ระนอง - “ชาวบ้านชุมชนโรงกลวง” ทนพฤติกรรมผู้จัดการมรดกตะกูล “ณ ระนอง” ไม่ไหวหลังถูกที่ไล่ฟ้องแพ่งขับไล่ชาวบ้านออกไปให้พ้นจากที่ดินที่อยู่อาศัย โดยอ้างว่าเป็นที่ดินของตระกูล “ณ ระนอง” รวมตัวประท้วงถือป้ายประณามรอบชุมชน พร้อมเตรียมขอความเป็นธรรมจากนายกฯ ประกาศสู้จนถึงที่สุด
เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (21 ส.ค.) ที่บริเวณชุมชนโรงกลวง ถ.ราษฎร์พาณิชย์ ต.เขานิเวศน์ อ.เมือง จ.ระนอง นายโชติ ทองแสงกล้า ประธานชุมชนโรงกลวง พร้อมด้วยชาวบ้านประมาณ 200 คน รวมตัวกันเรียกร้องขอความเป็นธรรมและเดินขบวนไปรอบชุมชนโดยมีป้ายผ้าเขียนประณามการกระทำของตัวแทนผู้จัดการมรดก ของตระกูล ณ ระนอง ที่ได้เริ่มทยอยฟ้องแพ่งขับไล่ชาวบ้านในชุมชนโรงกลวง และให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง โดยให้ขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่ดิน จากนั้นชาวบ้านได้ปิดป้ายพื้นสีขาวตัวหนังสือสีดำตามหน้าบ้านพักของแต่ละคนก่อนแยกย้าย
นายโชติ กล่าวว่า ที่ผ่านมาผู้จัดการมรดกของตระกูล ณ ระนอง ได้ฟ้องแพ่งขับไล่ชาวบ้านต่อศาลจังหวัดระนองแล้ว 3 ราย โดยอ้างว่าที่ดินที่ชาวบ้านครอบครองอยู่นั้นเป็นมรดกของตระกูล ณ ระนอง ทั้งๆ ที่ข้อเท็จจริงตามพินัยกรรมของตระกูล ณ ระนอง ที่จัดทำขึ้นเมื่อวันที่ 25 มกราคม ร.ศ.130 ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 นั้น ระบุชัดเจนว่าที่ดินของตระกูล ณ ระนอง มีเพียง 35 ไร่ ซึ่งอยู่ในแนวเขตกำแพงทั้ง 4 ด้าน ที่เรียกว่าในค่าย ซึ่งกรมที่ดินได้ตรวจสอบแล้วว่าที่ดินของชาวบ้านที่อยู่นอกเขตกำแพงไม่ได้เป็นมรดกของตระกูล ณ ระนอง และมีการออกโฉนดถูกต้องไม่สามารถเพิกถอนได้
แต่ทางตระกูล ณ ระนอง ยังฟ้องร้องชาวบ้านที่ไม่มีทางสู้ในชั้นศาลบางคนสู้เพียงศาลชั้นต้นก็ยอมแพ้ ต้องย้ายหนีเพราะความกลัว ทั้งๆ ที่ดินมีโฉนดถูกต้อง บางรายสู้ถึงศาลอุทธรณ์แต่สุดท้ายก็ต้องยอมเพราะไม่มีเงินจ้างทนายความ
นายโชติ กล่าวด้วยว่า ที่ดินชุมชนโรงกลวงมีการออกโฉนดถูกต้องทุกแปลงจำนวน 156 โฉนด บางแปลงออกโฉนดมาเกือบร้อยปีแล้ว มีบ้านเรือนประมาณ 200 หลัง ประชากรประมาณ 500 คน หลังจากที่ผู้จัดการมรดกตระกูล ณ ระนอง ชนะมา 3 คดี ต่อไปเชื่อมั่นว่าจะมีการฟ้องขับไล่ชาวบ้านในบริเวณดังกล่าวทั้งหมดอย่างแน่นอน ซึ่งพวกตนจะรวมตัวกันต่อต้านจนถึงที่สุด และขอเรียกร้องให้ทางนายกรัฐมนตรีช่วยส่งตัวแทนมาช่วยเหลือชาวบ้านด้วย
ด้าน นายสุนัย เกิดเมืองนอน กล่าวว่า ตนถูกฟ้องขับไล่ตั้งแต่ปี 2546 ในข้อหาบุกรุกที่ดินตระกูล ณ ระนอง รวมโฉนดที่ดิน 8 แปลงเนื้อที่ 1 ไร่เศษออกตั้งแต่ปี 2504 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ตนแพ้คดีแต่ตนขอสู้ต่อขณะนี้คดีอยู่ในชั้นศาลอุทธรณ์และจะขอต่อสู้ให้ถึงที่สุด
เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (21 ส.ค.) ที่บริเวณชุมชนโรงกลวง ถ.ราษฎร์พาณิชย์ ต.เขานิเวศน์ อ.เมือง จ.ระนอง นายโชติ ทองแสงกล้า ประธานชุมชนโรงกลวง พร้อมด้วยชาวบ้านประมาณ 200 คน รวมตัวกันเรียกร้องขอความเป็นธรรมและเดินขบวนไปรอบชุมชนโดยมีป้ายผ้าเขียนประณามการกระทำของตัวแทนผู้จัดการมรดก ของตระกูล ณ ระนอง ที่ได้เริ่มทยอยฟ้องแพ่งขับไล่ชาวบ้านในชุมชนโรงกลวง และให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง โดยให้ขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่ดิน จากนั้นชาวบ้านได้ปิดป้ายพื้นสีขาวตัวหนังสือสีดำตามหน้าบ้านพักของแต่ละคนก่อนแยกย้าย
นายโชติ กล่าวว่า ที่ผ่านมาผู้จัดการมรดกของตระกูล ณ ระนอง ได้ฟ้องแพ่งขับไล่ชาวบ้านต่อศาลจังหวัดระนองแล้ว 3 ราย โดยอ้างว่าที่ดินที่ชาวบ้านครอบครองอยู่นั้นเป็นมรดกของตระกูล ณ ระนอง ทั้งๆ ที่ข้อเท็จจริงตามพินัยกรรมของตระกูล ณ ระนอง ที่จัดทำขึ้นเมื่อวันที่ 25 มกราคม ร.ศ.130 ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 นั้น ระบุชัดเจนว่าที่ดินของตระกูล ณ ระนอง มีเพียง 35 ไร่ ซึ่งอยู่ในแนวเขตกำแพงทั้ง 4 ด้าน ที่เรียกว่าในค่าย ซึ่งกรมที่ดินได้ตรวจสอบแล้วว่าที่ดินของชาวบ้านที่อยู่นอกเขตกำแพงไม่ได้เป็นมรดกของตระกูล ณ ระนอง และมีการออกโฉนดถูกต้องไม่สามารถเพิกถอนได้
แต่ทางตระกูล ณ ระนอง ยังฟ้องร้องชาวบ้านที่ไม่มีทางสู้ในชั้นศาลบางคนสู้เพียงศาลชั้นต้นก็ยอมแพ้ ต้องย้ายหนีเพราะความกลัว ทั้งๆ ที่ดินมีโฉนดถูกต้อง บางรายสู้ถึงศาลอุทธรณ์แต่สุดท้ายก็ต้องยอมเพราะไม่มีเงินจ้างทนายความ
นายโชติ กล่าวด้วยว่า ที่ดินชุมชนโรงกลวงมีการออกโฉนดถูกต้องทุกแปลงจำนวน 156 โฉนด บางแปลงออกโฉนดมาเกือบร้อยปีแล้ว มีบ้านเรือนประมาณ 200 หลัง ประชากรประมาณ 500 คน หลังจากที่ผู้จัดการมรดกตระกูล ณ ระนอง ชนะมา 3 คดี ต่อไปเชื่อมั่นว่าจะมีการฟ้องขับไล่ชาวบ้านในบริเวณดังกล่าวทั้งหมดอย่างแน่นอน ซึ่งพวกตนจะรวมตัวกันต่อต้านจนถึงที่สุด และขอเรียกร้องให้ทางนายกรัฐมนตรีช่วยส่งตัวแทนมาช่วยเหลือชาวบ้านด้วย
ด้าน นายสุนัย เกิดเมืองนอน กล่าวว่า ตนถูกฟ้องขับไล่ตั้งแต่ปี 2546 ในข้อหาบุกรุกที่ดินตระกูล ณ ระนอง รวมโฉนดที่ดิน 8 แปลงเนื้อที่ 1 ไร่เศษออกตั้งแต่ปี 2504 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ตนแพ้คดีแต่ตนขอสู้ต่อขณะนี้คดีอยู่ในชั้นศาลอุทธรณ์และจะขอต่อสู้ให้ถึงที่สุด