ศูนย์ข่าวภูเก็ต -กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พร้อมเปิดรับภาคเอกชนร่วมลงทุน ชี้แต่ต้องมีผู้เชี่ยวชาญดูแล ส่วนการปรับปรุงอควาเรียมภูเก็ต ขีดเส้นตาย ต้องเสร็จภายในเดือนมีนาคม 48
นายอุดม ปาติยเสวี รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวถึงความคืบหน้าการปรับปรุงอควาเรียม ของสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ซึ่งได้ปิดปรับปรุงตั้งแต่ปี 2545 ว่า การปรับปรุงมีความล่าช้ามาก เนื่องความไม่แน่นอนของแบบการซ่อมแซม ทำให้โครงการก่อสร้างเสร็จช้ากว่ากำหนด
อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างและปรับปรุงดังกล่าวจะต้องเสร็จตามแผนงานแน่นอน โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้กำหนดเสร็จตายในการปรับปรุงภายในเดือนมีนาคม 2548 ซึ่งขณะนี้กรมฯได้ขอกันเงินไว้แล้ว
ส่วนเรื่องการเข้ามาลงทุนทางด้านอควาเรียมของภาคเอกชน กรมฯพร้อมที่จะเปิดกว้างสำหรับการเข้ามาลงทุน เพราะขณะนี้พ.ต.ท.ทักษิน ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ให้แนวคิดกับเรื่องนี้ไว้แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่ภาคเอกชนจะเข้ามาลงทุนเกี่ยวกับอควาเรียม เพราะลำพังหน่วยงานภาครัฐเองมีงบประมาณไม่เพียงพอ
นายอุดม กล่าวอีกว่า การทำอควาเรียม จะต้องคำนึงถึงเรื่องของการดูแลสัตว์น้ำด้วย เพราะเรื่องของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน จำเป็นที่จะต้องมีการศึกษาวิจัยควบคู่ไปกับการแสดงโชว์สัตว์ทะเล เพราะฉะนั้นการดำเนินการจะต้องมีผู้เชี่ยวชาญ ผู้รู้ นักวิชาการ เข้ามาช่วยดูแลด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ กลายเป็นโรงฆ่าสัตว์
ทั้งนี้ เนื่องจากจากการศึกษาพบว่า ขณะนี้มีหลายๆอควาเรียมที่เปิดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำอยู่แล้วกลายเป็นโรงฆ่าปลา เนื่องจากขาดความรู้ในการดูแลรักษา ซึ่งถือว่าเป็นการทำลายทรัพยากรสัตว์น้ำอีกทางหนึ่ง
นายอุดม กล่าวต่อไปว่า การที่จะเปิดให้มีการลงทุนทางด้านอควาเรียม รัฐควรที่จะมีกฎหมายออกมาควบคุมดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ เพื่อควบคุมดูแลไม่ให้มีปัญหาการทำลายทรัพยากรทางทะเล เกิดขึ้น และในการดำเนินการ ต้องบังคับให้มีผู้เชี่ยวชาญมาอยู่ประจำด้วย
"กรณีภาคเอกชนของภูเก็ตและส่วนกลาง สนใจที่จะลงทุนโครงการนี้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พร้อมที่จะร่วมดำเนินการ และให้ความร่วมมือเต็มที่ หากไม่ขัดกับนโยบาย แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยระหว่างกันเลย ซึ่งก็พร้อมที่จะเปิดกว้างให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุน"