ระนอง-ประมงพื้นบ้านระนองรวมตัวร้องจังหวัด กวดขันจับกุมเรืออวนรุน ที่ลักลอบทำประมงในเขต 3,000 เมตร
เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (1 ตุลาคม) กลุ่มประมงพื้นบ้าน บ้านหาดทรายดำ หมู่ที่ 5 ตำบลหงาว อำเภอเมือง จังหวัดระนอง ประมาณ 50 คน นำโดยนายไพบูลย์ สวาทนันท์ อายุ 39 ปี ได้เดินทางไปยังศาลากลางจังหวัดระนอง เพื่อยื่นข้อเรียกร้องให้ทางราชการดำเนินการกวดขัน จับกุมและดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด กับผู้ประกอบการประมงอวนรุน ที่ลักลอบเข้าทำประมงในเขตหวงห้าม 3,000 เมตร
พร้อมกับ ให้ริบอุปกรณ์ประมงของกลาง ที่ใช้กระทำความผิดด้วย โดยมีนายบัณฑิต รัตนสัมพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้รับเรื่องร้องเรียนและประชุมร่วมกับตัวแทนผู้ร้องเรียน
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาชาวบ้านได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ในการเฝ้าระวังและจับกุมเรือประมงอวนรุนที่ลักลอบเข้าไปทำประมงในเขตหวงห้ามหลายครั้ง แต่เมื่อคดีเสร็จสิ้นแล้วจะมีการคืนของกลางที่ใช้กระทำผิดทั้งหมดให้กับเจ้าของอีก ทำให้มีการนำไปกระทำความผิดซ้ำอีก
ทั้งนี้ ตามกฎหมายประมงความผิดการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ สามารถยึดอุปกรณ์หรือทรัพย์สิน ที่ใช้กระทำความผิดได้ เพื่อให้หลาบจำ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต้องปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพื่อให้เกิดความชัดเจนแก่ประชาชนในพื้นที่
นายบัณฑิต กล่าวว่า ต่อไปเจ้าหน้าที่จะเข้มงวดกวดขันกับเรืออวนรุน ที่กระทำผิดกฎหมายมากขึ้น และหากมีการจับกุมผู้กระทำผิด จะมีการสอบสวนอย่างละเอียดและรัดกุมมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งประสานไปยังชุดปราบปรามของกรมประมง และทัพเรือภาคที่ 3 ให้ส่งเรือเข้ามาลาดตระเวน ดูแลในพื้นที่ให้มากยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งหลังจากรับฟังคำชี้แจงแล้ว กลุ่มผู้เรียกร้องพอใจและได้แยกย้ายกันกลับในเวลา 15.00 น.
เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (1 ตุลาคม) กลุ่มประมงพื้นบ้าน บ้านหาดทรายดำ หมู่ที่ 5 ตำบลหงาว อำเภอเมือง จังหวัดระนอง ประมาณ 50 คน นำโดยนายไพบูลย์ สวาทนันท์ อายุ 39 ปี ได้เดินทางไปยังศาลากลางจังหวัดระนอง เพื่อยื่นข้อเรียกร้องให้ทางราชการดำเนินการกวดขัน จับกุมและดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด กับผู้ประกอบการประมงอวนรุน ที่ลักลอบเข้าทำประมงในเขตหวงห้าม 3,000 เมตร
พร้อมกับ ให้ริบอุปกรณ์ประมงของกลาง ที่ใช้กระทำความผิดด้วย โดยมีนายบัณฑิต รัตนสัมพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้รับเรื่องร้องเรียนและประชุมร่วมกับตัวแทนผู้ร้องเรียน
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาชาวบ้านได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ในการเฝ้าระวังและจับกุมเรือประมงอวนรุนที่ลักลอบเข้าไปทำประมงในเขตหวงห้ามหลายครั้ง แต่เมื่อคดีเสร็จสิ้นแล้วจะมีการคืนของกลางที่ใช้กระทำผิดทั้งหมดให้กับเจ้าของอีก ทำให้มีการนำไปกระทำความผิดซ้ำอีก
ทั้งนี้ ตามกฎหมายประมงความผิดการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ สามารถยึดอุปกรณ์หรือทรัพย์สิน ที่ใช้กระทำความผิดได้ เพื่อให้หลาบจำ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต้องปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพื่อให้เกิดความชัดเจนแก่ประชาชนในพื้นที่
นายบัณฑิต กล่าวว่า ต่อไปเจ้าหน้าที่จะเข้มงวดกวดขันกับเรืออวนรุน ที่กระทำผิดกฎหมายมากขึ้น และหากมีการจับกุมผู้กระทำผิด จะมีการสอบสวนอย่างละเอียดและรัดกุมมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งประสานไปยังชุดปราบปรามของกรมประมง และทัพเรือภาคที่ 3 ให้ส่งเรือเข้ามาลาดตระเวน ดูแลในพื้นที่ให้มากยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งหลังจากรับฟังคำชี้แจงแล้ว กลุ่มผู้เรียกร้องพอใจและได้แยกย้ายกันกลับในเวลา 15.00 น.