xs
xsm
sm
md
lg

"จิ๋ว"ยาหอมคนใต้ฝันจะทำปัตตานีให้เป็น"มหานคร"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวภูเก็ต - “ชวลิต”ลงใต้ย้ำทุกคนเห็นความสำคัญของปัญหา ยันโครงการทักษิณพัฒนาจะอยู่คู่ประชาชนในพื้นที่ตลอดไปจนกว่าการแก้ปัญหาจะเรียบร้อย พร้อมขอความร่วมมือประชาชนถอยคนละ 3 ก้าวเพื่อร่วมพัฒนาพื้นที่ชายแดนภาคใต้โดยจะให้ยะลา นราธิวาส เป็นเหมือนเมืองพัทยา ส่วนปัตตานี จะให้เป็น“มหานครปัตตานี” เหมือนกรุงเทพมหานคร

เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. ที่ผ่านมา พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะเดินทางไปร่วมงานเมาลิดกลางที่จังหวัดปัตตานี ซึ่งจัดขึ้นที่มัสยิดกรือเซะ และติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ โดยจุดแรกที่รองนายกฯเดินทางไปตรวจเยี่ยมคือมัสยิดกรือเซะ เพื่อเป็นประธานเปิดงานเมาลิดกลาง ซึ่งเป็นวันประสูติขององค์ศาสดา

พล.อ.ชวลิต กล่าวกับประชนว่า การเดินทางมาครั้งนี้ได้รับมอบหมายจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้มาร่วมงานสำคัญและร่วมทำบุญให้กับผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์วันที่ 28 เมษายน เนื่องจากนายกฯติดภาระกิจการปะชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ที่จังหวัดลำพูน และการที่นายกฯมอบหมายให้มาร่วมงานในครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่าคนเหล่านั้นเป็นลูกหลานของพวกเรา เป็นพี่น้องคนไทยเหมือนกัน ไม่ว่าจะนับถือศาสนาพุทธ หรือมุสลิม ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการหรือประชาชนธรรมดา แต่ทุกคนคือพี่น้องมีความรักความสามัคคีต่อกัน เพียงแต่ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เพราะได้รับการชี้นำในทางที่ผิดเพื่อให้เกิดความแตกแยก แต่ก็เป็นสิ่งที่แก้ไขได้

ขณะนี้ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้อยู่ในสายตา และความห่วงใย ไม่เฉพาะคนไทยในแผ่นดินนี้ แต่อยู่ในความสนใจของคนทั้งโลกที่กำลังมีความรู้สึกแปลกใจ ที่เห็นว่าแผ่นดินนี้ ซึ่งเป็นต้นแบบของความอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข เป็นด้ามเพชรของขวานทองแห่งนี้ได้เกิดปัญหาขึ้น การแก้ปัญหานอกจากจะมุ่งด้านเศรษฐกิจ และการศึกษาให้รู้สึกว่ามีความทัดเทียมกับอารยะประเทศแล้วจำเป็นต้องมีการพัฒนาในเรื่องการเมืองการปกครองด้วย

พล.อ.ชวลิต กล่าวต่อว่า การเข้าพบนายกฯของผู้นำศาสนาและประธานกรรมการอิสลาม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อเร็วๆ นี้ได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา และบริสุทธิ์ใจว่า ปัญหาความหวาดระแวงในพื้นที่ภาคใต้กำลังก่อตัวขึ้นมาอีก ตนจึงได้กระซิบกับนายกฯว่า ปัญหานี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา ที่ตนยังรับราชการทหารอยู่ วันนี้ปัญหาย้อนกลับมาอีก ซึ่งเราจะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้

โครงการที่เคยเกิดขึ้นเพื่อแก้ปัญหาในอดีตคือโครงการฮารัปปันบารู หรือ “โครงการความหวังใหม่” เวลานี้เปลี่ยนมาเป็นโครงการทักษิณพัฒนา และตราบใดที่ยังไม่สามารถสร้างความสงบในพื้นที่ให้กับประชาชนได้ โครงการนี้จะอยู่คู่กับภาคใต้ตลอดไป นอกจากนั้นผู้นำทางศาสนายังได้พูดเรื่องความไม่มั่นใจในชีวิตและทรัพย์สินและการสร้างอุทยานทางประวัติศาสตร์ ซึ่งนายกฯได้รับข้อเสนอไว้ทั้งหมด

พล.อ.ชวลิต กล่าวถึงงบประมาณที่รัฐบาลจัดสรรให้พัฒนาพื้นที่ภาคใต้จำนวน 12,000 ล้านบาทว่า งบประมาณเริ่มไหลลงพื้นที่แล้วประมาณ 10,300 ล้านบาท โดยไม่ได้เป็นการจัดสรรงบประมาณแบบยัดเยียด แต่เป็นงบประมาณที่จะไปลงในโครงการต่างๆ ที่เป็นความต้องการของประชาชน เช่น โครงการ 1 อำเภอ 1 ปอเนาะในฝัน ซึ่งนายกฯสั่งให้รีบดำเนินการ และจะเป็น 1 อำเภอ 10 ปอเนาะก็ได้ แต่จะต้องดูแลกันให้ดีที่สุด
นอกจากนี้จะมีการสร้างงานและให้ประชาชนได้รับการศึกษามีความรู้ทัดเทียมกับพื้นที่อื่นๆ โดยมีคณะกรรมการลงมาดูแลในพื้นที่แล้วและประเด็นสำคัญคือจะต้องมีการพัฒนาในเรื่องการเมืองการปกครองท้องถิ่นให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมสามารถดูแลตัวเองได้โดยรัฐบาลจะต้องทำให้เกิดการปกครองในระบอบประชาชนธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างแท้จริง ซึ่งการปกครองส่วนท้องถิ่นมีหลายรูปแบบ เราจะพัฒนาให้เป็นเมืองปัตตานี เมืองยะลา เมืองนราธิวาส เหมือนเมืองพัทยา ที่สามารถดูแลกันเองได้ เก็บภาษีดูแลงบประมาณของตัวเอง ให้เป็นเมืองปัตตานี หรือ “มหานครปัตตานี” เมืองกรุงเทพมหานคร

นอกจากนี้ พล.อ.ชวลิต ได้ขอความร่วมมือจากประชาชนให้ถอยออกมาคนละ 3 ก้าว แล้วมาร่วมกันสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในสังคม เพื่อช่วยกันขจัดความทุกข์ที่อยู่ในพระราชหฤทัย ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงห่วงใยประชาชนในภาคใต้ขณะนี้เพื่อถวายแด่องค์พระมหากษัตริย์ที่เราเคารพนับถือร่วมกันในโอกาสวันมหามงคลสำคัญที่จะมาถึง คือ 12 สิงหาคม และ 5 ธันวาคม

หลังจากเป็นประธานเปิดงานเมาลิดกลางแล้ว พล.อ.ชวลิต เดินทางต่อไปยังศาลเจ้าแม่ลิ้มก่อเหนี่ยว โดยได้พูดคุยกับคณะกรรการมูลนิธิเทพปูชนียสถาน (เจ้าแม่ลิ้มก่อเหนี่ยว) โดยมีนายประยูร คณานุรักษ์ เลขานุการคณะกรรมการ กล่าวรายงานถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติการของกลุ่มก่อความไม่สงบว่า มีไม่มาก แต่สิ่งสำคัญคือกระทบต่อความรู้สึกของประชาชนที่ให้ความเคารพ โดยเฉพาะชาวไทยเชื้อสายจีนในปัตตานี ที่ต้องเห็นสิ่งที่ศรัทธา ได้ถูกย่ำยี ต่อหน้าเจ้าหน้าที่รัฐ และไม่ได้มีการนำเสนอข่าวที่เป็นจริงให้ประชาชนเข้าใจทำให้เกิดความหวาดระแวงระหว่างคนต่างศาสนาและที่ผ่านมารัฐบาลรัฐบาลละเลย ขาดความเอาใจใส่คนไทยเชื้อสายจีน จนทำให้เกิดความรู้สึกว่าเป็นพลเมืองชั้น 2 เป็นเพียงชนกลุ่มน้อย

จึงขอเรียกร้องรัฐบาลให้สร้างความเสมอภาคให้เกิดขึ้นในสังคม สนับสนุนประชาชนทุกลุ่ม ทุกศาสนา อย่างเสมอภาคเท่าเทียมกันขอให้รัฐรับฟังข้อมูล สภาพปัญหาและข้อเสนอแนะจากทุกกลุ่มทุกองค์กรในพื้นที่ เพื่อขจัดปัญหาความขัดแย้ง โดยให้ประชาชนได้ร่วมเสนอความคิดและขอให้จัดทำงบประมาณ และการให้สิทธิพิเศษแก่ประชาชนอย่างเสมอภาค เร่งให้ความคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนให้กลับมาโดยเร็วเพื่อเป็นหลักประกันและความมั่นใจกับนักท่องเที่ยวและควรมีการควบคุมตรวจสอบ การเสนอข่าวของสื่อต่างๆ ให้เป็นไปในทางที่ดีต่อบ้านเมือง และเห็นว่าควรพัฒนาศาลเจ้าแม่ลิ้มก่อเหนี่ยว และสุสานเจ้าแม่ เป็นโบราณสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และแหล่งท่องเที่ยวที่ถาวรต่อไป

พล.อ.ชวลิต กล่าวหลังฟังการบรรยายถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้วว่า ได้รับทุกปัญหาเพื่อนำไปดำเนินการและกล่าวว่า ภายในสัปดาห์นี้จะมีการประชุมคณะกรรมการเพื่อทำนุบำรุงศาสนาทุกศาสนาในพื้นที่ภาคใต้ซึ่งเป็นนโยบายของนายกฯ ต่อมา พล.อ.ชวลิต ได้เดินทางมาที่วัดช้างให้เพื่อถวายสังฆทานและกล่าวปราศรัยกับชาวบ้านที่มาต้อนรับ
กำลังโหลดความคิดเห็น