ยะลา - หัวโจกก่อการร้ายเผ่นเข้าประเทศเพื่อนบ้านหลังแนวร่วมถูกจับ ระบุเตรียมก่อการทำร้ายครู นักเรียน และพระ เพื่อแสดงให้แนวร่วมในพื้นที่เห็นว่ายังมีศักยภาพ เผย "อัลกออิดะห์" ให้ทุนหนุนก่อการร้ายในไทย
กรณีที่เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ได้จับกุมโต๊ะครูและนักเรียนสอนศาสนาปอเนาะญิฮาดวิทยา ที่จังหวัดปัตตานีนั้น หน่วยข่าวความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้เปิดเผยว่า ในขณะนี้แกนนำที่หลบซ่อนอยู่ในจังหวัดปัตตานี และนราธิวาส ได้หลบหนีเข้าไปประเทศเพื่อนบ้านแล้ว
เนื่องจากทราบว่าจะต้องมีการสอบสวนขยายผลจากเจ้าหน้าที่แน่นอน จึงได้หลบหนีเข้าไปพบแกนนำที่หลบซ่อนอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านเพื่อหาทางตอบโต้เจ้าหน้าที่ ตามที่มีข้อตกลงไว้กับแนวร่วมที่อยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่าถ้ามีการจับกุมโต๊ะครูให้แนวร่วมตอบโต้ด้วยการทำร้ายพระสงฆ์ และหากอุสตาซถูกจับให้ทำร้ายครู และหากนักเรียนปอเนาะถูกจับให้ทำร้ายนักเรียนไทยพุทธ ตามข้อตกลง ทั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับแนวร่วมที่ยังไม่ได้ถูกจับกุม และที่ถูกจับกุมแล้ว ว่ากลุ่มขบวนการไม่ได้ทอดทิ้งและยังคงมีศักยภาพอยู่
หน่วยข่าวความมั่นคงเชื่อว่า แกนนำที่หลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ต้องไปพบกับระดับหัวหน้าปฏิบัติการทางด้านการทหารของขบวนการกลุ่มอิสลามิยาห์ (เจไอ) และกลุ่มมูจาฮาดีนปัตตานีเพื่อปรับยุทธวิธีในการตอบโต้เจ้าหน้าที่ เพื่อแสดงศักยภาพให้แนวร่วมได้เห็น
อีกทั้งถ้าไม่มีการตอบโต้ก็จะทำให้แนวร่วมที่ได้รับการจัดตั้งเกิดความไม่แน่ใจและลังเล เนื่องจากปัจจุบันได้ถูกทางการไทยดึงมวลชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ทราบว่ากลุ่มขบวนการทั้งสองกลุ่มนี้ได้เป็นเครือข่ายเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อการร้ายสากลอัลกออิดะห์ด้วย
โดยในขณะนี้กลุ่มอัลกออิดะห์ได้มาฝังตัวอยู่ในประเทศเพื่อนเพื่อสนับสนุนด้านเงินทุน ซึ่งขณะนี้ทางการของประเทศเพื่อนบ้านก็ได้ติดตามหาข่าวอย่างใกล้ชิดอยู่เช่นกัน และมีการเดินทางเข้ามาหาข่าวในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย ซึ่งขณะนี้ทางการของประเทศเพื่อนบ้านได้มีมาตรการตรวจเข้มบุคคลเข้าออกตามด่านพรมแดน และตามเส้นทางต่างๆ ในประเทศโดยเฉพาะยานพาหนะของคนไทยและคนไทยที่เดินทางเข้าประเทศ
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังตรวจพบการใช้สัญญาณวิทยุสื่อสารย่านความถี่สมัครเล่น ได้ส่งรหัสลับให้กลุ่มแนวร่วมที่อยู่ในแต่ละพื้นที่และตามตะเข็บชายแดน ทราบความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบว่าบางรายการสถานีวิทยุภาคภาษามลายูท้องถิ่น ได้ส่งรหัสลับให้ทราบถึงความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบแล้ว แต่เนื่องจากเป็นไปได้ยากเนื่องจากไม่ทราบว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหน และบางคนก็ได้รับอนุญาตการใช้วิทยุที่ถูกต้องตามกฎหมาย
กรณีที่เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ได้จับกุมโต๊ะครูและนักเรียนสอนศาสนาปอเนาะญิฮาดวิทยา ที่จังหวัดปัตตานีนั้น หน่วยข่าวความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้เปิดเผยว่า ในขณะนี้แกนนำที่หลบซ่อนอยู่ในจังหวัดปัตตานี และนราธิวาส ได้หลบหนีเข้าไปประเทศเพื่อนบ้านแล้ว
เนื่องจากทราบว่าจะต้องมีการสอบสวนขยายผลจากเจ้าหน้าที่แน่นอน จึงได้หลบหนีเข้าไปพบแกนนำที่หลบซ่อนอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านเพื่อหาทางตอบโต้เจ้าหน้าที่ ตามที่มีข้อตกลงไว้กับแนวร่วมที่อยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่าถ้ามีการจับกุมโต๊ะครูให้แนวร่วมตอบโต้ด้วยการทำร้ายพระสงฆ์ และหากอุสตาซถูกจับให้ทำร้ายครู และหากนักเรียนปอเนาะถูกจับให้ทำร้ายนักเรียนไทยพุทธ ตามข้อตกลง ทั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับแนวร่วมที่ยังไม่ได้ถูกจับกุม และที่ถูกจับกุมแล้ว ว่ากลุ่มขบวนการไม่ได้ทอดทิ้งและยังคงมีศักยภาพอยู่
หน่วยข่าวความมั่นคงเชื่อว่า แกนนำที่หลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ต้องไปพบกับระดับหัวหน้าปฏิบัติการทางด้านการทหารของขบวนการกลุ่มอิสลามิยาห์ (เจไอ) และกลุ่มมูจาฮาดีนปัตตานีเพื่อปรับยุทธวิธีในการตอบโต้เจ้าหน้าที่ เพื่อแสดงศักยภาพให้แนวร่วมได้เห็น
อีกทั้งถ้าไม่มีการตอบโต้ก็จะทำให้แนวร่วมที่ได้รับการจัดตั้งเกิดความไม่แน่ใจและลังเล เนื่องจากปัจจุบันได้ถูกทางการไทยดึงมวลชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ทราบว่ากลุ่มขบวนการทั้งสองกลุ่มนี้ได้เป็นเครือข่ายเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อการร้ายสากลอัลกออิดะห์ด้วย
โดยในขณะนี้กลุ่มอัลกออิดะห์ได้มาฝังตัวอยู่ในประเทศเพื่อนเพื่อสนับสนุนด้านเงินทุน ซึ่งขณะนี้ทางการของประเทศเพื่อนบ้านก็ได้ติดตามหาข่าวอย่างใกล้ชิดอยู่เช่นกัน และมีการเดินทางเข้ามาหาข่าวในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย ซึ่งขณะนี้ทางการของประเทศเพื่อนบ้านได้มีมาตรการตรวจเข้มบุคคลเข้าออกตามด่านพรมแดน และตามเส้นทางต่างๆ ในประเทศโดยเฉพาะยานพาหนะของคนไทยและคนไทยที่เดินทางเข้าประเทศ
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังตรวจพบการใช้สัญญาณวิทยุสื่อสารย่านความถี่สมัครเล่น ได้ส่งรหัสลับให้กลุ่มแนวร่วมที่อยู่ในแต่ละพื้นที่และตามตะเข็บชายแดน ทราบความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบว่าบางรายการสถานีวิทยุภาคภาษามลายูท้องถิ่น ได้ส่งรหัสลับให้ทราบถึงความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบแล้ว แต่เนื่องจากเป็นไปได้ยากเนื่องจากไม่ทราบว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหน และบางคนก็ได้รับอนุญาตการใช้วิทยุที่ถูกต้องตามกฎหมาย