xs
xsm
sm
md
lg

กมธ.ดีเดย์ลากูน่ารื้อส้วมบนหาดเลพังใน 15 วัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวภูเก็ต-กมธ.ปกครอง วุฒิสภาดีเดย์ให้ลากูน่ารื้อส้วมออกจากที่ดินสาธารณะ หน้าโรงแรมเชอราตันแกรนด์ลากูน่า ภายใน 15 วัน เพื่อให้อบต.เชิงทะเลสร้างถนนตามความต้องการของประชาชน พร้อมมอบหมายให้อำเภอถลางและอบต.เชิงทะเลรื้อถอนรั้วของลากูน่า ที่ปิดกั้นทางเข้า-ออกที่ดินของชาวบ้านภายใน 3 วัน ด้าน ลากูน่าแจงยินดีให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการสอบวัดแนวเขตที่ชัดเจน พร้อมยืนยันสร้างในที่ดินของลากูน่าอย่างแน่นอน

เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (6 พ.ค.) คณะกรรมาธิการการปกครอง วุฒิสภา นำโดยพลตรีอินทรัตน์ ยอดบางเตย ประธานคณะกรรมการการปกครอง วุฒิสภา พร้อมคณะ เดินทางมาติดตามความคืบหน้า การแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินชายหาดเลพัง ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต

โดยกรรมาธิการฯได้ลงมาติดตามความคืบหน้า ในส่วนของถนนสาธารณะ บริเวณหน้าโรงแรมเชอราตันแกรนด์ลากูน่า ที่ขณะนี้ถนนดังกล่าวได้หายไป แต่ประชาชนต้องการที่จะให้มีการก่อสร้างถนนขึ้นมาใหม่ เพื่อความสะดวกในการเดินทาง และทางอบต.เชิงทะเลได้ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดี กับผู้บริหารของลากูน่า กรณีบุกรุกที่ดินก่อสร้างห้องส้วม ที่บริเวณที่ดินสาธารณะแปลงดังกล่าว

นอกจากนี้ ถนนสายดังกล่าวไม่สามารถก่อสร้างได้ แม้ว่าที่ดินส่วนแยกถลาง จะยืนยันว่าถนนดังกล่าวยังมีอยู่ เนื่องจากมีสิ่งปลูกสร้างที่เป็นห้องส้วมสาธารณะกีดขวาง และส้วมสาธารณะดังกล่าวอบต.เชิงทะเลก็ไม่สามารถที่จะรื้อถอนเพื่อก่อสร้างถนนได้เช่นกัน เนื่องจากก่อสร้างอยู่ในที่ดินของลากูน่าโฉนดเลขที่ 5972 และที่ดินสาธารณะ

นายอนุพร อรุณรัตน์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย บริษัท ลากูน่า บีช รีสอร์ท แอนโฮเทล จำกัด (มหาชน) ชี้แจงในที่ประชุมว่า ห้องส้วมดังกล่าวสภาตำบลเชิงทะเลได้ขอให้ทางลากูน่าก่อสร้าง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่มาเล่นน้ำในบริเวณหาดเลพัง แต่เมื่ออบต.เชิงทะเลได้ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีกับลากูน่าในข้อหาบุกรุกที่สาธารณะ ลากูน่าได้ทำหนังสือถึงที่ดินส่วนแยกถลาง เพื่อสอบแนวเขตที่ดินแล้ว และลากูน่าเอง ก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับทุกฝ่ายในการแกัปัญหาดังกล่าว

ที่ประชุมได้ข้อสรุป โดยมอบหมายให้อบต.เชิงทะเล นายอำเภอถลาง เจ้าพนักงานที่ดินส่วนแยกถลาง และตัวแทนของบริษัทลากูน่าไปทำการรังวัดที่ดินร่วมกัน เพื่อหาทางออกในการแก้ปัญหาให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน

ส่วนกรณีที่นางพริ้งเพรา โสดาบรรณ ร้องเรียนไปยังกรรมาธิการปกครอง วุฒิสภา เรื่องกรณีที่บริษัทลากูน่า นำรั้วรวดหนามมากันทางเข้า-ออกที่ดินของตน ทำให้ไม่มีทางเข้า-ออกนั้น ที่ดินส่วนแยกถลางชี้แจง ว่า รั้วที่ทางลากูน่ากั้นนั้น ดำเนินการในที่ดินลำรางสาธารณะอย่าแน่นอน ซึ่งมีความผิดตามกฎหมาย ที่ประชุมจึงได้มอบมหมายให้ทางนายอำเภอถลางและอบต.รื้อถอนรั้วลวดหนามดังกล่าวออก โดยมีหนังสือยืนยันจากที่ดินส่วนแยกถลาง ว่าเป็นที่ลำรางสาธารณะภายใน 3 วัน

พลตรีอินทรัตน์ ยอดบางเตย ประธานคณะกรรมาธิการการปกครอง วุฒิสภา กล่าวภายหลังกาประชุมว่า การลงมาติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาที่ดินหาดเลพังในครั้งนี้มีสองประเด็นด้วยกัน คือ กรณีที่ดินของนางพริ้มเพรา โสดาบรรณ ที่ถูกทางบริษัทลากูน่าทำการปิดกั้นทางเข้า-ออก ได้ข้อสรุปว่าที่ดินที่ทางลากูน่าทำการล้อมรั้วปิดกั้นนั้นเป็นที่ดินสาธารณะเป็นลำรางสาธารณะ ได้มอบหมายให้ทางนายอำเภอถลาง อบต.เชิงทะเล และเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอถลางทำการรื้อรั้วดังกล่าวภายใน 3 วัน

ส่วนกรณีพื้นที่สาธารณะที่สภาตำบลเชิงทะเล ได้สร้างห้องส้วมร่วมกับลากูน่าและมีการฟ้องร้องกัน ได้มอบหมายให้ทางนายอำเภอถลาง อบต.เชิงทะเล เจ้าพนักงานที่ดินส่วนแยกถลาง และตัวแทนของบริษัทลากูน่า ทำการวัดแนวเขตที่ดินให้เสร็จเรียบร้อยภายใน 15 วัน ส่วนการฟ้องร้องคดีอาญากับผู้บริหารของลากูน่า ได้มอบหมายให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไปว่าหากทางลากูน่าทำการรื้อถอนและก่อสร้างถนน ที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ และหาดมีความสวยงามถือว่าเรื่องทุกอย่างจบ จะไม่มีการฟ้องร้องแต่อย่างไร

พลตรีอินทรัตน์ กล่าวอีกว่า หากทางลากูน่ายังดื้อดึงไม่ยอมรื้อถอนห้องส้วมดังกล่าว คงจะต้องมีการรื้อเอกสารสิทธิที่ดินแปลงดังกล่าวว่าได้มาอย่างไร แต่หากทางลากูน่ายินยอมที่จะทำการรื้อถอน ก็จะไม่มีการรื้อเอกสารสิทธิแต่อย่างไร เพราะเป็นการทำประโยชน์ให้กับสังคมและประชาชน

ขณะที่นายอนุพร อรุณรัตน์ ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย ของบริษัท ลากูน่า บีช รีสอร์ท แอนด์ โฮเทล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การที่กรรมาธิการการปกครอง วุฒิสภา เชิญทางตัวแทนของลากูน่ามาชี้แจงในครั้งนี้ ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะตลอดระยะเวลาที่กรรมาธิการฯลงมาตรวจสอบที่ดินของลากูน่า ไม่เคยเปิดโอกาสให้ลากูน่าได้ชี้แจงเลย

จากการประชุมในวันนี้ ได้แนวทางการแก้ปัญหา ว่าจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนของบริษัทลากูน่า หน่วยงาานราชการได้ทำการรังวัดที่ดินและรื้อถอนห้องส้วมดังกล่าวนั้น บริษัทยินดีที่จะให้มีการรังวัดสอบเขตที่ดินที่แน่นอน เมื่อปรากฎแนวเขตที่ดินที่แน่นอนของบริษัทและที่ดินสาธารณะว่าตรงจุดใด ที่มีการก่อสร้างห้องส้วมโดยสภาตำบลเชิงทะเลโดยทางลากูน่าให้การสนับสนุนเงินก่อสร้าง

เมื่อมาถึงวันนี้ประชาชนต้องการที่จะรื้อลากูน่าพร้อมที่จะรื้อ แต่ติดปัญหาที่มีการแจ้งความร้องทุกข์กับผู้บริหารของลากูน่า รวมทั้งมีการกล่าวหาผ่านทางสื่อต่างๆ และเข้าสู่ขั้นตอนของรัฐสภา ลากูน่าจำเป็นที่จะต้องให้มีการสอบแนวเขตให้ชัดเจน เมื่อเป็นที่ยุติคดีอาญาสามารถตกลงกันได้ ลากูน่าโดยความสุจริต ก็จะดำเนินการตามสิทธิและหน้าที่ของตนเองโดยการรื้อถอน

“หากวันนี้ลากูน่าทำการรื้อถอนห้องส้วมออกจากที่ดินกล่าว ก็จะมีการกล่าวอ้างว่า เห็นไหม ลากูน่ายอมแล้วจึงรื้อถอน หากไม่รื้อก็หาว่าแข็งขัน และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าหากมีการชี้แนวเขตที่ชัดเจนแล้ว ภายใน 15 วันลากูน่ายังไม่รื้อถอน ลากูน่าจะกลายเป็นผู้บุกรุกใหม่ ผมไม่เข้าใจว่าจะให้แก้ไขปัญหาแบบสมานฉันท์ หรือแก้ไขตามขบวนการทางกฎหมาย” นายอนุพร กล่าวและว่า

ลากูน่าพร้อมที่จะเข้าไปแก้ปัญหาตามนโยบายที่ดีของภาครัฐ แต่ในขณะเดียวกันทางลากูก็จำเป็นที่ต้องดูแล และรักษาสิทธิของตนเองและสิทธิของประชาชนด้วย

ส่วนกรณีที่ตัวแทนชาวบ้านอ้างว่า การที่ทางลากูน่าสร้างห้องส้วมในบริเวณดังกล่าว เพราะไม่ต้องการที่จะให้มีการสร้างถนนในบริเวณหน้าโรงแรม นายอนุพร กล่าวว่า ลากูน่าไม่เคยมีเจตนาที่จะกันไม่ให้มีการก่อสร้างถนน เมื่อถนนเดิมมีอยู่บริเวณนั้นก็ต้องสร้างถนนใหม่ที่บริเวณดังกล่าว เพียงแต่ในอดีตนั้นถนนดังกล่าวมีคนใช้น้อยมากมีเพียงรถจักรยานยนต์เท่านั้น และคนที่ไปว่ายน้ำบริเวณนั้น ไม่มีห้องส้วม ซึ่งเมื่อสภาตำบลมีเจตนาที่จะสร้างห้องส้วมในบริเวณดังกล่าว ลากูน่าจึงสนับสนุนการก่อสร้างดังกล่าว แต่มาวันนี้มาบอกว่า ลากูน่าบุกรุกสร้างห้องส้วมบนถนน ในขณะเดียวกันก็ดำเนินคดีทางอาญา ข้อหาบุกรุกที่ดินโดยที่ไม่เคยสอบถามทางลากูน่ามาก่อนเลย

นายอนุพร ยังกล่าวถึงกรณีการทำรั้วปิดกันที่ดินของนางพริ้งเพรา โสดาบรรณ ว่า ลากูน่าที่เขตแดนที่ดินของตนเอง และรั้วดังกล่าวไม่ใช่ว่าทางลากูน่าจะเพิ่งทำขึ้นมาใหม่ รั้วดังกล่าวมีมาตั้งแต่เดิมที่ลากูน่าซื้อที่ดินมาจากเจ้าของเดิม ปรากฏว่า เจ้าของที่ดินที่อยู่ขอบชิดกับลากูน่ากล่าวอ้างว่า ลากูน่าทำรั้วปิดกั้น ซึ่งทางลากูน่าได้อุทิศถนนที่ดินบางส่วนเป็นถนนสาธารณะและในขณะเดียวกันมีที่ดินข้างถนนประมาณ 5 เมตรให้อยู่แล้ว หากคุณพริ้งเพราต้องการที่จะมีทางออกก็สามารถพูดคุยกับทางลากูน่าได้ และขอบอกไว้เลยว่าลากูน่าไม่เคยคิด ที่จะเรียกเงินจากการเปิดทางให้ทางเจ้าของที่ดินข้างเคียง

ส่วนกรณีที่ทางที่ดินระบุว่าที่ดินที่ลากูน่าทำการปิดกั้นเป็นที่ลำรางสาธารณะ นายอนุพร กล่าวว่า จากการที่ตนได้ตรวจสอบเอกสารสิทธิที่ดินแปลงดังกล่าว ยืนยันได้ว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของที่ดินของลากูน่าอย่างแน่นอน
กำลังโหลดความคิดเห็น