สงขลา – ชาวสะบ้าย้อย ลงขันจัดงานครบครอบ 1 ปีเหตุการณ์ “กรือเซะ” 28 เม.ย.นี้ เน้นทำบุญและรำลึกถึงผู้เสียชีวิต 19 ศพ ปฏิเสธไม่ใช่ต้องการสร้างประวัติศาสตร์ โดยพิธีจะมีขึ้นทั้งที่มัสยิดและกุโบร์ประจำหมู่บ้าน 3 พ่อผู้ตายร่วมกันเผยเหตุการณ์ล่วงมาแล้ว 1 ปี แต่ไม่มีเคยความช่วยเหลือจากภาครัฐตกถึงมือแม้แต่บาทเดียว
วันที่ 28 เม.ย.นี้เป็นวันครอบรอบ 1 ปีกรณี “กรือเซะ” หรือเหตุการณ์นองเลือด 106 จากการปะทะกันของกลุ่มชาวบ้านที่กระจายกันเข้าโจมตีหน่วยตำรวจ-ทหารในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในเวลาไล่เลี่ยกันโดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 28 เม.ย.2547 ที่ผ่านมานั้น "ผู้จัดการรายวัน" ได้ลงพื้นที่บ้านสุโสะ ต.ธารคีรี อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ซึ่งจากเหตุการณ์ในวันนี้มีชาวบ้านในพื้นที่เสียชีวิตรวม 19 คนเพื่อสำรวจความเคลื่อนไหวและความช่วยเหลือต่อญาติผู้เสียชีวิต
นายอุดม แมพรมมิ อายุ 69 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31 นายดาโอ๊ะ อาบูทัดสา อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13/2 และนายอิรอเฮง ดาหายอ อยู่บ้านเลขที่ 15/1 โดยทั้งหมดเป็นราษฎรบ้านสุโสะ ม.2 ต.ธารคีรี อ.สะบ้าย้อย พร้อมชาวบ้านอีกจำนวนหนึ่งได้ร่วมกันเปิดเผยว่า ญาติผู้เสยชีวิตได้หารือและเห็นพ้องกันว่า ในวันที่ 28 เม.ย.48 นี้จะมีการจัดงานทำบุญอุทิศส่วนกุศลและรำลึกถึงผู้ตายทั้ง 19 คนในโอกาสครบรอบ 1 ปีของการเกิดการณ์ในครั้งนั้น
สำหรับผู้เสียชีวิตทั้ง 19 คน ได้ปะทะกับเจ้าหน้าที่บริเวณป้อมตำรวจปากทางเข้าตลาดสะบ้าย้อย ซึ่งอยู่ไม่ห่างจาก สภ.อ.สะบ้าย้อย และเกือบทั้งหมดเป็นนักกีฬาฟุตบอลประจำอำเภอ ประกอบด้วย
1.นายกามารูดิน แมพรมมิ อายุ 23 ปี บุตรชายของ นายอุดม แมพรมมิ
2.นายมะลายิ อาบูทัดสา อายุ 26 ปี บุตรชายของ นายดาโอ๊ะ อาบูทัดสา
3.นายบาซอรี ดาหายอ อายุ25 ปี บุตรชายของ นายอิรอเฮง ดาหายอ
4.นายยะยา มาหิงตะ อายุ 34 ปี
5.นายสามิต โสะปนแอ อายุ 19 ปี
6.นายรอมัน ดือไมดิง อายุ 32 ปี
7.นายนิรุพ เระระอะ (รอยะ) อายุ 26 ปี
8.นายอับดุลลาซิด มันปูเตะ อายุ 21 ปี
9.นายฮามิง เลาะปุสา อายุ 25 ปี
10.นายสมศักดิ์ บังสามาน อายุ 23 ปี
11.นายอุสมาน สาและ อายุ 25 ปี
12.นายอัตนาน ดีสะธรรม อายุ 19 ปี
13.นายอับดุล ฮาเล็ม อายุ 25 ปี
14.นายดาระ ดือราแม อายุ 30 ปี
15.นายสการียา หรือ อุเซ็ง หัตขะเจ อายุ 21 ปี
16.นายสารภู หยงมะเกะ อายุ 19 ปี
17.นายมะรอนิง หยงมะเกะ อายุ 21 ปี
18.นายสะรอนี การอ อายุ 18 ปี
และ 19.นายมะลายิ อาบูทัดสา (ไม่ระบุอายุ)
ทั้งนี้ รูปแบบของการจัดงานประกอบไปด้วย 2 ส่วนคือ งานบุญจะเริ่มหลังพิธีละหมาดเวลาเที่ยงวันที่มัสยิดประจำหมู่บ้าน โดยช่วงเวลาประมาณ 13.00 น. จะมีงานเมาลิดของครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้งหมด พร้อมกับการรับเลี้ยงอาหารญาติพี่น้องและแขกเรื่อที่มาร่วมงาน จากนั้นเวลาประมาณ 16.00 น. จะเป็นงานรำลึกถึงผู้เสียชีวิต ซึ่งจะเคลื่อนไปจัดขึ้นที่กุโบร์ หรือสุสานที่ฝั่งศพประจำหมู่บ้าน โดยจะมีพิธีอ่านคัมภีร์อันกุรอานทั้ง 30 บท เพื่ออุทิศส่วนกุศลและรำลึกถึงผู้ตาย
“การจัดงานครั้งนี้ไม่ใช้เพื่อรำลึกหรือต้องการสร้างประวัติศาสตร์อะไรให้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว แต่เราต้องการร่วมกันทำบุญและรำลึกถึงผู้เสียชีวิตทั้งหมดเท่านั้น ซึ่งทางญาติของผู้ตายตกลงกันว่าจะลงขันกันรายละ 500 บาทเพื่อเป็นงบในการจัดงาน เบื้องต้นคุยกันว่าจะซื้อขนมจีนประมาณ 150 ก.ก. ซื้อปลามาทำน้ำยาขนมจีนเลี้ยงผู้มาร่วมงานเท่านั้น”
การจัดงานครอบรอบ 1 ปีเหตุการณ์กรือเซะที่ อ.สะบ้าย้อยครั้งนี้ ญาติของผู้เสียชีวิตได้แจ้งให้ชาวบ้านในหมู่บ้านทราบแล้วทุกคน แต่ไม่ได้เชิญเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยเฉพาะระดับบริหาร ไม่ว่าจะเป็นผู้ว่าฯ นายอำเภอ ปลัดอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารที่ตั้งฐานปฏิบัติการในพื้นที่ แต่ถ้าเจ้าหน้าที่รัฐคนใดจะไปร่วมงาน ชาวบ้านพร้อมที่จะให้การต้อนรับอย่างเต็มที่ เพราะไม่ได้ปิดกั้น
นอกชาวบ้านในพื้นที่ที่จะเข้าร่วมงานแล้วยังจะมีชาวบ้านต่างพื้นที่ กลุ่มปัญญาชนมุสลิม และแกนนำองค์กรมุสลิม รวมถึงองค์กรภาคประชนชนต่างๆ เข้าร่วมด้วย อาทิ นายรอซีดี เลิศอริยะพงษ์กุล นายกสมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทย (ยมท.) เป็นต้น ซึ่งประมาณว่าจะมีผู้เข้าร่วมหลายร้อยคน
จากการพูดคุยกับญาติของผู้เสียชีวิตครั้งนี้ ได้รับการเปิดเผยว่า ตลอด 1 ปีที่ผ่านมาพ่อแม่และครอบครัวของผู้ตายทั้ง 19 ศพไม่เคยได้รับการช่วยเหลืออะไรอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลเลย โดยมีเพียงช่วงหลังเกิดเหตุการณ์ไม่นาน ได้มีกลุ่มคนเข้าไปในหมู่บ้านและมอบเงินไปให้ศพละ 500 บาท โดยกับบอกกับชาวบ้านว่าเป็นการช่วยเหลือของแม่ทัพภาคที่ 4 เท่านั้น
ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบเรื่องนี้ไปยังกองทัพภาคที่ 4 ส่วนหน้า ได้รับการชี้แจงมาว่า เข้าใจว่าเงินที่ชาวบ้านใน อ.สะบ้ายย้อย บอกว่าได้รับคนละ 500 บาทเมื่อครั้งที่ พล.ท.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ลงพื้นที่ไปเยี่ยมชาวบ้านนั้นน่าจะเป็นเงินส่วนตัวมากกว่า แต่ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าใครเป็นผู้มอบเงินให้ เพราะตามความเป็นจริงแล้ว กองทัพภาคที่ 4 ก็ได้ลงพื้นที่เยี่ยมครอบครัวผู้สูญเสียอยู่เป็นระยะๆ
“ในเรื่องของการจ่ายเงินช่วยเหลือนั้น เป็นเรื่องของทางจังหวัดที่ต้องนำเสนอต่อรัฐบาลให้พิจารณาช่วยเหลือผู้เดือดร้อน โดยกองทัพภาคที่ 4 ทำหน้าที่ประสานงาน สอบถามความต้องการเสนอไปยังจังหวัดและจังหวัดก็จะเสนอไปทางรัฐบาลเป็นขั้นตอนไป”
วันที่ 28 เม.ย.นี้เป็นวันครอบรอบ 1 ปีกรณี “กรือเซะ” หรือเหตุการณ์นองเลือด 106 จากการปะทะกันของกลุ่มชาวบ้านที่กระจายกันเข้าโจมตีหน่วยตำรวจ-ทหารในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในเวลาไล่เลี่ยกันโดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 28 เม.ย.2547 ที่ผ่านมานั้น "ผู้จัดการรายวัน" ได้ลงพื้นที่บ้านสุโสะ ต.ธารคีรี อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ซึ่งจากเหตุการณ์ในวันนี้มีชาวบ้านในพื้นที่เสียชีวิตรวม 19 คนเพื่อสำรวจความเคลื่อนไหวและความช่วยเหลือต่อญาติผู้เสียชีวิต
นายอุดม แมพรมมิ อายุ 69 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31 นายดาโอ๊ะ อาบูทัดสา อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13/2 และนายอิรอเฮง ดาหายอ อยู่บ้านเลขที่ 15/1 โดยทั้งหมดเป็นราษฎรบ้านสุโสะ ม.2 ต.ธารคีรี อ.สะบ้าย้อย พร้อมชาวบ้านอีกจำนวนหนึ่งได้ร่วมกันเปิดเผยว่า ญาติผู้เสยชีวิตได้หารือและเห็นพ้องกันว่า ในวันที่ 28 เม.ย.48 นี้จะมีการจัดงานทำบุญอุทิศส่วนกุศลและรำลึกถึงผู้ตายทั้ง 19 คนในโอกาสครบรอบ 1 ปีของการเกิดการณ์ในครั้งนั้น
สำหรับผู้เสียชีวิตทั้ง 19 คน ได้ปะทะกับเจ้าหน้าที่บริเวณป้อมตำรวจปากทางเข้าตลาดสะบ้าย้อย ซึ่งอยู่ไม่ห่างจาก สภ.อ.สะบ้าย้อย และเกือบทั้งหมดเป็นนักกีฬาฟุตบอลประจำอำเภอ ประกอบด้วย
1.นายกามารูดิน แมพรมมิ อายุ 23 ปี บุตรชายของ นายอุดม แมพรมมิ
2.นายมะลายิ อาบูทัดสา อายุ 26 ปี บุตรชายของ นายดาโอ๊ะ อาบูทัดสา
3.นายบาซอรี ดาหายอ อายุ25 ปี บุตรชายของ นายอิรอเฮง ดาหายอ
4.นายยะยา มาหิงตะ อายุ 34 ปี
5.นายสามิต โสะปนแอ อายุ 19 ปี
6.นายรอมัน ดือไมดิง อายุ 32 ปี
7.นายนิรุพ เระระอะ (รอยะ) อายุ 26 ปี
8.นายอับดุลลาซิด มันปูเตะ อายุ 21 ปี
9.นายฮามิง เลาะปุสา อายุ 25 ปี
10.นายสมศักดิ์ บังสามาน อายุ 23 ปี
11.นายอุสมาน สาและ อายุ 25 ปี
12.นายอัตนาน ดีสะธรรม อายุ 19 ปี
13.นายอับดุล ฮาเล็ม อายุ 25 ปี
14.นายดาระ ดือราแม อายุ 30 ปี
15.นายสการียา หรือ อุเซ็ง หัตขะเจ อายุ 21 ปี
16.นายสารภู หยงมะเกะ อายุ 19 ปี
17.นายมะรอนิง หยงมะเกะ อายุ 21 ปี
18.นายสะรอนี การอ อายุ 18 ปี
และ 19.นายมะลายิ อาบูทัดสา (ไม่ระบุอายุ)
ทั้งนี้ รูปแบบของการจัดงานประกอบไปด้วย 2 ส่วนคือ งานบุญจะเริ่มหลังพิธีละหมาดเวลาเที่ยงวันที่มัสยิดประจำหมู่บ้าน โดยช่วงเวลาประมาณ 13.00 น. จะมีงานเมาลิดของครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้งหมด พร้อมกับการรับเลี้ยงอาหารญาติพี่น้องและแขกเรื่อที่มาร่วมงาน จากนั้นเวลาประมาณ 16.00 น. จะเป็นงานรำลึกถึงผู้เสียชีวิต ซึ่งจะเคลื่อนไปจัดขึ้นที่กุโบร์ หรือสุสานที่ฝั่งศพประจำหมู่บ้าน โดยจะมีพิธีอ่านคัมภีร์อันกุรอานทั้ง 30 บท เพื่ออุทิศส่วนกุศลและรำลึกถึงผู้ตาย
“การจัดงานครั้งนี้ไม่ใช้เพื่อรำลึกหรือต้องการสร้างประวัติศาสตร์อะไรให้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว แต่เราต้องการร่วมกันทำบุญและรำลึกถึงผู้เสียชีวิตทั้งหมดเท่านั้น ซึ่งทางญาติของผู้ตายตกลงกันว่าจะลงขันกันรายละ 500 บาทเพื่อเป็นงบในการจัดงาน เบื้องต้นคุยกันว่าจะซื้อขนมจีนประมาณ 150 ก.ก. ซื้อปลามาทำน้ำยาขนมจีนเลี้ยงผู้มาร่วมงานเท่านั้น”
การจัดงานครอบรอบ 1 ปีเหตุการณ์กรือเซะที่ อ.สะบ้าย้อยครั้งนี้ ญาติของผู้เสียชีวิตได้แจ้งให้ชาวบ้านในหมู่บ้านทราบแล้วทุกคน แต่ไม่ได้เชิญเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยเฉพาะระดับบริหาร ไม่ว่าจะเป็นผู้ว่าฯ นายอำเภอ ปลัดอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารที่ตั้งฐานปฏิบัติการในพื้นที่ แต่ถ้าเจ้าหน้าที่รัฐคนใดจะไปร่วมงาน ชาวบ้านพร้อมที่จะให้การต้อนรับอย่างเต็มที่ เพราะไม่ได้ปิดกั้น
นอกชาวบ้านในพื้นที่ที่จะเข้าร่วมงานแล้วยังจะมีชาวบ้านต่างพื้นที่ กลุ่มปัญญาชนมุสลิม และแกนนำองค์กรมุสลิม รวมถึงองค์กรภาคประชนชนต่างๆ เข้าร่วมด้วย อาทิ นายรอซีดี เลิศอริยะพงษ์กุล นายกสมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทย (ยมท.) เป็นต้น ซึ่งประมาณว่าจะมีผู้เข้าร่วมหลายร้อยคน
จากการพูดคุยกับญาติของผู้เสียชีวิตครั้งนี้ ได้รับการเปิดเผยว่า ตลอด 1 ปีที่ผ่านมาพ่อแม่และครอบครัวของผู้ตายทั้ง 19 ศพไม่เคยได้รับการช่วยเหลืออะไรอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลเลย โดยมีเพียงช่วงหลังเกิดเหตุการณ์ไม่นาน ได้มีกลุ่มคนเข้าไปในหมู่บ้านและมอบเงินไปให้ศพละ 500 บาท โดยกับบอกกับชาวบ้านว่าเป็นการช่วยเหลือของแม่ทัพภาคที่ 4 เท่านั้น
ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบเรื่องนี้ไปยังกองทัพภาคที่ 4 ส่วนหน้า ได้รับการชี้แจงมาว่า เข้าใจว่าเงินที่ชาวบ้านใน อ.สะบ้ายย้อย บอกว่าได้รับคนละ 500 บาทเมื่อครั้งที่ พล.ท.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ลงพื้นที่ไปเยี่ยมชาวบ้านนั้นน่าจะเป็นเงินส่วนตัวมากกว่า แต่ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าใครเป็นผู้มอบเงินให้ เพราะตามความเป็นจริงแล้ว กองทัพภาคที่ 4 ก็ได้ลงพื้นที่เยี่ยมครอบครัวผู้สูญเสียอยู่เป็นระยะๆ
“ในเรื่องของการจ่ายเงินช่วยเหลือนั้น เป็นเรื่องของทางจังหวัดที่ต้องนำเสนอต่อรัฐบาลให้พิจารณาช่วยเหลือผู้เดือดร้อน โดยกองทัพภาคที่ 4 ทำหน้าที่ประสานงาน สอบถามความต้องการเสนอไปยังจังหวัดและจังหวัดก็จะเสนอไปทางรัฐบาลเป็นขั้นตอนไป”