ชุมพร-อากาศร้อนจัดส่งผลเกิดปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสีในทะเลอ่าวไทยในพื้นที่ชุมพร-ประจวบคีรีขันธ์ เผยพบ “แมงกะพรุนมีพิษ”เพียบ เตือนชาวประมง และนักท่องเที่ยวให้ระวังอันตราย
นายสุภาพ ศรีทรัพย์ เลขานุการสมาคมเพื่อนสิ่งแวดล้อมชุมพร เปิดเผยว่า จากปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสี เกือบตลอดแนวชายหาดของพื้นที่ จ.ชุมพร ทำให้มีปลาตายจำนวนมากในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น
ขณะนี้จากข้อมูลศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลางได้ออกสำรวจทะเลอ่าวไทยบริเวณเกาะง่าม พื้นที่ อ.ปะทิว จ.ชุมพร ยังคงพบแพลงตอนชนิด Noctiluca มีความหนาแน่นจากผิวน้ำลึกลงไปใต้ทะเล 1- 2 เมตร ห่างจากฝั่งประมาณ 20 กิโลเมตร พบเป็นแนวยาวกว่า 100 กิโลเมตร จากพื้นที่ จ.ชุมพรไปจนถึง อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
สำหรับแพลงตอนดังกล่าวไม่เป็นพิษหรือเป็นอันตรายต่อมนุษย์ แต่จะทำให้เกิดปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสี หรือปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ เมื่อเข้าใกล้ฝั่งจะมีความหนาแน่นสูง ทำให้น้ำขาดออกซิเจน เป็นเหตุให้ปลาที่อาศัยอยู่ตามแนวปะการังน้ำตื้นตายเป็นจำนวนมาก แต่จะไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์
อย่างไรก็ตาม จากการออกตรวจสอบทะเลอ่าวไทยบริเวณดังกล่าวพบว่ามีแมงกะพรุนชนิดต่างๆ ลอยอยู่จำนวนมาก โดยเฉพาะแมงกะพรุนหนังที่สามารถบริโภคได้ ชาวประมงจะใช้สวิงตักเพื่อจับนำไปขายให้กับโรงงานแปรรูป นอกจากนั้นยังมีแมงกะพรุนไฟ และแมงกะพรุนไส้ไก่รวมอยู่ด้วย ซึ่งทั้ง 2 ชนิดนั้น เป็นแมงกะพรุนมีพิษ แม้จะถูกคลื่นซัดขึ้นเกยหาดก็ยังมีพิษอยู่ หากถูกตัวจะทำให้ผิวหนังมีอาการปวดแสบ ปวดร้อน ตกเลือด เกิดอาการชา ปวดท้อง จุกเสียด แน่นหน้าอก และเป็นไข้ บางคนแพ้อาจเกิดอาการชัก หมดสติ และเสียชีวิตได้
นายสุภาพ กล่าวว่า จากปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสีดังกล่าวและมีแมงกะพรุนชนิดต่างๆ จำนวนมากบริเวณอ่าวไทยพื้นที่ จ.ชุมพร และ จ.ประจวบคีรีขันธ์นั้น เพราะเป็นช่วงของฤดูร้อน ซึ่งปีนี้สภาพอากาศร้อนจัดมาก ทำให้แพลงตอนและแมงกะพรุน มีการแบ่งตัวขยายเซลและขยายพันธุ์ได้รวดเร็วในสภาพอากาศที่มีแสงแดดจ้าและร้อนจัด จากนั้น 1-2 สัปดาห์ก็จะตายและลดปริมาณลง ทั้งนี้จะเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละพื้นที่ด้วย
“ขณะนี้นายวุฒิชัย เจนการ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลางได้นำข้อมูลรายงานต่อนายอานนท์ มนัสวานิช ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ทราบแล้ว เพื่อได้แจ้งเตือนไปยังประชาชน อย่าได้สูบน้ำทะเลบริเวณดังกล่าวไปใช้ในการประมง รวมทั้งนักท่องเที่ยวควรหลีกเลี่ยงอย่าให้ร่างกายสัมผัสกับแมงกะพรุนทั้ง 2 ชนิดด้วย” เลขานุการสมาคมเพื่อนสิ่งแวดล้อมชุมพรกล่าว