประสบกับปัญหาเศร้าเสียใจ ได้ผู้ให้การดูแล ผู้มีบุญคุณ เธอคือตัวแทนของพ่อแม่ โอ้ พระเจ้า เราขอวิงวอน ให้ความรัก ความเอ็นดู บ่าวของพระองค์ จูงเรา ชี้นำเรา หนทางที่ถูกต้องเพื่อประสบปลอดภัย ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า”

“อัสมา” ยังคงต้องอยู่ที่ดารุลไอตัมอีกหลายปี กว่าที่เธอจะเรียนทั้งศาสนา และสายสามัญจากการศึกษานอกโรงเรียนจบ ทุกคนจะจดจำเธอจากบทเพลงอาเนาะยาติม
“ขอให้เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ และขอให้ทำความดีก่อนตาย”เป็นคำอธิษฐานของพรจากพระเจ้าของอัสมา

ลมร้อนขาดช่วงไปแล้ว ทิ้งความระเกะระกะของเศษใบไม้เกลื่อนไปทั่วพื้นทราย สิ่งที่ยังคงอยู่คืออากาศที่ร้อนอบอ้าว เด็กน้อยยังคงวิ่งเล่นสนุกสนานกับเพื่อนตามประสา เหงื่อไหลอาบทั่วใบหน้าที่กำลังเปื้อนยิ้ม

ดือวัรละห์อีนี ซูวารอตางีนสาน...จงฟังเสียงจากพวกเรา เสียงร้องไห้จากพวกเรา

กำลังโหลดความคิดเห็น