ศูนย์ข่าวภูเก็ต -สถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้องพอร์ตแบลร์-ภูเก็ตกำหนดกรอบความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว พัฒนาเมือง การศึกษาและการจัดการขยะ ส่วนเรื่องประมงต้องรอการพิจารณาจากรัฐบาลกลางของอินเดีย คาด3เดือนเห็นผลความร่วมมือเป็นรูปธรรม
นายอุดมศักดิ์ อัศวรางกูร ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงกรอบความร่วมมือการสถาปนาเป็นเมืองพี่เมืองน้องระหว่างเมืองพอร์ตแบลร์ และจังหวัดภูเก็ต หลังพิธีลงนามความตกลงว่าด้วยมิตรภาพและความร่วมมือระหว่างจังหวัดภูเก็ตกับ พอร์ตแบลร์ ดินแดนสหภาพแห่งหมู่เกาะอันดามันและนิโคบาร์ ของอินเดีย เพื่อสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้องระหว่างเมืองทั้งสอง กับ นาย Ram Dapse ผู้ว่าการดินแดนสหภาพแห่งหมู่เกาะอันดามันและนิโคบาร์ โดยมี นาย Vivek katju เอกอัครราชทูตอินเดีย ประจำประเทศไทย และผู้แทนจากหอการค้า สภาเทศบาลของหมู่เกาะอันดามันและนิโคบาร์ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องฝ่ายไทย ร่วมเป็นสักขีพยาน ว่า
กรอบความร่วมมือในข้อตกลง ประกอบด้วย 1.กรอบความร่วมมือทางด้านการท่องเที่ยว ซึ่งจะมีการแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวระหว่างกัน การจัดกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เพื่อให้ทั้งสองเมืองเป็นจุดหมายของการท่องเที่ยวระหว่างกัน 2. การศึกษาและวัฒนธรรม ซึ่งจะจัดให้มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างกัน รวมถึงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาทางด้านศิลปะและวัฒนธรรมด้วย
3. การพัฒนาเมือง ซึ่งจะมีการแลกเปลี่ยน ในเรื่องของผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคการดูแลความสะอาดของน้ำ ระบบการบำบัดน้ำเสีย การศึกษาเกี่ยวกับระบบการประปา เช่น การจ่ายน้ำ การวางท่อ เป็นต้น และ 4. การบริหารจัดการขยะมูลฝอยแบบยั่งยืน ซึ่งเน้นเรื่องการทำความสะอาดถนนสาธารณะ การขนส่ง การพัฒนาในส่วนของพื้นดินและน้ำ รวมทั้งเรื่องของรีไซเคิล
นายอุดมศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า นอกจากจะมีการตกลงตามกรอบกรอบที่วางไว้แล้ว ยังได้มีการพูดคุยกันในเรื่องของการทำประมงซึ่งทางพอร์ตแบลร์พร้อมที่จะนำไปคุยกับทางรัฐบาลกลาง ซึ่งแนวทางความร่วมมืออาจจะเป็นการลงทุนร่วมกัน หรือเป็นการสัมปทาน
นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่ต่อเนื่องจากการที่นายกรัฐมนตรีของไทย เดินทางไปพบปะกับผู้นำของอินเดียเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน คือ เรื่องของการเปิดน่านฟ้าเสรี ซึ่งเราอยากให้มีเที่ยวบินประจำบิน ระหว่างพอร์ตแบลร์-ภูเก็ต เพื่อความสะดวกในการเดินทาง เพราะการเดินทางปัจจุบัน จะใช้เรือโดยสารซึ่งเสียเวลามาก ไม่สะดวกต่อการท่องเที่ยวและการค้าการลงทุนที่จะเกิดขึ้น
รวมทั้งเรื่องการยืดระยะเวลาการต่อวีซ่า ให้กับผู้ที่เข้าไปประกอบธุรกิจที่นั่น ซึ่งปัจจุบันจะมีเรื่องของธุรกิจดำน้ำ ซึ่งจะต้องมีการกลับมาต่อวีซ่าทุก 1 เดือน โดยขอให้ยืดออกไปเป็น 3 เดือนแทน และเรื่องของระบบสัญญาณเตือนภัย โดยเฉพาะหากสามารถที่จะเชื่อมต่อสัญญาณกันได้ ในขณะที่ฝ่ายพอร์ตแบร์ล จะเน้นเรื่องของการลงทุนทางด้านวัสดุอุปกรณ์ด้านการก่อสร้างเป็นหลัก
" การดำเนินการต่อจากนี้ ก็จะมีการตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการติดตามงานแต่ละด้านให้เกิดผลในทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม ซึ่งคาดว่าจะเห็นผลได้ภายใน 3 เดือน และเรื่องที่สำเร็จเป็นลำดับต้นๆ คงจะเป็นเรื่องของการท่องเที่ยว เรื่องของการประมง ซึ่งมีนักลงทุนเข้าไปลงทุนบ้างแล้ว แต่เรื่องที่ยังเกิดขึ้นได้ยากน่าจะเป็นเรื่องของการค้า เพราะยังมีปัญหาเรื่องของภาษี ต้องรอความสมบูรณ์ในเรื่องการเปิดการค้าเสรี " นายอุดมศักดิ์ กล่าว
ด้านนาย Ram Dapse ผู้ว่าการดินแดนสหภาพแห่งหมู่เกาะอันดามันและนิโคบาร์ กล่าวว่ารู้สึกยินดีเป็นอย่างมากในความร่วมมือที่เกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมาเราก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอยู่แล้ว และจะรีบนำเรื่องที่มีการพูดคุยกันนั้นไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมให้เกิดผลโดยเร็ว เพราะเรามีแผนในการพัฒนาอย่างเป็นทางการร่วมกันอยู่แล้ว
