ศูนย์ข่าวภูเก็ต-อบจ.ภูเก็ต นำอาคารร้าง “ลัคกี้เอนเตอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์” มาปัดฝุ่นใหม่ให้เอกชนเชาพื้นที่อาคารเป็นระยะเวลา 25 ปี ทำเป็น “พลาซ่าปลอดภาษี”แห่งแรกของภูเก็ต คาดจะทำรายได้ให้กับ อบจ.รวม 350 ล้านบาท
นางอัญชลี วานิช เทพบุตร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ภูเก็ต เปิดเผยว่า จากนโยบายของรัฐบาลที่ให้กรมศุลกากรดำเนินการให้ภูเก็ตเป็นเมืองท่าปลอดภาษี โดยมีแผนงานในระยะแรกสนับสนุนให้เปิดร้านค้า เขตปลอดอากรร่วมกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและระยะยาวต้องการให้ทั้งจังหวัดเป็นเมืองท่าปลอดภาษีเต็มรูปแบบ เพื่อให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ เพิ่มอัตราการจับจ่ายใช้สอยเพื่อนำรายได้เข้าจังหวัดและประเทศมากขึ้น
โดยในส่วนของ อบจ.ภูเก็ตนั้นได้สนองนโยบายดังกล่าวโดยจะนำอาคารร้าง “ลัคกี้คอมเพล็กซ์” เดิมมาปรับปรุงเพื่อให้เป็นห้างสรรพสินค้าปลอดภาษีเต็มรูปแบบ ซึ่งขณะได้มีเอกชนสนใจที่จะดำเนินการในส่วนนี้แล้ว คือ “บริษัท ภมรกิจวิศวกรรม จำกัด” โดยนายรุ่งโรจน์ ภมรสุวรรณ ได้นำเสนอแผนการลงทุนเพื่อปรับปรุงอาคารดังกล่าวเป็น “ห้างสวัสดี ภูเก็ต ดิ้วตี้ฟรี ภูเก็ต”
นางอัญชลี กล่าวอีกว่า จากการพิจารณารายละเอียดที่ทางบริษัทนำเสนอ ทั้งในส่วนของความเป็นไปได้ และผลประโยชน์ที่จะได้รับ จึงได้นำเรื่องดังกล่าวเสนอญัตติขอความเห็นชอบจากสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ซึ่งก็ได้ให้ความเห็นชอบที่จะให้บริษัทดังกล่าวเข้าดำเนินการเป็นเวลา 25 ปีโดยไม่ต้องทำการเปิดประมูล แต่ให้ดูรายละเอียดเงื่อนไขของสัญญาให้ชัดเจนและต้องดำเนินการตามรายงานการวิเคราะห์ ซึ่งได้ว่าจ้างมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ทำการศึกษาเกี่ยวกับการลงทุนบริหารและปรับปรุงอาคารดังกล่าว ใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
รวมทั้งจะต้องมีการชำระค่าเช่าเดิม ซึ่งผู้เช่ารายเก่าค้างชำระในระหว่างปี 2542-2544 จนทำให้ต้องบอกเลิกสัญญาเช่า ตลอดจนจะต้องมีแหล่งเงินทุนที่เป็นหลักฐานชัดเจนไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท และจะต้องให้ค่าเช่าใหม่ที่ อบจ.ภูเก็ตได้ประโยชน์สูงสุดตามราคาประเมินที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในปัจจุบัน โดยต้องแบ่งพื้นที่ในห้างส่วนหนึ่งให้ อบจ.ใช้เพื่อจัดกิจกรรมส่งเสริมคุณภาพชีวิตและส่งเสริมผลิตภัณฑ์พื้นเมืองของภูเก็ต
นอกจากนั้นจะต้องสนับสนุนงบประมาณในการจัดทำมาสเตอร์แพลนการใช้พื้นที่บริเวณสะพานหิน ที่อยู่ในความดูแลของ อบจ. ภูเก็ต จำนวน 80 ไร่เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่สอดคล้องกันของพื้นที่บริเวณดังกล่าว
นางอัญชลี กล่าวว่า ในส่วนของสัญญาที่จะให้บริษัทดังกล่าวเข้าไปดำเนินการนั้นคาดว่าจะเริ่มในเดือนมกราคม 2548 แต่จะเริ่มในส่วนของการปรับปรุงอาคารสถานที่ก่อนโดยทางบริษัทจะจ่ายค่าเช่าให้กับ อบจ.ภูเก็ต เดือนละ 500,000 บาท ในปีที่ 1-3 และเพิ่มอัตราค่าเช่า 9% ทุก 3 ปี ทั้งนี้คาดว่า ตลอดระยะเวลา 25 ปี อบจ.จะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 350 ล้านบาท ถือเป็นค่าตออบแทนที่สูง ซึ่งจากเดิมหากให้เช่าปกติตามระเบียบราชการจะได้ค่าเช่าตลอดระยะเวลา 25 ปี เพียง 17 ล้านบาท
“สาเหตุที่เลือกให้กับบริษัทดังกล่าวโดยไม่มีการเปิดประมูลนั้นเนื่องจากหากมีการเปิดประมูลก็จะไม่สามารถกำหนดรายละเอียดต่างๆ ที่กล่าวมาแล้วได้ และเชื่อว่าจะไม่มีผู้ที่จะมาประมูลในขณะที่ทาง อบจ.เองต้องการผู้เช่าที่ให้ผลประโยชน์กับ อบจ.สูงสุด และคงไม่สามารถได้ผลตอบแทนตามที่กล่าวมาได้” นางอัญชลี กล่าว
นางอัญชลี กล่าวถึงการเข้าไปดำเนินการของทางบริษัทดังกล่าวว่า จากที่ได้คุยกันคร่าวๆ นั้นจะมีการดำเนินการในส่วนของการปรับปรุงเร็วๆ นี้ และจะมีการเซ็นสัญญากันในช่วงเดือนมกราคมปี 2548 ซึ่งรูปแบบที่มีการนำเสนอมานั้นจะเป็น “ดิวตี้ฟรีโซน” ทั้งหมด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการขออนุญาตจากทางกรมศุลกากร แต่เบื้องต้นจะเริ่มจากในส่วนของ “ดิวตี้ฟรีชอป” ก่อน
พลิกปูมอาคารร้าง“ลัคกี้คอมเพล็กซ์”
สำหรับ “ห้างลัคกี้เอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ภูเก็ต” นั้น ตั้งอยู่บริเวณสะพานหิน กระทรวงมหาดไทยได้รับที่ดินที่ก่อสร้างอาคารลัคกี้ฯให้ อบจ.ภูเก็ตเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2504 บนเนื้อที่ 2 ไร่ 3 งาน 59 ตารางวา หลังจากนั้น อบจ.ภูเก็ต ได้ทำสัญญาเลขที่ 11/2535 ลงวันที่ 3 กันยายน 2535 ให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ลัคกี้ฟู๊ดการ์เด้นท์ ภูเก็ต โดยนายประสงค์ พงศ์ชินภัค หุ้นส่วนผู้จัดการเช่าที่ดินกระทรวงมหาดไทยอนุญาตให้ อบจ.ภูเก็ต จัดหาผลประโยชน์บริเวณสะพานหิน เพื่อก่อสร้างอาคารศูนย์การค้าแบบครบวงจร 5 ชั้น ยกกรรมสิทธิ์ให้ อบจ.ภูเก็ตโดยให้สิทธิการเช่าเป็นเวลา 30 ปี ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย.2535-2 ก.ย.2565
โดยกำหนดอัตราค่าเช่าปีที่ 1-5 เดือนละ 30,000 บาท ปีที่ 6-10 เดือนละ 39,000 บาท ปีที่ 11-15 เดือนละ 50,700 บาท ปีที่ 16-20 เดือนละ 65,910 บาท ปีที่ 21-25 เดือนละ 25,623 บาท และปี 26-30 เดือนละ 111,388 บาท รวมประมาณ 210 ล้านบาท โดยผู้ประกอบการนำสิทธิการเช่าและสิ่งปลูกสร้างอาคารยกกรรมสิทธิ์ไปค้ำประกันเงินกู้กับบริษัท เงินทุนหลักทรัพย์ไทยแม็กซ์ จำกัด (มหาชน) โดย อบจ.ภูเก็ต ยินยอมพร้อมทั้งอนุมัติแก้ไขแปลนอาคาร 6 ชั้นปรับปรุงค่าเช่าเพิ่มขึ้นพร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อห้างฯเป็น ห้างหุ้นส่วนจำกัด ลัคกี้เอนเตอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทเงินทุนไทยแม็กซ์ได้ถูกกระทรวงการคลังสั่งปิด โดยไม่อนุญาตให้ บงล.ไทยแม็กซ็ฯ จ่ายเงินซ่อมแซมและติดตั้งระบบดับเพลิงในอาคารศูนย์การค้าลัคกี้คอมเพล็กซ์ ได้อีกทำให้ห้างไม่สามารถหาเงินมาลงทุนดำเนินการได้
ประกอบกับประสบภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ ทางห้างจึงมีหนังสือขอขยายเวลาติดตั้งระบบดับเพลิงอัตโนมัติในอาคารฯออกไปจนถึงปี 2542 ทาง ปรส.ได้ประมูลขายลูกหนี้ของไทยแม็กซ์ฯให้ บบส.และขอให้อบจ.ขยายเวลาส่งมอบอาคารให้แก่ห้างหุ้นส่วนลัคกี้ฯ โดย บบส.มีโครงการที่จะให้การสนับสนุนด้านการเงินเพื่อให้ห้างลัคกี้ฯสามารถดำเนินการต่อไป
ต่อมาในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2544 อบจ.ได้แจ้งยกเลิกสัญญากับทางห้างลัคกี้ฯ โดยทางห้างลัคกี้ฯ ยังค้างค่าเช่าอยู่ประมาณ 1.9 ล้านบาท จนมาถึงผู้บริหาร อบจ.ชุดปัจจุบันที่นำโดยทางอัญชลี วานิช เทพบุตร ได้นำอาคารร้างดังกล่าวมาให้เอกชนเช่าเพื่อจัดทำเป็น “ดิวตี้ฟรีโซน”ต่อไป
นางอัญชลี วานิช เทพบุตร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ภูเก็ต เปิดเผยว่า จากนโยบายของรัฐบาลที่ให้กรมศุลกากรดำเนินการให้ภูเก็ตเป็นเมืองท่าปลอดภาษี โดยมีแผนงานในระยะแรกสนับสนุนให้เปิดร้านค้า เขตปลอดอากรร่วมกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและระยะยาวต้องการให้ทั้งจังหวัดเป็นเมืองท่าปลอดภาษีเต็มรูปแบบ เพื่อให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ เพิ่มอัตราการจับจ่ายใช้สอยเพื่อนำรายได้เข้าจังหวัดและประเทศมากขึ้น
โดยในส่วนของ อบจ.ภูเก็ตนั้นได้สนองนโยบายดังกล่าวโดยจะนำอาคารร้าง “ลัคกี้คอมเพล็กซ์” เดิมมาปรับปรุงเพื่อให้เป็นห้างสรรพสินค้าปลอดภาษีเต็มรูปแบบ ซึ่งขณะได้มีเอกชนสนใจที่จะดำเนินการในส่วนนี้แล้ว คือ “บริษัท ภมรกิจวิศวกรรม จำกัด” โดยนายรุ่งโรจน์ ภมรสุวรรณ ได้นำเสนอแผนการลงทุนเพื่อปรับปรุงอาคารดังกล่าวเป็น “ห้างสวัสดี ภูเก็ต ดิ้วตี้ฟรี ภูเก็ต”
นางอัญชลี กล่าวอีกว่า จากการพิจารณารายละเอียดที่ทางบริษัทนำเสนอ ทั้งในส่วนของความเป็นไปได้ และผลประโยชน์ที่จะได้รับ จึงได้นำเรื่องดังกล่าวเสนอญัตติขอความเห็นชอบจากสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ซึ่งก็ได้ให้ความเห็นชอบที่จะให้บริษัทดังกล่าวเข้าดำเนินการเป็นเวลา 25 ปีโดยไม่ต้องทำการเปิดประมูล แต่ให้ดูรายละเอียดเงื่อนไขของสัญญาให้ชัดเจนและต้องดำเนินการตามรายงานการวิเคราะห์ ซึ่งได้ว่าจ้างมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ทำการศึกษาเกี่ยวกับการลงทุนบริหารและปรับปรุงอาคารดังกล่าว ใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
รวมทั้งจะต้องมีการชำระค่าเช่าเดิม ซึ่งผู้เช่ารายเก่าค้างชำระในระหว่างปี 2542-2544 จนทำให้ต้องบอกเลิกสัญญาเช่า ตลอดจนจะต้องมีแหล่งเงินทุนที่เป็นหลักฐานชัดเจนไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท และจะต้องให้ค่าเช่าใหม่ที่ อบจ.ภูเก็ตได้ประโยชน์สูงสุดตามราคาประเมินที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในปัจจุบัน โดยต้องแบ่งพื้นที่ในห้างส่วนหนึ่งให้ อบจ.ใช้เพื่อจัดกิจกรรมส่งเสริมคุณภาพชีวิตและส่งเสริมผลิตภัณฑ์พื้นเมืองของภูเก็ต
นอกจากนั้นจะต้องสนับสนุนงบประมาณในการจัดทำมาสเตอร์แพลนการใช้พื้นที่บริเวณสะพานหิน ที่อยู่ในความดูแลของ อบจ. ภูเก็ต จำนวน 80 ไร่เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่สอดคล้องกันของพื้นที่บริเวณดังกล่าว
นางอัญชลี กล่าวว่า ในส่วนของสัญญาที่จะให้บริษัทดังกล่าวเข้าไปดำเนินการนั้นคาดว่าจะเริ่มในเดือนมกราคม 2548 แต่จะเริ่มในส่วนของการปรับปรุงอาคารสถานที่ก่อนโดยทางบริษัทจะจ่ายค่าเช่าให้กับ อบจ.ภูเก็ต เดือนละ 500,000 บาท ในปีที่ 1-3 และเพิ่มอัตราค่าเช่า 9% ทุก 3 ปี ทั้งนี้คาดว่า ตลอดระยะเวลา 25 ปี อบจ.จะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 350 ล้านบาท ถือเป็นค่าตออบแทนที่สูง ซึ่งจากเดิมหากให้เช่าปกติตามระเบียบราชการจะได้ค่าเช่าตลอดระยะเวลา 25 ปี เพียง 17 ล้านบาท
“สาเหตุที่เลือกให้กับบริษัทดังกล่าวโดยไม่มีการเปิดประมูลนั้นเนื่องจากหากมีการเปิดประมูลก็จะไม่สามารถกำหนดรายละเอียดต่างๆ ที่กล่าวมาแล้วได้ และเชื่อว่าจะไม่มีผู้ที่จะมาประมูลในขณะที่ทาง อบจ.เองต้องการผู้เช่าที่ให้ผลประโยชน์กับ อบจ.สูงสุด และคงไม่สามารถได้ผลตอบแทนตามที่กล่าวมาได้” นางอัญชลี กล่าว
นางอัญชลี กล่าวถึงการเข้าไปดำเนินการของทางบริษัทดังกล่าวว่า จากที่ได้คุยกันคร่าวๆ นั้นจะมีการดำเนินการในส่วนของการปรับปรุงเร็วๆ นี้ และจะมีการเซ็นสัญญากันในช่วงเดือนมกราคมปี 2548 ซึ่งรูปแบบที่มีการนำเสนอมานั้นจะเป็น “ดิวตี้ฟรีโซน” ทั้งหมด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการขออนุญาตจากทางกรมศุลกากร แต่เบื้องต้นจะเริ่มจากในส่วนของ “ดิวตี้ฟรีชอป” ก่อน
พลิกปูมอาคารร้าง“ลัคกี้คอมเพล็กซ์”
สำหรับ “ห้างลัคกี้เอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ภูเก็ต” นั้น ตั้งอยู่บริเวณสะพานหิน กระทรวงมหาดไทยได้รับที่ดินที่ก่อสร้างอาคารลัคกี้ฯให้ อบจ.ภูเก็ตเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2504 บนเนื้อที่ 2 ไร่ 3 งาน 59 ตารางวา หลังจากนั้น อบจ.ภูเก็ต ได้ทำสัญญาเลขที่ 11/2535 ลงวันที่ 3 กันยายน 2535 ให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ลัคกี้ฟู๊ดการ์เด้นท์ ภูเก็ต โดยนายประสงค์ พงศ์ชินภัค หุ้นส่วนผู้จัดการเช่าที่ดินกระทรวงมหาดไทยอนุญาตให้ อบจ.ภูเก็ต จัดหาผลประโยชน์บริเวณสะพานหิน เพื่อก่อสร้างอาคารศูนย์การค้าแบบครบวงจร 5 ชั้น ยกกรรมสิทธิ์ให้ อบจ.ภูเก็ตโดยให้สิทธิการเช่าเป็นเวลา 30 ปี ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย.2535-2 ก.ย.2565
โดยกำหนดอัตราค่าเช่าปีที่ 1-5 เดือนละ 30,000 บาท ปีที่ 6-10 เดือนละ 39,000 บาท ปีที่ 11-15 เดือนละ 50,700 บาท ปีที่ 16-20 เดือนละ 65,910 บาท ปีที่ 21-25 เดือนละ 25,623 บาท และปี 26-30 เดือนละ 111,388 บาท รวมประมาณ 210 ล้านบาท โดยผู้ประกอบการนำสิทธิการเช่าและสิ่งปลูกสร้างอาคารยกกรรมสิทธิ์ไปค้ำประกันเงินกู้กับบริษัท เงินทุนหลักทรัพย์ไทยแม็กซ์ จำกัด (มหาชน) โดย อบจ.ภูเก็ต ยินยอมพร้อมทั้งอนุมัติแก้ไขแปลนอาคาร 6 ชั้นปรับปรุงค่าเช่าเพิ่มขึ้นพร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อห้างฯเป็น ห้างหุ้นส่วนจำกัด ลัคกี้เอนเตอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทเงินทุนไทยแม็กซ์ได้ถูกกระทรวงการคลังสั่งปิด โดยไม่อนุญาตให้ บงล.ไทยแม็กซ็ฯ จ่ายเงินซ่อมแซมและติดตั้งระบบดับเพลิงในอาคารศูนย์การค้าลัคกี้คอมเพล็กซ์ ได้อีกทำให้ห้างไม่สามารถหาเงินมาลงทุนดำเนินการได้
ประกอบกับประสบภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ ทางห้างจึงมีหนังสือขอขยายเวลาติดตั้งระบบดับเพลิงอัตโนมัติในอาคารฯออกไปจนถึงปี 2542 ทาง ปรส.ได้ประมูลขายลูกหนี้ของไทยแม็กซ์ฯให้ บบส.และขอให้อบจ.ขยายเวลาส่งมอบอาคารให้แก่ห้างหุ้นส่วนลัคกี้ฯ โดย บบส.มีโครงการที่จะให้การสนับสนุนด้านการเงินเพื่อให้ห้างลัคกี้ฯสามารถดำเนินการต่อไป
ต่อมาในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2544 อบจ.ได้แจ้งยกเลิกสัญญากับทางห้างลัคกี้ฯ โดยทางห้างลัคกี้ฯ ยังค้างค่าเช่าอยู่ประมาณ 1.9 ล้านบาท จนมาถึงผู้บริหาร อบจ.ชุดปัจจุบันที่นำโดยทางอัญชลี วานิช เทพบุตร ได้นำอาคารร้างดังกล่าวมาให้เอกชนเช่าเพื่อจัดทำเป็น “ดิวตี้ฟรีโซน”ต่อไป