จับพิรุธส่ง จนท.ลุยแปลงยางใต้ หาแพะรับบาปส่งกล้ายาง “ซีพี”

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ผู้ประกอบการแปลงเพาะพันธุ์ยางภาคใต้ จับพิรุธ “กรมวิชาการเกษตร” ส่งเจ้าหน้าที่กว่า 20 คนลงลุยตรวจแปลงเพาะพันธุ์ยางทั่วภาคใต้ หาข้อมูลการส่งกล้ายางให้ซีพี พร้อมตั้งข้อสังเกตการลงพื้นที่อาจมีวาระซ่อนเร้น หรือไม่ก็หาแพะรับบาป แถมยังไม่ยอมให้รายละเอียดที่ชัดเจนกับเกษตรกร

วันนี้ (31 พ.ค.) ซึ่งเป็นวันครบกำหนดที่ นายเนวิน ชิดชอบ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ขีดเส้นตายให้คณะกรรมการตรวจรับกล้ายางในโครงการส่งเสริมปลูกยาง 1 ล้านไร่ในภาคอีสานและเหนือ รายงานผลการตรวจสอบแปลงกล้ายางของเกษตรกรที่มีปัญหากล้ายางตายผิดปกติ 20,000 แปลง ต่อคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ และคุณหญิงสุดารัตน์ได้กำชับให้ตรวจสอบต้นยางตาสอยและยางออกดอกด้วยว่ามีจริงหรือไม่เพื่อเป็นมาตรการในการดำเนินงานต่อผู้เกี่ยวข้อง อีกทั้งเป็นวันที่นายเนวินระบุว่า บริษัทเจริญโภคภัณฑ์เมล็ดพันธุ์ จำกัด เครือซีพีจะส่งมอบกล้ายางล็อตที่สองในโครงการ 2.7 ล้านต้นในปีนี้ให้แล้วเสร็จนั้น

จากการตรวจสอบไปยังผู้ประกอบการเพาะพันธุ์กล้ายางหลายรายในภาคใต้ของ “ผู้จัดการรายวัน” ได้รับการยืนยันข้อมูลตรงกันว่า ในช่วงตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา กรมวิชาการเกษตรได้มีคำสั่งภายในให้ศูนย์วิจัยยางสงขลา ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จัดเจ้าหน้าที่เป็นทีมเฉพาะกิจกว่า 20 คนลงพื้นที่สำรวจแหล่งเพาะพันธุ์กล้ายางในหลายจังหวัดของภาคใต้ เพื่อเก็บข้อมูลจัดส่งให้กรมวิชาการเกษตรภายในวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าจะนำไปประกอบเป็นส่วนหนึ่งของรายงานที่จะเสนอต่อ รมว.เกษตรฯ

ทั้งนี้ ในการลงสำรวจแหล่งเพาะพันธุ์กล้ายางดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้นำโพยของเกษตรกรเพาะพันธุ์กล้ายางที่มีสัญญาส่งมอบให้กับซีพี ตามโครงการปลูกยางล้านไร่ของกระทรวงเกษตรฯ ไปเป็นแนวทางในการตรวจสอบด้วย แต่ปรากฏว่าการตรวจสอบกลับใช้วิธีสุ่มตรวจ ทั้งแหล่งเพาะพันธุ์กล้ายางที่อยู่ในโพยส่งมอบให้กับซีพี และแหล่งที่ไม่มีสัญญาส่งมอบกล้าพันธุ์ยางให้กับซีพีตามโครงการดังกล่าวด้วย

“การเข้ามาตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ก็ดูเหมือนปกติ คือมาสำรวจกำลังการผลิตว่ามีต้นกล้าและกิ่งพันธุ์เท่าไหร่ แต่ก็มีคำถามที่ค่อนข้างจะพิเศษคือ ได้ส่งกล้าพันธุ์ยางให้กับซีพีหรือไม่ อะไรทำนองนี้ เรื่องนี้คนในวงการเราก็ตั้งข้อสังเกตกันว่า เหมือนกับมาตรวจสอบแบบตีขลุมไปหมด แล้วต้องการมาหาอะไรสักอย่าง เช่น อาจมีคนทำส่งซีพีรายใหม่ๆ โผล่ขึ้นมา ทำเอง หรือมีการไปกว้านจากรายย่อยมาส่ง เหมือนกับว่าจะหาแพะอะไรแบบนั้น หรือไม่ก็อาจเป็นเกมเบี่ยงเบนความสนใจอะไรสักอย่าง” แหล่งข่าวผู้เพาะพันธุ์กล้ายางในภาคใต้รายหนึ่งระบุ

นอกจากนี้แล้ว เกษตรกรผู้เพาะพันธุ์กล้ายางในภาคใต้หลายรายยังให้ข้อมูลในลักษณะเดียวกันว่า จากการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ที่กรมวิชาการเกษตรส่งมาตรวจสอบนั้น เมื่อเกษตรกรถามข้อมูลกลับไปมักจะไม่ค่อยได้รับการชี้แจงเท่าใดนัก ทำให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่เจ้าหน้าที่รัฐต้องการมาส่งสัญญาณอะไรสักอย่างแก่วงการเพาะพันธุ์กล้ายางในภาคใต้ โดยเฉพาะสัญญาณในลักษณะที่ขณะนี้เกิดกระแสข่าวว่าน่าจะมีการทุจริตในโครงการส่งเสริมปลูกยางล้านไร่นี้ ดังนั้นนับแต่นี้ไปจงอย่าพูดหรือให้ข้อมูลอะไรที่ไม่เป็นคุณต่อทางราชการ

เป็นที่น่าสังเกตว่า ตามเอกสารของเจ้าหน้าที่ที่ตระเวนไปทำการตรวจสอบแหล่งเพาะพันธุ์กล้ายางในหลายจังหวัดของภาคใต้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น มีรายชื่อผู้เพาะพันธุ์กล้ายางอยู่ในมือประมาณกว่า 200 รายที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งไม่มีการยืนยันว่าเป็นผู้ประกอบการที่จัดส่งให้ซีพีทั้งหมด หรือว่าเป็นรายชื่อเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนไว้กับทางราชการ อีกทั้งมีระบุว่าอยู่ใน จ.ตรัง 123 ราย

แต่จากการตรวจสอบรายชื่อแปลงขยายพันธุ์ต้นยางเพื่อการค้าที่ขอจดทะเบียนกับ จ.ตรัง ในปี 2546 พบว่า มีผู้ประกอบการที่ขึ้นทะเบียนไว้เป็นทั้งหน่วยงานภาครัฐ และของเอกชนเพียง 70 ราย และในวงการมีการประมาณการว่าในปัจจุบันนี้น่าเพิ่มขึ้นในจำนวนไม่มากนัก หรือน่าจะประมาณกว่า 80 รายเท่านั้น ดังนั้น ตัวเลขที่ 123 ราย จึงไม่น่าจะเป็นตัวเลขของเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนไว้กับทาง จ.ตรัง “เรื่องนี้พวกเราที่อยู่ในแวดวงเพาะพันธุ์กล้ายางก็คงต้องติดตามกันต่อไปว่า รายงานของหน่วยงานราชการในกระทรวงเกษตรฯ ที่จะส่งถึงมือรัฐมนตรีนั้นจะออกมาอย่างไร”

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นางวรรณจันทร์ โฆรวิส ผอ.ศูนย์วิจัยยางสงขลา เปิดเผยว่า ทางศูนย์วิจัยยางสงขลาได้จัดส่งเจ้าหน้าที่จำนวน 4 คน ลงพื้นที่ไปเก็บข้อมูลแปลงเพาะพันธุ์กล้ายางจริง ซึ่งเป็นแปลงเพาะพันธุ์ที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับทางราชการและเป็นการลงไปเก็บข้อมูลตามปกติที่ต้องดำเนินการตามวาระ 2 ครั้งต่อปีอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า นอกจากแปลงเพาะพันธุ์ยางที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว มีการส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบแปลงที่ไม่ได้มีการจดทะเบียนด้วยหรือไม่ นางวรรณจันทร์ ตอบแต่เพียงว่ากำลังรอรับการรายงานจากเจ้าหน้าที่ที่ลงพื้นที่ไปเก็บข้อมูล ซึ่งต้องรอให้มีการรวบรวมข้อมูลเสร็จสิ้นก่อนจึงจะให้คำตอบได้