ปัตตานี-กอ.สสส.จชต.ทุ่มงบประมาณ 15 ล้านบาท จับมือ ศธ.นำเยาวชนทั้งศาสนาพุทธและอิสลาม 1,750 คน จาก 7 เขตพื้นที่การศึกษาในปัตตานี ยะลา นราธิวาส และบางส่วนสงขลา เข้าค่ายสานสัมพันธ์ พัฒนาการศึกษา ฝึกอาชีพ แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม แก้ปัญหาใต้
นายสุนันท์ เทพศรี ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงาน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กระทรวงศึกษาธิการ (ผอ.ศปง.3จชต.) เปิดเผยว่า จากนโยบายของรัฐบาลในการเพิ่มโอกาสทางการศึกษาและพัฒนาบุคลากรทางการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ โดย สพท.ปัตตานี เขต 1 เขต 2 สพท.ยะลา เขต 1 เขต 2 สพท.นราธิวาส เขต 1 เขต 2 และ สพท.สงขลา เขต 3 จึงขอจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาลโดยกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ 15 ล้านบาท ดำเนินโครงการ “ค่ายเยาวชน เรียนรู้ เสริมสร้างสัมพันธ์ ช่วงปิดภาคเรียน สำหรับเด็กและเยาวชนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และบางส่วนของจังหวัดสงขลา”
โดยจัดสรรงบประมาณให้กับ 7 เขตการศึกษาเขตละ 2 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายในการนำนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในสังกัดของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนเอกชนสอนศาสนา และสถาบันปอเนาะ จำนวน 1,750 คน จาก 7 เขตพื้นที่การศึกษาใน 4 จังหวัด เขตละ 250 คน ซึ่งมีสัดส่วนเป็นเด็กนักเรียน เยาวชนที่นับถือศาสนาอิสลามและศาสนาพุทธอย่างละครึ่ง
“เป้าหมายหลักคือการมาอยู่ร่วมกันและได้ความรู้จากกิจกรรมทางด้านวิชาการต่าง ๆ ที่เด็ก เยาวชน 1,750 คน จะได้รับจากการเข้าร่วมค่ายในครั้งนี้ สิ่งหนึ่งที่สำคัญคือเยาวชนซึ่งมาจากต่างพื้นที่ ต่างศาสนาจะได้อยู่ร่วมกัน ได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ความคิด และสร้างความเข้าใจกัน เพราะเราเปิดโอกาสให้ทั้งเด็กนักเรียนพุทธและเด็กนักเรียนมุสลิมเข้าร่วมกิจกรรมค่ายครั้งนี้ในส่วนครึ่งต่อครึ่งก็จะได้เรียนรู้วิถีชีวิตร่วมกัน ผ่านกิจกรรม และการทัศนศึกษาไปยังสถานที่ต่าง ๆ ดูงาน ดูสถานที่ต่าง ๆ ที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม”
นายสุนันท์ กล่าวว่า ค่ายเยาวชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ดังกล่าวจะจัดขึ้นที่โรงเรียนในจังหวัดปัตตานี ระยะเวลา 20 วัน ในวันที่ 7 เมษายน - 10 พฤษภาคมนี้ ประกอบด้วย 3 กิจกรรมหลัก คือ
1.กิจกรรมเสริมสร้างความรู้ ความสามารถด้านคอมพิวเตอร์ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ด้านภาษาและการสื่อสาร โดยนำอุปกรณ์เครื่องมือของจริงมาให้เด็กได้ทดลองใช้ และมีครูสอนภาษาอังกฤษที่เป็นชาวต่างประเทศจริงมาเป็นผู้สอน
2 กิจกรรมการฝึกทักษะวิชาชีพหลายรูปแบบที่สอดคล้องกับความต้องการของท้องถิ่น เช่น สอนการทำชาชัก-โรตีกรอบ แกะสลักกระจกเงา-เพนท์แก้ว การทำผ้าบาติก การเขียนภาพสีน้ำ ศิลปะการพับผ้า การทำขนมไทย ปักผ้าคลุมสตรีมุสลิม การถนอมอาหาร/แปรรูปอาหาร และการทำของที่ระลึกจากผ้าพื้นเมือง
และ 3.กิจกรรมทัศนศึกษาเพื่อฝึกให้เด็กรู้จักคิด รู้จักตัดสินใจ เพื่อจะได้แสดงออกอย่างเหมาะสมไม่ขัดต่อหลักศีลธรรม จริยธรรม ค่านิยมอันดีงามตามหลักศาสนาและกฎหมายของประเทศ รวมทั้งการรู้สึกรักและหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติของท้องถิ่น
สำหรับผลที่คาดว่าจะได้รับในครั้งนี้ นายสุนันท์ กล่าวว่า สามารถนำไปใช้ในวิถีชีวิตจริงได้ เพราะเยาวชนซึ่งมาจากต่างพื้นที่ต่างศาสนาจะได้อยู่ร่วมกัน ได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ความคิด และสร้างความเข้าใจกัน อันเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ได้ในอนาคต ได้รับเบี้ยเลี้ยงทั้ง 1,750 คน ที่ร่วมเข้าค่าย ซึ่งอาจจะได้รับคนละประมาณ 2,000-3,000 บาทต่อคน จึงถือเป็นโอกาสดีที่เด็กนักเรียนเยาวชนจะได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ในช่วงปิดเทอม เงินดังกล่าวจะได้เก็บไว้ใช้จ่ายเป็นทุกการศึกษาต่อไป
นายสุนันท์ เทพศรี ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงาน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กระทรวงศึกษาธิการ (ผอ.ศปง.3จชต.) เปิดเผยว่า จากนโยบายของรัฐบาลในการเพิ่มโอกาสทางการศึกษาและพัฒนาบุคลากรทางการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ โดย สพท.ปัตตานี เขต 1 เขต 2 สพท.ยะลา เขต 1 เขต 2 สพท.นราธิวาส เขต 1 เขต 2 และ สพท.สงขลา เขต 3 จึงขอจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาลโดยกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ 15 ล้านบาท ดำเนินโครงการ “ค่ายเยาวชน เรียนรู้ เสริมสร้างสัมพันธ์ ช่วงปิดภาคเรียน สำหรับเด็กและเยาวชนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และบางส่วนของจังหวัดสงขลา”
โดยจัดสรรงบประมาณให้กับ 7 เขตการศึกษาเขตละ 2 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายในการนำนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในสังกัดของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนเอกชนสอนศาสนา และสถาบันปอเนาะ จำนวน 1,750 คน จาก 7 เขตพื้นที่การศึกษาใน 4 จังหวัด เขตละ 250 คน ซึ่งมีสัดส่วนเป็นเด็กนักเรียน เยาวชนที่นับถือศาสนาอิสลามและศาสนาพุทธอย่างละครึ่ง
“เป้าหมายหลักคือการมาอยู่ร่วมกันและได้ความรู้จากกิจกรรมทางด้านวิชาการต่าง ๆ ที่เด็ก เยาวชน 1,750 คน จะได้รับจากการเข้าร่วมค่ายในครั้งนี้ สิ่งหนึ่งที่สำคัญคือเยาวชนซึ่งมาจากต่างพื้นที่ ต่างศาสนาจะได้อยู่ร่วมกัน ได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ความคิด และสร้างความเข้าใจกัน เพราะเราเปิดโอกาสให้ทั้งเด็กนักเรียนพุทธและเด็กนักเรียนมุสลิมเข้าร่วมกิจกรรมค่ายครั้งนี้ในส่วนครึ่งต่อครึ่งก็จะได้เรียนรู้วิถีชีวิตร่วมกัน ผ่านกิจกรรม และการทัศนศึกษาไปยังสถานที่ต่าง ๆ ดูงาน ดูสถานที่ต่าง ๆ ที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม”
นายสุนันท์ กล่าวว่า ค่ายเยาวชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ดังกล่าวจะจัดขึ้นที่โรงเรียนในจังหวัดปัตตานี ระยะเวลา 20 วัน ในวันที่ 7 เมษายน - 10 พฤษภาคมนี้ ประกอบด้วย 3 กิจกรรมหลัก คือ
1.กิจกรรมเสริมสร้างความรู้ ความสามารถด้านคอมพิวเตอร์ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ด้านภาษาและการสื่อสาร โดยนำอุปกรณ์เครื่องมือของจริงมาให้เด็กได้ทดลองใช้ และมีครูสอนภาษาอังกฤษที่เป็นชาวต่างประเทศจริงมาเป็นผู้สอน
2 กิจกรรมการฝึกทักษะวิชาชีพหลายรูปแบบที่สอดคล้องกับความต้องการของท้องถิ่น เช่น สอนการทำชาชัก-โรตีกรอบ แกะสลักกระจกเงา-เพนท์แก้ว การทำผ้าบาติก การเขียนภาพสีน้ำ ศิลปะการพับผ้า การทำขนมไทย ปักผ้าคลุมสตรีมุสลิม การถนอมอาหาร/แปรรูปอาหาร และการทำของที่ระลึกจากผ้าพื้นเมือง
และ 3.กิจกรรมทัศนศึกษาเพื่อฝึกให้เด็กรู้จักคิด รู้จักตัดสินใจ เพื่อจะได้แสดงออกอย่างเหมาะสมไม่ขัดต่อหลักศีลธรรม จริยธรรม ค่านิยมอันดีงามตามหลักศาสนาและกฎหมายของประเทศ รวมทั้งการรู้สึกรักและหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติของท้องถิ่น
สำหรับผลที่คาดว่าจะได้รับในครั้งนี้ นายสุนันท์ กล่าวว่า สามารถนำไปใช้ในวิถีชีวิตจริงได้ เพราะเยาวชนซึ่งมาจากต่างพื้นที่ต่างศาสนาจะได้อยู่ร่วมกัน ได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ความคิด และสร้างความเข้าใจกัน อันเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ได้ในอนาคต ได้รับเบี้ยเลี้ยงทั้ง 1,750 คน ที่ร่วมเข้าค่าย ซึ่งอาจจะได้รับคนละประมาณ 2,000-3,000 บาทต่อคน จึงถือเป็นโอกาสดีที่เด็กนักเรียนเยาวชนจะได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ในช่วงปิดเทอม เงินดังกล่าวจะได้เก็บไว้ใช้จ่ายเป็นทุกการศึกษาต่อไป