ศูนย์ข่าวภูเก็ต-ตำรวจเกาะยาว เร่งสอบปากคำพยานในเหตุการณ์เรือรุ่งโรจน์ล่ม มีผู้เสียชีวิต 10 คนเพื่อดำเนินคดีกับ 2 พ่อลูกใน 2 ข้อหา“ขับเรือโดยประมาท ทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต และเป็นผู้ควบคุมเรือโดยสารเกินน้ำหนักที่แจ้งในใบอนุญา”
พ.ต.อ.วีระศิลป์ ขวัญเซ่ง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับผู้ขับเรือและเจ้าของเรือรุ่งโรจน์ ที่ล่มกลางทะเลระหว่างท่าเทียบเรือบางโรง จังหวัดภูเก็ต และเกาะยาว จังหวัดพังงา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 10 คนและได้รับบาดเจ็บจำนวนมากกว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาดำเนินคดีกับนายดล เริงสมุทร และนายวรากร เริงสมุทร 2 พ่อลูกเจ้าของและคนขับเรือแล้วในข้อหาร่วมกันกระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ และข้อหาเป็นผู้ควบคุมเรือบรรทุกโดยสารเกินกว่าน้ำหนักที่แจ้งในใบอนุญาต
ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการสอบปากคำเจ้าของเรือและคนขับเรือไปแล้วแต่ทั้ง 2 ให้การปฏิเสธโดยให้การว่า ตนบรรทุกเกินกว่าน้ำหนักที่กำหนดและแจ้งไว้ในใบอนุญาตจริง แต่ขณะที่เกิดเหตุเกิดลมพายุจนเป็นเหตุให้เรือล่ม ไม่ได้เกิดจากความประมาท
พ.ต.อ.วีรศิลป์ กล่าวต่อว่า การดำเนินคดีกับคนขับเรือและเจ้าของเรือนั้นจะต้องสอบปากคำพยานทุกปากที่โดยสารมากับเรือรุ่งโจน์ แต่อาจจะล่าช้าบ้าง เนื่องจากขณะนี้ผู้โดยสารส่วนใหญ่ยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ไม่สะดวกที่จะให้ปากคำ ส่วนคนที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยได้เรียกมาสอบปากคำแล้ว
ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้ต้องรอสอบสวนผู้ที่อยู่โรงพยาบาลจนกว่าจะครบทุกปาก หากแล้วเสร็จเมื่อไรจะรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนัดวันส่งสำนวนให้อัยการพิจารณาดำเนินคดีในขั้นตอนต่อไป
พ.ต.อ.วีระศิลป์ ขวัญเซ่ง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับผู้ขับเรือและเจ้าของเรือรุ่งโรจน์ ที่ล่มกลางทะเลระหว่างท่าเทียบเรือบางโรง จังหวัดภูเก็ต และเกาะยาว จังหวัดพังงา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 10 คนและได้รับบาดเจ็บจำนวนมากกว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาดำเนินคดีกับนายดล เริงสมุทร และนายวรากร เริงสมุทร 2 พ่อลูกเจ้าของและคนขับเรือแล้วในข้อหาร่วมกันกระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ และข้อหาเป็นผู้ควบคุมเรือบรรทุกโดยสารเกินกว่าน้ำหนักที่แจ้งในใบอนุญาต
ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการสอบปากคำเจ้าของเรือและคนขับเรือไปแล้วแต่ทั้ง 2 ให้การปฏิเสธโดยให้การว่า ตนบรรทุกเกินกว่าน้ำหนักที่กำหนดและแจ้งไว้ในใบอนุญาตจริง แต่ขณะที่เกิดเหตุเกิดลมพายุจนเป็นเหตุให้เรือล่ม ไม่ได้เกิดจากความประมาท
พ.ต.อ.วีรศิลป์ กล่าวต่อว่า การดำเนินคดีกับคนขับเรือและเจ้าของเรือนั้นจะต้องสอบปากคำพยานทุกปากที่โดยสารมากับเรือรุ่งโจน์ แต่อาจจะล่าช้าบ้าง เนื่องจากขณะนี้ผู้โดยสารส่วนใหญ่ยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ไม่สะดวกที่จะให้ปากคำ ส่วนคนที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยได้เรียกมาสอบปากคำแล้ว
ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้ต้องรอสอบสวนผู้ที่อยู่โรงพยาบาลจนกว่าจะครบทุกปาก หากแล้วเสร็จเมื่อไรจะรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนัดวันส่งสำนวนให้อัยการพิจารณาดำเนินคดีในขั้นตอนต่อไป