ศูนย์ข่าวภูเก็ต – ตำรวจภูเก็ตเผาทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ครั้งแรกของประเทศ มูลค่ากว่า 37 ล้านบาท พร้อมสั่งเพิ่มมาตรการคุมเข้ม หากพบมีการลักลอบจำหน่ายอีก จับกุมดำเนินคดีทันที ขณะที่เจ้าของลิขสิทธิ์แฉภูเก็ตยังเป็นพื้นที่สีแดงที่มีการละเมิดสูง
เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (14 มิ.ย.) พล.ต.ท.บุญฤทธิ์ รัตนะพร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายอุดมศักดิ์ อัศวรางกูร ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.สุวิทย์ โอทอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต น.ส.สมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีเทศบาลนครภูเก็ต พร้อมด้วยตัวแทนเจ้าของสินค้าลิขสิทธิ์ที่ถูกละเมิดกว่า 20 ราย ร่วมเป็นสักขีพยานในการทุบทำลายและเผาสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ที่บริเวณเตาเผาขยะเทศบาลนครภูเก็ต
พล.ต.ต.สุวิทย์ โอทอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การปราบปรามสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ หรือละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ถือว่าว่าเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ถือปฏิบัติอย่างจริงจังและต่อเนื่อง สำหรับในส่วนของจังหวัดภูเก็ตได้จับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์อย่างเข้มข้น สามารถจับกุมผู้กระทำความปิดและยึดของกลางได้จำนวนมาก
โดยเฉพาะการจับกุมในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัด ที่มีการนำมาหลอกจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่จึงทำการขยายผลจับกุม และดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อคดีถึงที่สุดจึงนำมาทำลายเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคลอื่น โดยการทำลายนั้นจะต้องเป็นการทำลายที่ไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีก จังหวัดภูเก็ตจึงใช้วิธีการเผาทำลายเผาของทางเทศบาลนครภูเก็ต ซึ่งการทำลายลักษณะนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกในประเทศไทย
สำหรับของกลางที่นำมาทำลายในครั้งนี้ เป็นสินค้าที่มีการดำเนินคดีถึงที่สุดแล้ว สินค้าส่วนใหญ่เป็นกระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า เทปเพลง ซีดีเพลง ซีดีหนัง ซีดีลามก เครื่องหนัง นาฬิกา และอื่นๆ จำนวนมาก รวมของกลางทั้งหมด 180,300 ชิ้น มูลค่าของกลางกว่า 37 ล้านบาท
ขณะที่ พล.ต.ท.บุญฤทธิ์ รัตนะพร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการปราบปรามสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายสินค้าเหล่านี้จำนวนมาก ซึ่งการปราบปรามทำให้ลดจำนวนผู้กระทำผิดได้กว่า 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดแรกของประเทศที่มีการเผาทำลายของกลาง
ขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญซึ่งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนมาก มักจะมีผู้ลักลอบนำสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์มาหลอกจำหน่ายให้นักท่องเที่ยว ทั้งนี้ จะมีการเฝ้าระวังเป็นพิเศษ โดยการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบพื้นที่อย่างต่อเนื่อง หากพบว่ามีผู้กระทำผิดไม่ทำตามกฎหมายจะจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายทันที และให้ถึงที่สุดจนกว่าจะปราบปรามผู้กระทำผิดเหล่านี้ให้หมดไป เพราะที่ผ่านมามีผู้สูญเสียผลประโยชน์จากการกระทำเหล่านี้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะภาพลักษณ์ของประเทศในสายตานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
ด้าน นายพนม นพพร ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการละเมิดสิทธิทางปัญญาในประเทศไทยและต่างประเทศ กล่าวถึงการละเมิดลิขสิทธิ์ในประเทศไทย โดยเฉพาะลิขสิทธิ์ที่เกี่ยวกับเพลง ถือว่ายังมีความรุนแรงมากพอสมควร สำหรับพื้นที่ที่น่าเป็นห่วงคือพื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว เช่น จังหวัดภูเก็ต ก็ยังเป็นพื้นที่ที่น่าเป็นห่วง และการทำลายของกลางที่จังหวัดภูเก็ตในครั้งนี้ถือว่าเป็นการจุดประกาย และจะต้องนำไปใช้ดำเนินการในพื้นที่อื่นๆ ต่อไปด้วย เพราะการทำลายครั้งนี้ถือว่าเป็นการทำลายแบบสิ้นซาก