สุราษฎร์ธานี – ราคายางพาราตลาดกลางจังหวัดสุราษฎร์ธานีพุ่งใกล้แตะ 65 บาทต่อกิโลกรัม นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์รอบ 100 ปี ขณะที่ตลาดต่างประเทศมีความต้องการสูง เผยนายทุนเตรียมกว้านซื้อที่ดินเพื่อปลูกสวนยาง ส่งผลให้ราคาที่ดินดีดตัวสูงขึ้น 3 เท่าตัว
นายสมจิต แก้วทิพยรัตน์ ผู้อำนวยการตลาดกลางยางพาราสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (15 ก.ค.) ราคายางดีดตัวสูงขึ้นประมาณกิโลกรัมละ 64.37 บาท ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของประวัติการณ์วงการตลาดยางพาราไทย
ขณะที่การประมูลยางแผ่นดิบคุณภาพชั้น 3 ในตลาดกลางยางพาราสุราษฎร์ธานี ซึ่งตั้งอยู่ที่บริเวณสหกรณ์สุราษฎร์ธานี หรือโคออป ในช่วงสัปดาห์นี้ได้มียางเข้าประมูลเฉลี่ยถึงวันละประมาณ 300 ตัน โดยมียอดวงเงินซื้อขายเฉลี่ยวันละ 19-20 ล้านบาท ซึ่งราคาดังกล่าวพุ่งสูงกว่า 1.5 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนราคายางในตลาดท้องถิ่นทั่วไปอยู่ที่กิโลกรัมละ 60-61 บาท ซึ่งราคาดังกล่าวได้คงที่ติดต่อกันประมาณ 10 วัน
นายสมจิตกล่าวอีกว่า ขณะนี้ราคายางยังมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัทผู้ส่งออกได้เร่งกวาดซื้อยางเพื่อป้อนให้ตลาดล่วงหน้าที่ประเทศจีนและญี่ปุ่น ตามออเดอร์สั่งซื้อเป็นจำนวนมาก ประกอบกับยางที่ประเทศอินโดนีเซียอยู่ในช่วงผลัดใบมีน้ำยางออกน้อย ขณะที่ผลผลิตภายในประเทศเองลดลงประมาณ 30% เนื่องจากความแห้งแล้งที่ผ่านมา ขณะนี้มียางเข้ามาขายมากจนตลาดกลางรับซื้อไม่เพียงพอ จนต้องเพิ่มตลาดประมูลขึ้นมาอีก 1 แห่ง โดยตั้งอยู่ที่สถานีทดลองยาง ต.ขุนทะเล อ.เมือง
ทั้งนี้ ราคายางที่พุ่งสูงขึ้นเกรงว่าเกษตรกรจะพากันเร่งกรีดยางกันทุกวันเพื่อออกขายเนื่องมาจากราคาดี อาจส่งผลให้ต้นยางเป็นโรคหน้าแห้ง จึงขอให้เกษตรกรถือปฏิบัติตามหลักวิชาการ ที่ได้กำหนดเวลากรีดยางไว้กรีดยาง 1 วัน เว้นพักหน้ายาง 1 วัน และให้ใส่ปุ๋ยบำรุงยาง ไม่ใช่มัวแต่กรีดยางติดต่อกัน 3-4 วัน เว้นเพียง 1 วันอย่างที่ชาวสวนยางส่วนใหญ่ปฏิบัติกันเช่นปัจจุบันนี้
“ยางพาราถือเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญภายในและต่างประเทศ และเป็นที่ต้องการของตลาดทั่วโลก โดยมีประเทศผู้ผลิตมีเพียง 9 ประเทศเท่านั้น และขณะนี้บริษัทร่วมทุน 3 ประเทศ คือ ไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ซึ่งสามารถกำหนดราคาได้เองแล้ว”
ด้านนายสัญชัย เชาวนะ ประธานสหกรณ์กองทุนสวนยางบ้านวังใหญ่ อ.เวียงสระ จ.สุราษฏร์ธานี กล่าวว่า ตามที่ราคายางใกล้แตะ 65 บาทต่อกิโลกรัมนั้น ถือว่าเป็นราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 100 ปี ของวงการตลาดยางพาราไทย
ส่วนราคาซื้อขายน้ำยางสดของเกษตรกรอยู่ที่ระดับราคากิโลกรัมละ 57 บาท ทำให้ขณะนี้มีชาวบ้านรวมทั้งนายทุนออกมากว้านซื้อที่ดินเพื่อปลูกสวนยางพารากันเป็นจำนวนมาก ทำให้ราคาที่ดินที่ อ.เวียงสระ ดีดตัวพุ่งสูงขึ้นกว่า 2-3 เท่าตัว แล้วแต่ทำเลที่ตั้ง ซึ่งส่วนใหญ่ชาวบ้านยังไม่ปล่อยขาย เนื่องจากมั่นใจว่าราคายางมีราคาที่ดี
นายสมจิต แก้วทิพยรัตน์ ผู้อำนวยการตลาดกลางยางพาราสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (15 ก.ค.) ราคายางดีดตัวสูงขึ้นประมาณกิโลกรัมละ 64.37 บาท ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของประวัติการณ์วงการตลาดยางพาราไทย
ขณะที่การประมูลยางแผ่นดิบคุณภาพชั้น 3 ในตลาดกลางยางพาราสุราษฎร์ธานี ซึ่งตั้งอยู่ที่บริเวณสหกรณ์สุราษฎร์ธานี หรือโคออป ในช่วงสัปดาห์นี้ได้มียางเข้าประมูลเฉลี่ยถึงวันละประมาณ 300 ตัน โดยมียอดวงเงินซื้อขายเฉลี่ยวันละ 19-20 ล้านบาท ซึ่งราคาดังกล่าวพุ่งสูงกว่า 1.5 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนราคายางในตลาดท้องถิ่นทั่วไปอยู่ที่กิโลกรัมละ 60-61 บาท ซึ่งราคาดังกล่าวได้คงที่ติดต่อกันประมาณ 10 วัน
นายสมจิตกล่าวอีกว่า ขณะนี้ราคายางยังมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัทผู้ส่งออกได้เร่งกวาดซื้อยางเพื่อป้อนให้ตลาดล่วงหน้าที่ประเทศจีนและญี่ปุ่น ตามออเดอร์สั่งซื้อเป็นจำนวนมาก ประกอบกับยางที่ประเทศอินโดนีเซียอยู่ในช่วงผลัดใบมีน้ำยางออกน้อย ขณะที่ผลผลิตภายในประเทศเองลดลงประมาณ 30% เนื่องจากความแห้งแล้งที่ผ่านมา ขณะนี้มียางเข้ามาขายมากจนตลาดกลางรับซื้อไม่เพียงพอ จนต้องเพิ่มตลาดประมูลขึ้นมาอีก 1 แห่ง โดยตั้งอยู่ที่สถานีทดลองยาง ต.ขุนทะเล อ.เมือง
ทั้งนี้ ราคายางที่พุ่งสูงขึ้นเกรงว่าเกษตรกรจะพากันเร่งกรีดยางกันทุกวันเพื่อออกขายเนื่องมาจากราคาดี อาจส่งผลให้ต้นยางเป็นโรคหน้าแห้ง จึงขอให้เกษตรกรถือปฏิบัติตามหลักวิชาการ ที่ได้กำหนดเวลากรีดยางไว้กรีดยาง 1 วัน เว้นพักหน้ายาง 1 วัน และให้ใส่ปุ๋ยบำรุงยาง ไม่ใช่มัวแต่กรีดยางติดต่อกัน 3-4 วัน เว้นเพียง 1 วันอย่างที่ชาวสวนยางส่วนใหญ่ปฏิบัติกันเช่นปัจจุบันนี้
“ยางพาราถือเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญภายในและต่างประเทศ และเป็นที่ต้องการของตลาดทั่วโลก โดยมีประเทศผู้ผลิตมีเพียง 9 ประเทศเท่านั้น และขณะนี้บริษัทร่วมทุน 3 ประเทศ คือ ไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ซึ่งสามารถกำหนดราคาได้เองแล้ว”
ด้านนายสัญชัย เชาวนะ ประธานสหกรณ์กองทุนสวนยางบ้านวังใหญ่ อ.เวียงสระ จ.สุราษฏร์ธานี กล่าวว่า ตามที่ราคายางใกล้แตะ 65 บาทต่อกิโลกรัมนั้น ถือว่าเป็นราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 100 ปี ของวงการตลาดยางพาราไทย
ส่วนราคาซื้อขายน้ำยางสดของเกษตรกรอยู่ที่ระดับราคากิโลกรัมละ 57 บาท ทำให้ขณะนี้มีชาวบ้านรวมทั้งนายทุนออกมากว้านซื้อที่ดินเพื่อปลูกสวนยางพารากันเป็นจำนวนมาก ทำให้ราคาที่ดินที่ อ.เวียงสระ ดีดตัวพุ่งสูงขึ้นกว่า 2-3 เท่าตัว แล้วแต่ทำเลที่ตั้ง ซึ่งส่วนใหญ่ชาวบ้านยังไม่ปล่อยขาย เนื่องจากมั่นใจว่าราคายางมีราคาที่ดี