ศูนย์ข่าวภาคใต้-บรรยากาศวันหยุดช่วงเทศกาลฮารีรายอในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เงียบเหงา เนื่องจากนักท่องเที่ยวมาเลเซียส่วนใหญ่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวยังอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาแทน ผู้อำนวยการ ททท.เขต 1 คาดเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 400-500 ล้านบาท ด้านด่านชายแดนสุไหง-โกลก เจ้าหน้าที่ตรวจตราเข้มงวดตลอด 24 ชั่วโมง
บรรยากาศช่วงวันหยุดเทศกาลฮารีรายอในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เป็นไปอย่างเงียบเหงา เนื่องจากนักท่องเที่ยวจากประเทศมาเลเซียต่างเดินทางข้ามไปท่องเที่ยวจับจ่ายซื้อของที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาแทนส่งผลให้บรรยากาศโดยทั่วไปที่อำเภอหาดใหญ่ วันนี้ (15 พ.ย.) คึกคัก
โดยส่วนใหญ่ผ่านเข้ามาทางด้านด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา เนื่องจากบริเวณด่านศุลกากรสุไหง-โกลก อำเภอสุไหง-โกลก จังหวัดนราธิวาส เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร พร้อมกับชุดตำรวจตระเวนชายแดนได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มงวด ตรวจสอบผู้ที่เดินทางผ่านเข้า-ออกบริเวณด่าน ตลอด 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้ เพื่อสกัดกั้นกลุ่มก่อการร้ายที่อาจแฝงตัวเข้ามา โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบถามผู้จะเดินทางข้ามมายังฝั่งไทย หากว่าไม่มีความจำเป็นเท่าที่ควรก็ห้ามเข้าทันที ทำให้นักท่องเที่ยวไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควรส่งผลให้สถานประกอบการบันเทิง โรงแรม แหล่งซื้อของต่าง ๆ ในพื้นที่อำเภอสุไหง-โกลก เงียบเหงาและเริ่มทยอยปิดให้บริการไปบางส่วนแล้ว
ในส่วนของชาวไทยมุสลิมเองที่ประสงค์จะเดินทางข้ามไปยังฝั่งประเทศมาเลเซียเองต้องมีเอกสารการเดินทางแสดงต่อเจ้าหน้าที่ชัดเจน ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถเดินทางข้ามไปได้
นอกจากนั้นบริเวณแม่น้ำจุดต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเป็นเส้นทางลักลอบเข้า-ออก 2 ประเทศ ทางเจ้าหน้าที่ตรวจ ทหาร ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่เฝ้าตลอด 24 ชั่วโมงเช่นเดียวกัน เพื่อป้องกันประชาชนใช้เส้นทางดังกล่าวด้วย
ด้านนายสุเทพ เกื้อสังข์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้ เขต 1 กล่าวว่า ช่วงวันหยุดเทศกาลฮารีรายอที่มีนักท่องเที่ยวจากประเทศมาเลเซียเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมากนั้นคาดว่าจะมียอดเงิสะพัดจากการจับจ่ายของนักท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดสงขลา โดยเฉพาะที่อำเภอหาดใหญ่ประมาณ 400-500 ล้านบาท แต่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างทยอยเดินทางเข้ามาเรื่อยๆ นอกจากด่านปาดังเบซาร์แล้ว บริเวณด่านสะเดา ยังเป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่นักท่องเที่ยวใช้เดินทางเข้ามา
บรรยากาศช่วงวันหยุดเทศกาลฮารีรายอในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เป็นไปอย่างเงียบเหงา เนื่องจากนักท่องเที่ยวจากประเทศมาเลเซียต่างเดินทางข้ามไปท่องเที่ยวจับจ่ายซื้อของที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาแทนส่งผลให้บรรยากาศโดยทั่วไปที่อำเภอหาดใหญ่ วันนี้ (15 พ.ย.) คึกคัก
โดยส่วนใหญ่ผ่านเข้ามาทางด้านด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา เนื่องจากบริเวณด่านศุลกากรสุไหง-โกลก อำเภอสุไหง-โกลก จังหวัดนราธิวาส เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร พร้อมกับชุดตำรวจตระเวนชายแดนได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มงวด ตรวจสอบผู้ที่เดินทางผ่านเข้า-ออกบริเวณด่าน ตลอด 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้ เพื่อสกัดกั้นกลุ่มก่อการร้ายที่อาจแฝงตัวเข้ามา โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบถามผู้จะเดินทางข้ามมายังฝั่งไทย หากว่าไม่มีความจำเป็นเท่าที่ควรก็ห้ามเข้าทันที ทำให้นักท่องเที่ยวไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควรส่งผลให้สถานประกอบการบันเทิง โรงแรม แหล่งซื้อของต่าง ๆ ในพื้นที่อำเภอสุไหง-โกลก เงียบเหงาและเริ่มทยอยปิดให้บริการไปบางส่วนแล้ว
ในส่วนของชาวไทยมุสลิมเองที่ประสงค์จะเดินทางข้ามไปยังฝั่งประเทศมาเลเซียเองต้องมีเอกสารการเดินทางแสดงต่อเจ้าหน้าที่ชัดเจน ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถเดินทางข้ามไปได้
นอกจากนั้นบริเวณแม่น้ำจุดต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเป็นเส้นทางลักลอบเข้า-ออก 2 ประเทศ ทางเจ้าหน้าที่ตรวจ ทหาร ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่เฝ้าตลอด 24 ชั่วโมงเช่นเดียวกัน เพื่อป้องกันประชาชนใช้เส้นทางดังกล่าวด้วย
ด้านนายสุเทพ เกื้อสังข์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้ เขต 1 กล่าวว่า ช่วงวันหยุดเทศกาลฮารีรายอที่มีนักท่องเที่ยวจากประเทศมาเลเซียเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมากนั้นคาดว่าจะมียอดเงิสะพัดจากการจับจ่ายของนักท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดสงขลา โดยเฉพาะที่อำเภอหาดใหญ่ประมาณ 400-500 ล้านบาท แต่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างทยอยเดินทางเข้ามาเรื่อยๆ นอกจากด่านปาดังเบซาร์แล้ว บริเวณด่านสะเดา ยังเป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่นักท่องเที่ยวใช้เดินทางเข้ามา