ศูนย์ข่าวภูเก็ต-ไทย-จีนบรรลุข้อตกลงส่งออกผลไม้ระหว่างกัน ลงนามในพิธีสารข้อตกลงส่งออกผลไม้จากไทยไปจีนและจีนมาไทย ประเทศละ 5 ชนิด เพื่อขจัดปัญหาความล่าช้าในการส่งออกผลไม้ไทยไปจีนตามข้อตกลง FTA ให้เสร็จภายใน 1 วันโดยทางจีนจะไม่ตรวจสอบซ้ำอีกหากไทยรับรองมาตรฐานผลไม้ที่ส่งออกไปแล้ว โดยการจดทะเบียนสวนผู้ปลูก โรงคัดแยกและผู้ส่งออกให้ถูกต้องได้มาตรฐาน ส่วนผลไม้ที่เหลืออีก 18 ชนิดใช้ระบบการตรวจสอบแบบเดิมนำมาใช้หลังจากนี้ 6 เดือนคาดผลไม้ไทยไปจีนเพิ่มขึ้นอีก 20%
วานนี้ (29 ก.ค.) นายบรรพต หงษ์ทอง ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหัวหน้าผู้แทนฝ่ายไทย และนายเก้อ จื่อหลง ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงควบคุมคุณภาพและตรวจสอบกักกันโรคแห่งสาธารณรัฐจีน (AQSIQ) ได้ร่วมประชุมคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิคภายใต้ความร่วมมือด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 1 และได้ลงนามในพิธีสารข้อกำหนดการส่งออกผลไม้จากไทยไปจีนและจีนมาไทย ประเทศละ 5 ชนิด จากไทยได้แก่ ทุเรียน มะม่วง ลำไย ลิ้นจี่ มังคุด และจากจีนได้แก่ แอปเปิ้ล สาลี่ พุทธา องุ่นและส้ม ณ โรงแรมกะตะธานี จ.ภูเก็ต
โดยการลงนามพิธีสารครั้งนี้เป็นผลจากการดำเนินการเจรจาแก้ไขปัญหาค้าสินค้าเกษตรระหว่างไทย-จีน โดยสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรระหว่างไทย-จีน โดยสำนักงานมาตรฐานสินค้าและอาหารแห่งชาติ ซึ่งเดิมมีข้อกำหนดหลายประการ เช่น ทุเรียนและมะม่วงจำนวนสวนที่ส่งออก ซึ่งมีเพียง 8 สวนเท่านั้น แต่ในพิธีสารฉบับใหม่นี้ไม่ระบุจำนวนสวนที่สามารถส่งออกได้ โดยกำหนดให้เป็นส่วนที่จดทะเบียนไว้กับกรมวิชาการเกษตรเท่านั้น
นอกจากนี้ในพิธีสารฉบับใหม่กำหนดว่า มะม่วงที่ส่งออกจากประเทศไทยไปจีนไม่ต้องผ่านการกำจัดแมลงโดยการอบไอน้ำซึ่งมีต้นทุนสุงเท่านั้น เพียงแต่กำหนดให้ตรวจสอบรับรองว่ามะม่วงปลอดจากแมลงวันผลไม้ตามชนิดที่ระบุอย่างเข้มงวดก่อนการส่งออกเท่านั้น
ขณะเดียวกันการควบคุมการนำเข้าผลไม้ทั้ง 5 ชนิด จากจีนก็จะได้ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกันในการปฎิบัติการตรวจสอบและอนุญาตนำเข้า
นายบรรพต หงษ์ทอง ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังการการลงนามในพิธีสารข้อกำหนดการส่งออกผลไม้จากไทยไปจีนและจากจีนมาไทยว่า การประชุมร่วมกันระหว่างไทยกับจีนเกี่ยวกับเรื่องสุขอนามัยอาหารและผลไม้นั้น ได้มีการเจรจาลดปัญหาอุปสรรคต่างของการส่งผักผลไม้จากไทยไปจีนและจีนมาไทย ประเทศละ 5 ชนิดของไทย ซึ่งที่ประชุมได้ข้อสรุปว่าจะให้ความร่วมมือในการส่งออกและนำเข้าผลไม้ให้มีความรวดเร็วในการตรวจสอบคุณภาพของผลไม้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากสำหรับผู้ส่งออกผลไม้ไทยไปประเทศจีน และหากเกิดปัญหาการส่งออกผลไม้ทางไทยและจีนมีสายด่วนระหว่างกันในการโทรศัพท์เคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้น
ส่วนผลไม้ที่ไม่ได้อยู่ในข้อตกลงอีก 18 ชนิดนั้นจะดำเนินการตามข้อตกลงเดิมไปก่อน ทำให้ปัญหาการส่งผักผลไม้ของไทยไปจีนหมด เพราะจีนถือเป็นตลาดอันดับหนึ่งของผลไม้ไทยหลาย โดยตั้งแต่ไทยกับจีนมีการตกทำ FTA ระหว่างกัน ทำให้ผลไม้ไทยส่งออกไปจีนเพิ่มขึ้นประมาณ 50% และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นจากปัญหาการส่งออกผลไม้หลักๆของไทยไปจีนหมดไป และต่อไปทางไทยจะเปิดออนไลน์การตรวจสอบผลไม้กับทางจีนเพื่อเพิ่มความสะดวกให้มากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ทางฝ่ายไทยและจีนยังได้มีการหารือเรื่องการส่งออกไก่ต้มสุกของไทยไปยังประเทศจีน เหมือนกับที่ไทยส่งไก่สุกไปญี่ปุ่นและยุโรป ซึ่งทางจีนก็เข้าใจปัญหาเรื่องไก่ที่กำลังมีการแพร่ระบาดของไข้หวัดนก โดยทางจีนจะคณะทำงานเข้ามาตรวจสอบโรงงานของไทย เป็นการเปิดตลาดไก่สุกอีกตลาดหนึ่งของไทยในประเทศจีน รวมทั้งปัญหาเรื่องตะพาบน้ำและเนื้อจรเข้อีกด้วย
ขณะที่นายสมชาย ชาญณรงค์กุล รองผู้อำนวยการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ กล่าวว่า การลงนามในพิธีสารข้อกำหนดส่งออกผลไม้ไทยไปจีนและจีนมาไทยกับผลไม้ทั้ง 5 ชนิดของทั้งสองประเทศนั้นเป็นแก้ปัญหาความล่าช้าในการตรวจสอบผลไม้ของไทยไปจีนที่ที่ผ่านมามีปัญหาความล่าช้า เพราะจะต้องมีการตรวจสอบเสร็จภายใน 1 วัน โดยมีการตกลงร่วมกันที่จะต้องมีการตรวจสอบให้เร็วไม่ช้ำซ้อน โดยการจดทะเบียนสวนผู้ปลูกผลไม้ให้ถูกต้องกับทางกรมวิชาการเกษตร, มีการจดทะเบียนโรงคัดบรรจุผลไม้ และมีการจดทะเบียนผู้ส่งออกด้วย
ทั้งนี้ เพื่อให้สะดวกและรวดเร็วในการตรวจสอบ เพราะหากทางฝ่ายไทยมีการรับรองมาตรฐานผลไม้ที่ส่งออกไปทางฝ่ายจีนก็จะไม่ทำการตรวจสอบอีก และหากผลไม้ที่ส่งออกไปมีปัญหา ทำให้สามารถที่ตรวจสอบได้ถูกต้องว่าผลไม้ที่ส่งออกไปนั้นมาจากสวนใด โรงคัดแยกบรรจุใด และใครเป็นผู้ส่งออก เพื่อที่จะได้ดำเนินการยกเลิการส่งออกผลไม้กับสวน โรงคัดแยกและผู้ส่งออกรายนั้น ซึ่งจะไม่ทำให้ประเทศไทยเสียชื่อเสียงในการส่งออก
สำหรับข้อตกลงดังกล่าวจะนำมาใช้หลังจากลงนามฯในวันนี้ 6 เดือน ซึ่งประมาณกลางปีหน้าก็สามารถที่จะส่งออกผลไม้ไปจีนตามข้อตกลงดังกล่าว
ส่วนการส่งออกผลไม้ไทยไปจีนนั้น นายสมชาย กล่าวว่า ตั้งแต่ไทยเปิด FTA กับจีน ผลไม้ที่อยู่ในข้อตกลง FTA ไทยกับจีนนั้น มีการส่งออกไปแล้ว 9,000 กว่าล้านบาท และจีนส่งมาไทย 6,000 กว่าล้านบาท ไทยยังได้ดุลการค้าอยู่ประมาณ 3,000 ล้านบาท และคาดว่าภายหลังจากที่สามารถแก้ไขปัญหาการส่งออกผลไม้หลักทั้ง 5 ชนิดได้แล้วจะทำให้การส่งออกผลไม้จากไทยไปจีนไม่ต่ำกว่า 20%