แถลงการณ์สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องสถานการณ์แผ่นดินไหวในจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียง 5 จังหวัด
โดยที่ปรากฎว่าได้เกิดแผ่นดินไหวในบริเวณเกาะสุมาตรา เป็นเหตุให้เกิดคลื่นยักษ์ขึ้นอย่างฉับพลันเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 26ธ.ค.ที่ จ.ภูเก็ต และพื้นที่ใกล้เคียงอีก 5 จังหวัด คือ จ.กระบี่ พังงา ระนอง ตรัง และสตูล ก่อให้เกิดสาธารณภัยอันเป็นเหตุให้ประชาชนจำนวนมากสูญเสียชีวิต และสูญหาย ซึ่งยังไม่ทราบจำนวนที่แน่นอน รวมทั้งเกิดความเสียหายแก่ท่าเรือ ถนนหนทาง และอาคารบ้านเรือนจำนวนมาก ยังประมาณความเสียหายมิได้ ความเสียหายดังกล่าวเกิดจากเหตุสุดวิสัย ซึ่งไม่มีผู้ใดคาดหมายได้
รัฐบาลจึงขอแสดงความเสียใจมายังญาติพี่น้องของผู้สูญเสียทั้งหลาย และขอให้ความมั่นใจแก่ประชาชนว่า รัฐบาลจะกู้สถานการณ์ให้กลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด เพื่อให้การบรรเทาสาธารณภัยเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ทันการณ์ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบได้เดินทางไปอำนวยการบรรเทาสาธารณภัยด้วยตนเองแล้ว
อนึ่ง เพื่อให้การบรรเทาสาธารณภัยดังกล่าวเป็นไปอย่างเรียบร้อย และราบรื่นรัฐบาลใคร่ขอความร่วมมือจากประชาชนดังต่อไปนี้
1.ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าไปในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบโดยไม่จำเป็น เพราะจะเป็นการกีดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่กำลังให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย
2.ขอให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดที่ได้รับความเสียหายและจังหวัดใกล้เคียงให้ความร่วมมือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งราชอาณาจักร และผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 6 จังหวัด ในฐานะผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนจังหวัด รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของทางราชการ ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน พ.ศ. 2522 ที่จะดำเนินการดังต่อไปนี้
1.สั่งข้าราชฝ่ายพลเรือน และบุคคลให้ปฏิบัติการอย่างใดๆ เพื่อบรรเทาอันตราย หรือความเสียหาย รวมทั้งสั่งให้บุคคลใดๆ เข้าช่วยเหลือทางราชการในการบรรเทาสาธารณภัยได้
2.สั่งใช้สถานที่ วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ และเครื่องใช้ ยานพาหนะ เครื่องมือสื่อสารทุกระบบของทางราชการ หน่วยงานราชรัฐ หรือเอกชนในเขตพื้นที่
3.สั่งห้ามเข้าบริเวณหรือสถานที่ที่กำหนด รวมทั้งอพยพประชาชนส่วนราชการและหน่วยงานทั้งหลายออกจากพื้นที่อันตราย หรือกีดขวางต่อการปฏิบัตการของเจ้าหน้าที่
4.ดัดแปลง ทำลายสิ่งก่อสร้าง วัสดุหรือทรัพย์สิน รวมทั้งเคลื่อนย้ายวัสดุหรือทรัพย์สิน ทั้งนี้ ผู้ฝ่าฝืนคำสั่งและการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่จะมีความผิดต้องรับโทษตามกฎหมาย ในกรณีที่ผู้ที่เจ้าหน้าที่ขอให้ช่วยปฏิบัติการเป็นลูกจ้าง นายจ้าง จะงดจ่ายค่าจ้าง ลดค่าจ้าง เลิกจ้าง ลงโทษ หรือขัดขวางการทำงานในหน้าที่ของลูกจ้าง ที่ได้รับการร้องขอไม่ได้ มิฉะนั้น จะมีความผิดและต้องรับโทษ
อนึ่ง เจ้าหน้าที่หรือบุคคล ซึ่งได้รับคำสั่งให้ช่วยเหลือในการ บรรเทาสาธารณภัยมีสิทธิได้รับการสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยการสงเคราะห์ผู้ประสบภัย เนื่องจากการช่วยเหลือราชการ การปฏิบัติงานของชาติ หรือการปฏิบัติตามหน้าที่มนุษยธรรม
รัฐบาลหวังว่า ประชาชนในเขตพื้นที่ที่ประสบภัยจะเข้าใจถึงความจำเป็นในการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ และให้ความร่วมมือด้วยดี โดยรัฐบาลได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้ใช้อำนาจตามกฎหมายเท่าที่จำเป็นและเหมาะสมแก่สถานการณ์ เพื่อให้การบรรเทาสาธารณภัยที่ไม่มีผู้ใดอยากให้เกิดขึ้น เป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวดเร็ว มีประสิทธิภาพอันจะยังให้สถานการณ์กลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด
อนึ่ง ประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ ที่ประสงค์จะร่วมแรงร่วมใจกันช่วยบรรเทาสาธารณภัยและให้กำลังใจแก่ผู้ประสบภัย อาจติดต่อขอบริจาคเงินและทรัพย์สินผ่านกองทุนผู้ประสบสาธารณภัย สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่อไป
รัฐบาลเชื่อมั่นว่า ความร่วมมือร่วมใจของคนไทยทั้งชาติจะช่วยกู้สถานการณ์ที่เลวร้ายให้ผ่อนคลายลงและหมดไปอย่างรวดเร็วในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้แน่นอน และรัฐบาลจะได้แถลงให้ประชาชนทราบสถานการณ์เป็นระยะๆ ต่อไป
จึงแถลงมาให้ทราบโดยทั่วกัน
สำนักนายกรัฐมนตรี
26 ธันวาคม 2547
โดยที่ปรากฎว่าได้เกิดแผ่นดินไหวในบริเวณเกาะสุมาตรา เป็นเหตุให้เกิดคลื่นยักษ์ขึ้นอย่างฉับพลันเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 26ธ.ค.ที่ จ.ภูเก็ต และพื้นที่ใกล้เคียงอีก 5 จังหวัด คือ จ.กระบี่ พังงา ระนอง ตรัง และสตูล ก่อให้เกิดสาธารณภัยอันเป็นเหตุให้ประชาชนจำนวนมากสูญเสียชีวิต และสูญหาย ซึ่งยังไม่ทราบจำนวนที่แน่นอน รวมทั้งเกิดความเสียหายแก่ท่าเรือ ถนนหนทาง และอาคารบ้านเรือนจำนวนมาก ยังประมาณความเสียหายมิได้ ความเสียหายดังกล่าวเกิดจากเหตุสุดวิสัย ซึ่งไม่มีผู้ใดคาดหมายได้
รัฐบาลจึงขอแสดงความเสียใจมายังญาติพี่น้องของผู้สูญเสียทั้งหลาย และขอให้ความมั่นใจแก่ประชาชนว่า รัฐบาลจะกู้สถานการณ์ให้กลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด เพื่อให้การบรรเทาสาธารณภัยเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ทันการณ์ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบได้เดินทางไปอำนวยการบรรเทาสาธารณภัยด้วยตนเองแล้ว
อนึ่ง เพื่อให้การบรรเทาสาธารณภัยดังกล่าวเป็นไปอย่างเรียบร้อย และราบรื่นรัฐบาลใคร่ขอความร่วมมือจากประชาชนดังต่อไปนี้
1.ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าไปในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบโดยไม่จำเป็น เพราะจะเป็นการกีดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่กำลังให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย
2.ขอให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดที่ได้รับความเสียหายและจังหวัดใกล้เคียงให้ความร่วมมือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งราชอาณาจักร และผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 6 จังหวัด ในฐานะผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนจังหวัด รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของทางราชการ ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน พ.ศ. 2522 ที่จะดำเนินการดังต่อไปนี้
1.สั่งข้าราชฝ่ายพลเรือน และบุคคลให้ปฏิบัติการอย่างใดๆ เพื่อบรรเทาอันตราย หรือความเสียหาย รวมทั้งสั่งให้บุคคลใดๆ เข้าช่วยเหลือทางราชการในการบรรเทาสาธารณภัยได้
2.สั่งใช้สถานที่ วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ และเครื่องใช้ ยานพาหนะ เครื่องมือสื่อสารทุกระบบของทางราชการ หน่วยงานราชรัฐ หรือเอกชนในเขตพื้นที่
3.สั่งห้ามเข้าบริเวณหรือสถานที่ที่กำหนด รวมทั้งอพยพประชาชนส่วนราชการและหน่วยงานทั้งหลายออกจากพื้นที่อันตราย หรือกีดขวางต่อการปฏิบัตการของเจ้าหน้าที่
4.ดัดแปลง ทำลายสิ่งก่อสร้าง วัสดุหรือทรัพย์สิน รวมทั้งเคลื่อนย้ายวัสดุหรือทรัพย์สิน ทั้งนี้ ผู้ฝ่าฝืนคำสั่งและการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่จะมีความผิดต้องรับโทษตามกฎหมาย ในกรณีที่ผู้ที่เจ้าหน้าที่ขอให้ช่วยปฏิบัติการเป็นลูกจ้าง นายจ้าง จะงดจ่ายค่าจ้าง ลดค่าจ้าง เลิกจ้าง ลงโทษ หรือขัดขวางการทำงานในหน้าที่ของลูกจ้าง ที่ได้รับการร้องขอไม่ได้ มิฉะนั้น จะมีความผิดและต้องรับโทษ
อนึ่ง เจ้าหน้าที่หรือบุคคล ซึ่งได้รับคำสั่งให้ช่วยเหลือในการ บรรเทาสาธารณภัยมีสิทธิได้รับการสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยการสงเคราะห์ผู้ประสบภัย เนื่องจากการช่วยเหลือราชการ การปฏิบัติงานของชาติ หรือการปฏิบัติตามหน้าที่มนุษยธรรม
รัฐบาลหวังว่า ประชาชนในเขตพื้นที่ที่ประสบภัยจะเข้าใจถึงความจำเป็นในการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ และให้ความร่วมมือด้วยดี โดยรัฐบาลได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้ใช้อำนาจตามกฎหมายเท่าที่จำเป็นและเหมาะสมแก่สถานการณ์ เพื่อให้การบรรเทาสาธารณภัยที่ไม่มีผู้ใดอยากให้เกิดขึ้น เป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวดเร็ว มีประสิทธิภาพอันจะยังให้สถานการณ์กลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด
อนึ่ง ประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ ที่ประสงค์จะร่วมแรงร่วมใจกันช่วยบรรเทาสาธารณภัยและให้กำลังใจแก่ผู้ประสบภัย อาจติดต่อขอบริจาคเงินและทรัพย์สินผ่านกองทุนผู้ประสบสาธารณภัย สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่อไป
รัฐบาลเชื่อมั่นว่า ความร่วมมือร่วมใจของคนไทยทั้งชาติจะช่วยกู้สถานการณ์ที่เลวร้ายให้ผ่อนคลายลงและหมดไปอย่างรวดเร็วในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้แน่นอน และรัฐบาลจะได้แถลงให้ประชาชนทราบสถานการณ์เป็นระยะๆ ต่อไป
จึงแถลงมาให้ทราบโดยทั่วกัน
สำนักนายกรัฐมนตรี
26 ธันวาคม 2547