xs
xsm
sm
md
lg

ชาวปัตตานีไม่ยกเหตุ ‘กบฏกรือเซะ’ เป็นประวัติศาสตร์ – ยันผู้ก่อการไม่ใช่คนในพื้นที่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปัตตานี - "กำนัน"ผู้ดูแลพื้นที่มัสยิดกรือเซะเผยไม่มีการจัดกิจกรรมอะไรรำลึกครบรอบเหตุการณ์ 28 เมษาฯ ชี้หวั่นเกิดเหตุบานปลายเพราะสื่อทั่วโลกจับตา ขณะลูกบ้านไม่อยากให้เป็นประวัติศาสตร์ เพราะผู้ก่อเหตุไม่ใช่คนในพื้นที่ เพียงเข้ามาอาศัยสถานที่ก่อเหตุ ระบุท่องเที่ยวทรุดหนัก วอน ‘กอส.’ ลงเก็บข้อมูลหมู่บ้านแทนห้องประชุมใหญ่ แต่พร้อมหนุนเต็มที่

นายแวอุมา แวดอเลาะ ประธานชมรมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน อ.เมืองปัตตานี และกำนัน ต.ตันหยงลุโละ ผู้ดูแลพื้นที่มัสยิดกรือเซะ อ.เมืองปัตตานี เปิดเผยว่า ในวันที่ 28 เม.ย.48 ที่จะถึงนี้ ซึ่งจะเป็นการครบรอบ 1 ปี เหตุการณ์ การล้อมปราบผู้ก่อการร้ายในมัสยิดกรือเซะ เมื่อวันที่ 28 เม.ย.47 ในส่วนของชาวบ้านใน ต.ตันหยงลุโละ พื้นที่มัสยิดกรือเซะ จะไม่มีการจัดกิจกรรมอะไรทั้งสิ้น ที่เป็นการรำลึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา

"เนื่องจากคนในพื้นที่ไม่ต้องการให้เหตุการณ์นั้น เป็นประวัติศาสตร์ หรือเป็นสิ่งที่ต้องจดจำของคนในพื้นที่ ทั้งนี้ก็หวั่นเกรงว่า หากมีการจัดกิจกรรมอะไรขึ้น อาจเป็นการจุดชนวนให้เกิดเหตุการณ์อื่นตามมาได้ เช่น หากมีการเปิดปราศรัย แล้วมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีฉวยโอกาสก่อเหตุ หรือปราศรัยยุยงให้เกิดความแตกแยก และหากเกิดมีการจับกุม หรือปะทะกันขึ้นมา ก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ในทันที เพราะพื้นที่ตรงนี้เป็นที่จับตาของสื่อมวลชนทั่วโลก อาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่บานปลายออกไป แต่เหตุผลสำคัญที่ชาวบ้านไม่ต้องการให้มีการจัดกิจกรรมใดๆ ต่อเหตุการณ์การปราบผู้ก่อความไม่สงบในมัสยิตกรือเซะ เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2547 นั้น เพราะในข้อเท็จจริงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น คนในพื้นที่ไม่ได้ถูกยุยง ไม่มีปัญหา และไม่ได้เข้าร่วมในเหตุการณ์ แต่อย่างใด" นายแวอุมา กล่าว

นายแวอุมา กล่าวต่อว่า กลุ่มผู้ก่อการเป็นบุคคลที่มาจากที่อื่น ซึ่งเข้ามาก่อเหตุโดยใช้มัสยิดกรือเซะ เป็นพื้นที่ก่อเหตุ ตนในฐานะกำนันและในฐานะของรองประธานคณะกรรมการมัสยิดกรือเซะ ยืนยันได้ว่า ถึงขณะนี้ไม่มีการเตรียมจัดกิจกรรมมวลชนใดๆ ทั้งสิ้น เพราะหากจะมีการจัดกิจกรรมอะไรก็ต้องผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการมัสยิดกรือเซะ ซึ่งมีนายอำเภอเป็นประธานก่อน

โดยสิ่งที่จะมีในวันที่ 28 เมษายน นี้ ล่าสุดก็มีเพียงสื่อโทรทัศน์ช่องหนึ่ง ที่ได้ติดต่อตนเองและผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้แทนคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (กอส.) จะจัดรายการพูดคุย สนทนาถ่ายทอดออกอากาศเท่านั้น

“ชาวบ้านไม่อยากให้จัดงาน เพราะกลัวว่าจะกลายเป็นที่ระลึก แล้วจะมีปัญหาอื่นตามมา อยากให้มีความสงบอย่างนี้ และร่วมมือกันแก้ปัญหาไปเรื่อยๆ เพราะถ้ามีปัญหาอื่นเข้ามา จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ เป็นประวัติศาสตร์ อาจจะมีการใช้เป็นข้ออ้างในการปลุกระดมชาวบ้าน ทั้งที่ในข้อเท็จจริงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงกลุ่มบุคคลเดียว ที่ก่อเรื่องขึ้นมา ซึ่งถึงเวลานี้ก็วิเคราะห์กันแล้วว่ามันไม่ถูกต้อง อยากให้เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ให้ลืมกันไป” นายแวอุมากล่าวและว่า

อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 28 เมษายน นี้ ที่มัสยิดกรือเซะ ในส่วนของพิธีการละหมาดอาจจะมีการสวดดุอาร์ (ขอพรให้เกิดสันติสุขจากพระเจ้า) เพราะที่มัสยิดไหนก็ทำได้ แต่จะไม่มีการจัดกิจกรรมใหญ่โต ซึ่งลูกบ้านในพื้นที่ล้วนเข้าใจดีและไม่อยากให้มีการจัดงานใหญ่ๆ อะไร เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลุ่มผู้ก่อเหตุเขาเพียงต้องการใช้มัสยิดกรือเซะ ซึ่งเป็นมัสยิดโบราณในการก่อเหตุ

คนที่ก่อเหตุ และผู้ที่เสียชีวิตก็ไม่ใช่ลูกบ้าน ที่ผ่านมาตนก็ได้ชี้แจงกับชาวบ้านมาโดยตลอดว่า ทุกฝ่ายต่างพยายามแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งลูกบ้านก็เข้าใจดี และอยากให้เหตุการณ์ยุติลงโดยเร็ว เพื่อจะได้ประกอบกิจการค้าขายกันอย่างปกติ เพราะมัสยิดกรือเซะ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ทั้งของคนมุสลิม และคนจีน

เพราะในบริเวณดังกล่าวมีทั้งมัสยิดกรือเซะ และสุสานเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว อยู่ใกล้ๆ กัน พื้นที่โดยรอบมัสยิดกรือเซะ จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยว ค้าขาย มีร้านค้าขายของที่ระลึกกว่า 30 ร้านค้า ซึ่งสถานการณ์ค้าขายขณะนี้ ต้องยอมรับว่าลำบากมาก เจ้าของร้านต้องกัดฟันทนค้าขายกันอย่างลำบาก เพราะไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา โดยที่ผ่านมาเหตุการณ์ความไม่สงบใน จ.ปัตตานีจะไม่ค่อยรุนแรง ทำให้พอจะเริ่มมีรายได้บ้าง

แต่เมื่อเกิดเหตุลอบวางระเบิดที่ สนามบินหาดใหญ่ จ.สงขลา และในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา สถานการณ์ท่องเที่ยวที่มัสยิดกรือเซะ ก็ทรุดลงอย่างหนัก ไม่มีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย หรือคนไทยจากกรุงเทพฯ และหาดใหญ่ เข้ามาเที่ยวเลย ทั้งที่ในทุกๆ ปีจะมีนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวเข้ามาท่องเที่ยวในช่วงสงกรานต์หลายสิบคันรถบัส

นายแวอุมา กล่าวอีกว่า ขณะนี้ร้านค้าที่มีกว่า 30 ร้าน ต้องดิ้นรนทุกอย่างเพื่อความอยู่รอด บางร้านต้องนำสินค้าออกมาเร่ขายริมถนนบริเวณถนนปากทางเข้ามัสยิด จากเดิมที่ขายอยู่แต่ในร้านค้าข้างมัสยิด บางร้านก็ต้องนำสินค้าไปเร่ขายตามตลาดนัด ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้พอมีรายได้ ทั้งที่เหตุการณ์ขณะนี้ถือได้ว่า ความไม่สงบใน จ.ปัตตานี เบาบางกว่าที่อื่นมาก ไม่มีเหตุระเบิด แต่พอเกิดเหตุที่นราธิวาส หรือที่ อ.หาดใหญ่ และ จ.สงขลา พื้นที่แรกที่จะได้ผลกระทบคือปัตตานี

“เป็นไปได้ว่าทุกคนมองว่าปัตตานี เป็นศูนย์กลางของพื้นที่ พอเกิดเหตุอะไรก็ต้องจับตามาที่ปัตตานี หวาดกลัวที่จะเข้ามาในปัตตานี ทั้งที่จริงๆ แล้วปัตตานีไม่ได้มีความน่าหวาดกลัว ชาวบ้านยังคงใช้ชีวิตกันตามปกติ เพียงแต่คนภายนอกอาจไม่ได้รับรู้”นายแวอุมา กล่าวและว่า

ในส่วนของการลงพื้นที่ จ.ปัตตานี ของคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (กอส.) ในวันที่ 23 - 24 เมษายน นี้ ตนอยากเสนอให้ กอส. ลงพื้นที่พบปะพูดคุยกับชาวบ้านในหมู่บ้าน และตำบล ต่างๆ ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จริงๆ เพื่อจะได้รับทราบข้อมูล ปัญหา รู้ความเป็นอยู่ที่แท้จริงของชาวบ้าน

เพราะการมาจัดประชุมรับฟังปัญหาที่โรงแรม หรือหอประชุมที่ มอ.ปัตตานี ซึ่งมีคนจำนวนมากหลายร้อย หรือหลายพันคนนั้น แต่ชาวบ้านตามหมู่บ้าน และชุมชนจริงๆ คงไม่กล้าที่จะลุกขึ้นพูด เล่าความรู้สึกที่แท้จริงในที่ประชุม เพราะมีคนประชุมจำนวนมาก และการพูดจาบางคนก็คงสู้นักพูด นักวิชาการไม่ได้

ที่สำคัญชาวบ้านก็ใช้ภาษาไทยไม่ค่อยเก่ง พูดแปและ (ภาษากลางสำเนียงพื้นถิ่นใต้ผสมมลายู) บางคนก็พูดไทยไม่ได้เลย หาก กอส. อยากรู้ข้อมูลความเป็นอยู่ของชาวบ้านจริงๆ ต้องลงไปหาชาวบ้าน อาจให้ผู้แทนกรรมการ ไปพร้อมกับส่วนราชการเจ้าของพื้นที่ เข้าไปคลุกคลีกับชาวบ้าน พูดคุยกับชาวบ้าน

และให้ทางส่วนราชการสรุปเป็นข้อมูลเสนอไปจากตัวแทนหมู่บ้าน ตำบล ก็อาจจะได้ข้อมูลที่ตรงใจชาวบ้านมากกว่า แต่ไม่ว่าอย่างไร ตนก็เห็นด้วย และสนับสนุนแนวทางการทำงานของคณะกรรมชุดนี้อย่างเต็มที่

กำลังโหลดความคิดเห็น