กระบี่-น้ำมันแพงพ่นพิษใส่เรือประมงกระบี่ ผู้ประกอบการเดือดร้อนหนักจากน้ำมันเขียวราคาสูงถึง 14.50 บาท บางรายต้องหยุดออกเรือแล้วเพราะสู้ราคาน้ำมันที่สูงไม่ไหว
นายม่าเหร็น บุญรอด เจ้าของเรือประมงอวนดำสินแหลมสัก 93 เปิดเผยว่า จากที่ราคาน้ำมันได้ขยับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้นทำให้เกิดผลกระทบแก่ชาวประมงโดยรวม โดยเฉพาะราคาน้ำมันเขียว ที่เรือประมงขนาดกลางและขนาดใหญ่ใช้กันอยู่ ที่มีราคาเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเมื่อกลางปี 2547 ประมาณพฤษภาคมราคาเพียงลิตรละ 10 บาท แต่ขณะนี้ได้ขยับตัวสูงขึ้นเป็นลิตรละประมาณ 14.50 บาท
เมื่อเปรียบเทียบกับราคาน้ำมันดีเซลบนฝั่งราคาประมาณ 15.03 บาท ซึ่งไม่ต่างกันมากนัก จึงทำให้เรือประมงหันมาใช้น้ำมันบนฝั่งกันมากขึ้นโดยที่ไม่ต้องเสียเวลาวิ่งออกไปเติมน้ำมันที่มีการซื้อขายกันกลางทะเล
นายม่าเหร็น กล่าวต่อว่า ตนมีเรืออยู่ประมาณ 7 ลำใช้เป็นเรือปั่นไฟ 5 ลำ เรือจับปลา 2 ลำ หลังจากที่ราคาน้ำมันสูงขึ้น จึงได้หยุดออกจับปลา 1 ลำเพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะในเรื่องของน้ำมัน เพราะในแต่ละเดือนเรือทุกลำต้องใช้น้ำมันรวมแล้วประมาณ 3 แสนกว่าบาท ประกอบกับเป็นช่วงหน้ามรสุม ซึ่งจับปลาได้ไม่มาก ไม่คุ้มกับค่าใช้จ่ายที่ลงทุนไป และทราบว่าน้ำมันเขียวก็หยุดขายแล้วในช่วงนี้
ด้านนายมานิต ดำกุล นายกสมาคมประมงจังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า ในเรื่องของราคาน้ำมันที่ขยับตัวสูงขึ้นตลอดมาเริ่มมีผลกระทบต่อชาวประมงแล้ว โดยเฉพาะผู้ประกอบการประมงเชิงเศรษฐกิจถึงแม้ว่าราคาน้ำมันดีเซลที่ราคายังอยู่ที่ประมาณ 15.03 บาทต่อลิตร แต่ขณะเดียวกันน้ำมันที่เรือประมงใช้อยู่ คือ น้ำมันเขียว ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งขณะนี้ทราบว่ามีการจำหน่ายกันที่ลิตรละประมาณ 14.50 บาทโดยมีการซื้อขายกันที่บริเวณเกาะพีพี ห่างไปจากเกาะประมาณ 10-15 ไมล์ทะเล ทำให้ไม่คุ้มค่าใช้จ่ายที่ต้องเดินทางออกไปเติมน้ำมันในระยะไกล
นายมานิต กล่าวต่อว่า จากที่ราคาน้ำมันแพงขึ้น ซึ่งตนในฐานะนายกสมาคมประมงจังหวัดกระบี่ได้เร่งหามาตรการแนว ทางแก้ไขช่วยเหลือชาวประมงทั้งขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ให้สามารถประกอบธุรกิจอยู่ได้ โดยได้ทำหนังสือไปยังสมาคมประมงแห่งประเทศไทยเพื่อขอความช่วยเหลือในเรื่องของราคาน้ำมัน ให้จัดน้ำมันที่มีราคาถูกกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้และก็รออยู่ว่าทางสมาคมประมงแห่งประเทศไทยจะตอบกลับมาอย่างไร
และพบว่าขณะนี้มีเรือประมงประมาณ 20-30 ลำต้องหยุดออกหาปลาในช่วงนี้แล้ว เนื่องจากสู้ราคาน้ำมันไม่ไหวและประกอบกับเป็นช่วงมรสุมจึงต้องหยุดชั่วคราวและในส่วนของประมงพื้นบ้านที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กออกจับปลาก็ส่งผลกระทบเช่นเดียวกัน
นายม่าเหร็น บุญรอด เจ้าของเรือประมงอวนดำสินแหลมสัก 93 เปิดเผยว่า จากที่ราคาน้ำมันได้ขยับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้นทำให้เกิดผลกระทบแก่ชาวประมงโดยรวม โดยเฉพาะราคาน้ำมันเขียว ที่เรือประมงขนาดกลางและขนาดใหญ่ใช้กันอยู่ ที่มีราคาเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเมื่อกลางปี 2547 ประมาณพฤษภาคมราคาเพียงลิตรละ 10 บาท แต่ขณะนี้ได้ขยับตัวสูงขึ้นเป็นลิตรละประมาณ 14.50 บาท
เมื่อเปรียบเทียบกับราคาน้ำมันดีเซลบนฝั่งราคาประมาณ 15.03 บาท ซึ่งไม่ต่างกันมากนัก จึงทำให้เรือประมงหันมาใช้น้ำมันบนฝั่งกันมากขึ้นโดยที่ไม่ต้องเสียเวลาวิ่งออกไปเติมน้ำมันที่มีการซื้อขายกันกลางทะเล
นายม่าเหร็น กล่าวต่อว่า ตนมีเรืออยู่ประมาณ 7 ลำใช้เป็นเรือปั่นไฟ 5 ลำ เรือจับปลา 2 ลำ หลังจากที่ราคาน้ำมันสูงขึ้น จึงได้หยุดออกจับปลา 1 ลำเพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะในเรื่องของน้ำมัน เพราะในแต่ละเดือนเรือทุกลำต้องใช้น้ำมันรวมแล้วประมาณ 3 แสนกว่าบาท ประกอบกับเป็นช่วงหน้ามรสุม ซึ่งจับปลาได้ไม่มาก ไม่คุ้มกับค่าใช้จ่ายที่ลงทุนไป และทราบว่าน้ำมันเขียวก็หยุดขายแล้วในช่วงนี้
ด้านนายมานิต ดำกุล นายกสมาคมประมงจังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า ในเรื่องของราคาน้ำมันที่ขยับตัวสูงขึ้นตลอดมาเริ่มมีผลกระทบต่อชาวประมงแล้ว โดยเฉพาะผู้ประกอบการประมงเชิงเศรษฐกิจถึงแม้ว่าราคาน้ำมันดีเซลที่ราคายังอยู่ที่ประมาณ 15.03 บาทต่อลิตร แต่ขณะเดียวกันน้ำมันที่เรือประมงใช้อยู่ คือ น้ำมันเขียว ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งขณะนี้ทราบว่ามีการจำหน่ายกันที่ลิตรละประมาณ 14.50 บาทโดยมีการซื้อขายกันที่บริเวณเกาะพีพี ห่างไปจากเกาะประมาณ 10-15 ไมล์ทะเล ทำให้ไม่คุ้มค่าใช้จ่ายที่ต้องเดินทางออกไปเติมน้ำมันในระยะไกล
นายมานิต กล่าวต่อว่า จากที่ราคาน้ำมันแพงขึ้น ซึ่งตนในฐานะนายกสมาคมประมงจังหวัดกระบี่ได้เร่งหามาตรการแนว ทางแก้ไขช่วยเหลือชาวประมงทั้งขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ให้สามารถประกอบธุรกิจอยู่ได้ โดยได้ทำหนังสือไปยังสมาคมประมงแห่งประเทศไทยเพื่อขอความช่วยเหลือในเรื่องของราคาน้ำมัน ให้จัดน้ำมันที่มีราคาถูกกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้และก็รออยู่ว่าทางสมาคมประมงแห่งประเทศไทยจะตอบกลับมาอย่างไร
และพบว่าขณะนี้มีเรือประมงประมาณ 20-30 ลำต้องหยุดออกหาปลาในช่วงนี้แล้ว เนื่องจากสู้ราคาน้ำมันไม่ไหวและประกอบกับเป็นช่วงมรสุมจึงต้องหยุดชั่วคราวและในส่วนของประมงพื้นบ้านที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กออกจับปลาก็ส่งผลกระทบเช่นเดียวกัน