ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – ปรึกษารมต.สาธารณสุขนำแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจักษุเข้าเยี่ยมอาการ 3 ผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุลอบวางระเบิดที่สนามบินหาดใหญ่ และหาแนวทางการรักษาดวงตาข้างขวาของ “น้องฮ่องเต้” หลังจากแพทย์ผ่าตัดเอาส่วนที่เสียภายในลูกตาออก ส่วน “อาซีด นิมุสา” ต้องใส่ขาเทียมและเลนส์แก้วตา ก่อนกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ
เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. วันนี้ (15 เม.ย.) นพ.ณัฐสกล ภวนะวิเชียร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยน.พ.วิวัฒน์ โกมลสุรเดช หัวหน้าศูนย์การแพทย์เฉพาะทางด้านจักษุ โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ วัดไร่ขิง เข้าเยี่ยมอาการของผู้ป่วยจากเหตุลอบวางระเบิดที่ท่าอากาศยานหาดใหญ่ เมื่อวันที่ 3 เม.ย. และหาแนวทางการรักษาพร้อมกับรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดจนกว่าผู้ป่วยจะหายเป็นปกติ โดยมีน.พ.สมพจน์ ด่านวรพงศ์ ศัลยกรรมตกแต่ง โรงพยาบาลหาดใหญ่ และคณะแพทย์ให้การต้อนรับ
นพ.ณัฐสกล ภวนะวิเชียร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ลอบวางระเบิด 2 จุดใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ทำให้มีผู้บาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลจำนวน 71 ราย และยังคงรักษาตัวที่โรงพยาบาลหาดใหญ่อีก 3 ราย คือ 1.ด.ช.พัชรพล เจริญศิลป์ อายุ 4 ขวบ 2.นายอาซีด นิมุสา อายุ 50 ปี และ 3.ทพญ.รศวรรณ จารุวรรณกุลทัศน์ อายุ 25 ปี ซึ่งค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด ทางกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งได้รับการกำชับจาก น.พ.สุชัย เจริญรัตนกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
โดยแพทย์ได้ติดตามและเฝ้าดูอาการผู้ป่วยทั้ง 3 คน เพื่อหาแนวทางในการรักษาให้หายเป็นปกติมากที่สุด กล่าวคือ1.ด.ช.พัชรพล เจริญศิลป์ กระทรวงสาธารณสุขได้ส่งน.พ.วิวัฒน์ โกมลสุรเดช แพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาดูแลเพิ่มเติม และคิดหารูปแบบในการรักษาดวงตา ซึ่งต้องรอจังหวะให้แผลหายดีเพื่อผ่าตัดใส่ดวงตาเทียม ซึ่งแพทย์จากกระทรวงสาธารณสุขและแพทย์โรงพยาบาลหาดใหญ่ จะประสานข้อมูลเพื่อทำงานร่วมกัน และส่งอุปกรณ์พร้อมทีมแพทย์เมื่อมีการผ่าตัดเฉพาะครั้ง
2.นายอาซีด นิมุสา มีบาดแผลที่ขาทั้งสองข้าง ทำให้ขาขวาถูกตัดออก ส่วนขาซ้ายเป็นแผลฉกรรจ์ จึงต้องทำแผลและรักษาต่อไป 3.ทพญ.รศวรรณ จารุวรรณกุลทัศน์ ได้รับบาดเจ็บที่ขาข้างขวา ซึ่งต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกสักระยะ ก่อนจะอนุญาตให้กลับบ้านได้
นพ.สมพจน์ ด่านวรพงศ์ ศัลยกรรมตกแต่ง โรงพยาบาลหาดใหญ่ เปิดเผยว่า อาการของน้องฮ่องเต้รู้สึกตัวดีจนสามารถพูดคุยและบอกความต้องการได้ กำลังแขนและขาเป็นปกติ และสามารถดื่มน้ำและรับประทานอาหารได้พอสมควร การขับถ่ายอุจจาระทางแผลเปิดบริเวณท้อง (ทวารเทียม) ได้ดี ส่วนแผลไหม้บริเวณหน้าและแขนซ้ายเริ่มหายมากขึ้น
“สัปดาห์ที่ผ่านมา แพทย์โรงพยาบาลหาดใหญ่ ได้ผ่าตัดซ่อมแซมเปลือกตาล่าง และขึงเนื้อเยื่อเปลือกตาบน เพราะแผลยังเปื่อยทำให้แพทย์ไม่สามารถซ่อมแซมได้ จึงทำการรักษาและล้างเอาเนื้อเยื่อที่ตายออกเป็นระยะ” นพ.สมพจน์กล่าว
สำหรับแผลที่แพทย์ยังต้องใช้ความพยายามรักษาต่อไป คือดวงตาข้างขวาไม่สามารถใช้การได้ เนื่องจากแรงระเบิดทำให้เนื้อเปลือกตาบนหายไป 90 % ส่วนเปลือกตาล่างฉีกขาด ต้องใช้เนื้อเยื่อข้างเคียงมาทำเปลือกตาแทน และเอ็นหัวตาข้างขวาขาดต้องหาที่ยึดหัวตา ซึ่งแพทย์ยังต้องทำการรักษาแผลภายนอกให้หายดี ก่อนทำการใส่ลูกตาเทียม ขณะที่แก้มขวาเนื้อบางส่วนหายไปแต่บาดแผลไม่ลึกมาก จึงจำเป็นต้องนำเนื้อส่วนอื่นมาปลูกทดแทนด้วย
ด้าน นพ.วิวัฒน์ โกมลสุรเดช หัวหน้าศูนย์การแพทย์เฉพาะทางด้านจักษุ โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ วัดไร่ขิง ที่กระทรวงสาธารณสุขมอบหมายให้ร่วมดูแลรักษา “น้องฮ่องเต้” ด้วย เปิดเผยว่า การรักษาบาดแผลของตาข้างขวาเบื้องต้นต้องรอให้หนังตาบน-ล่าง หายเป็นปกติ ซึ่งต้องใช้เวลานานนับเดือน และติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด ก่อนที่จะทำการใส่ดวงตาเทียมซึ่งทำจากปะการังแทนลูกตาที่สูญเสียไป เพื่อให้ดูเหมือนคนปกติ
นายบรรดาล ยิ้มเจริญ คุณตาของน้องฮ่องเต้ เปิดเผย “ผู้จัดการรายวัน” ว่า ตั้งแต่แรกเห็นอาการของหลานคิดว่าคงมีโอกาสรอดเพียง 20 % เท่านั้น แต่เมื่อคนไทยทั้งประเทศร่วมให้กำลังใจ และได้รับพระเมตตาจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงรับไว้เป็นคนไข้ในพระอุปถัมภ์ ทำให้ทุกคนในครอบครัวรวมทั้งน้องฮ่องเต้อาการดีขึ้นราวกับเกิดปาฏิหาริย์ และทำให้นางวาสนา เจริญศิลป์ แม่ของน้องฮ่องเต้สามารถยืนเป็นเสาหลักให้กับครอบครัวในยามนี้ได้
“น้องฮ่องเต้เริ่มรู้สึกตัวเล็กน้อยเมื่อวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่พอวันรุ่งขึ้นเขาเรียกหาพี่สาวคือ น้องควีน หรือ ด.ญ.สิตานันท์ แล้วก็ถามว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ตาก็บอกว่าอยู่ที่บ้านของตาไง แต่เขาบอกว่าบ้านของตาเป็นสีน้ำตาลต่างหาก ตาก็เลยบอกความจริงว่าน้องฮ่องเต้ไม่สบาย และนอนอยู่โรงพยาบาลแต่ไม่กี่วันก็กลับบ้านได้แล้ว และก็ยังถามถึงคุณพ่อ หรือนายณัฐพล เจริญศิลป์ ด้วย แม่เปี๊ยกก็เลยบอกว่า พ่ออยู่ที่โรงพยาบาลผู้ใหญ่” นายบันดาลกล่าว
ด้านอาการของนายอาซีด นิสุสา วันนี้ (15 เม.ย.) แพทย์แผนกศัลกรรมกระดูกได้นำตัวผู้ป่วยไปทำความสะอาดแผลที่ห้องผ่าตัด ซึ่งทำความสะอาดวันเว้นวัน ส่วนบาดแผลอื่นๆ จะทำความสะอาดวันละ 2 ครั้ง แต่อาการโดยรวมผู้ป่วยมีความรู้สึกตัวปกติ รับประทานอาหารได้และไม่มีอาการท้องอืด และแผนการดูแลแพทย์จะผ่าตัดใส่เลนส์แก้วตาเทียมข้างซ้ายเมื่อร่างกายแข็งแรง
นางสาวจริยา นิมุสา ลูกสาวคนโตของนายอาซีด นิมุสา ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ขาทั้ง 2 ข้าง เปิดเผยว่า บิดามีอาชีพขับแท็กซี่ที่ท่าอากาศยานหาดใหญ่ และเป็นเสาหลักในการหารายได้จุนเจือครอบครัว แต่หลังจากบิดาได้รับบาดเจ็บสาหัส ทำให้ตนตัดสินใจลาออกจากงานที่กรุงเทพฯ ทันที เพื่อมาช่วยแม่และน้องๆ อีก 3 คน ดูแลอาการของบิดา ซึ่งตอนนี้อาการของพ่อดีขึ้นมากแล้ว เพราะได้รับกำลังใจจากครอบครัว ตลอดจนความช่วยเหลือในการดูแลรักษาเป็นอย่างดีจากทีมแพทย์โรงพยาบาลหาดใหญ่
“คุณพ่อเป็นคนที่รักครอบครัวและขยันทำงานมาก พอไม่สบายจึงห่วงการเรียนของลูกอีก 3 คนที่กำลังเรียนอยู่ และท่านก็ตั้งใจให้ลูกทุกคนได้รับการศึกษาสูงสุด โดยคนที่ 2 กำลังจะเรียนจบปริญญาตรีที่ม.หอการค้าในปีนี้ และมีโครงการจะเรียนต่อปริญญาโท ส่วนน้องคนที่ 3 ก็วางแผนจะเข้ามหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ ท่านก็เลยเปรยๆ ว่าถ้าแข็งแรงอยู่คงสามารถหาเงินได้บ้าง แต่ไม่ว่าเหตุการณ์ข้างหน้าจะเป็นอย่างไรพวกเราก็จะทำสิ่งที่คุณพ่อตั้งใจไว้ให้ได้” นางสาวจริยากล่าว
นางสาวจริยากล่าวอีกว่า รู้สึกเป็นห่วงอาการบาดเจ็บของขาทั้งสองข้างของพ่อ เนื่องจากขาข้างขวาต้องตัดทิ้งจึงต้องมีการใส่ขาเทียม ซึ่งต้องรออีกประมาณ 3 เดือนให้แผลหายสนิท ส่วนขาข้างซ้ายซึ่งกระดูกหายไป 1 ชิ้น ทีมแพทย์โรงพยาบาลหาดใหญ่ได้ติดต่อกับโรงพยาบาลศิริราชเพื่อนำกระดูกมาใส่แทน ซึ่งหากไม่มีคงต้องหาวัสดุอื่นมาดามขาแทนเพื่อให้ใช้การได้ แต่ต้องมีการทำกายภาพบำบัดซึ่งต้องใช้เวลาอีกประมาณ 6 เดือน
สำหรับความช่วยเหลือนั้นทราบว่าทางการท่าอากาศยานหาดใหญ่ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมด นอกจากนี้การทางท่าอากาศยานหาดใหญ่ได้ทาบทามให้ตนและน้องสาวคนที่ 2 เข้าทำงานที่นั่นด้วยหากมีความสนใจ