ขนมครก ขนมไทยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ต่างชาติหรือนักท่องเที่ยวที่มาประเทศไทยต้องการจะมาชิม เนื่องมาจากเป็นขนมที่หากินได้ง่ายเมื่อมาถึงเมืองไทย โดยเฉพาะตลาดเช้าจะพบเห็นขนมครกขายกันทุกตลาด และด้วยกลิ่นที่หอม และรสชาติที่หวานมันของกะทิ ทำให้ต่างชาติที่ได้สั่งขนมครกของไทยมากิน หลายคนติดอกติดใจ จนต้องนำไปบอกต่อ ทำให้ขนมครกกลายเป็นขนมที่ต่างชาติรู้จักกันดี
อดีตเชฟขนมหวานโรงแรมดัง มีประสบการณ์ตรงจากการที่มีลูกค้าต่างชาติ ยอมลงทุนบินมาเมืองไทยอีกรอบ เพื่อจะขอกินขนมครกฝีมือเชฟ จากโรงแรมชื่อดังใจกลางกรุงเทพฯ
สวิมล เพียรสมพผล (เชฟจ๋า) เจ้าของร้านขนมครกเรือนเอราวัณ ตลาดจ็อดแฟร์ ห้วยขวาง กรุงเทพฯ และเจ้าของแบรนด์แป้งขนมครก สร้างอาชีพ ภูเก็ตโคโค่ Phuket coco เล่าว่า เดิมตนเองเป็นเชฟขนมหวานอยู่ที่โรงแรมแกรนด์ไฮแอทเอราวัณ ทำงานอยู่แผนกเชฟขนมหวานมานานกว่า 15 ปี ก่อนตัดสินใจลาออกมาสร้างธุรกิจของตัวเอง เริ่มต้นจากมีลูกค้าโรงแรมซึ่งต่างชาติ ชื่นชอบในขนมครกที่เราทำเสิร์ฟให้ที่โรงแรม ขนาดบินกลับมาประเทศไทย และบอกว่าตั้งใจจะมากินขนมครกของเรา ตอนนั้นดีใจมาก ที่ต่างชาติชื่นชอบขนมครกของเรามากขนาดนี้
ทั้งนี้ เป็นที่มาว่าจะทำอย่างไรให้ขนมครกที่เป็นสูตรของเรา สามารถทำกินกันได้ง่ายที่ไหนก็ได้ ก็เลยเป็นที่มาของการคิดพัฒนาสูตรแป้งขนมครกสำเร็จรูปขึ้นมา เพื่อให้ใครก็สามารถทำขนมครกสูตรเชฟจ๋าได้ เมื่อคิดสูตรแป้งขนมครกได้สำเร็จ เชฟจ๋าได้ส่งแป้งขนมครกสำเร็จรูปออกไปขายตามที่ต่างๆทั้งในประเทศและต่างประเทศ
กลุ่มลูกค้าแป้งขนมครกสำเร็จรูปเชฟจ๋า มีทั้งร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ตหลายแห่ง รวมถึงคนไทยในต่างประเทศ ได้ซื้อแป้งขนมครกสำเร็จรูปของเชฟไปทำขายในประเทศที่พักอาศัยด้วย ช่วยสร้างอาชีพให้กับคนไทยในต่างแดน และช่วยให้ต่างชาติได้รู้จักขนมครก ขนมไทยมากขึ้นอีกด้วย โดยสูตรขนมครกเชฟจ๋า เน้นการทำขนมครกแบบโบราณดั้งเดิม เน้นความหนานุ่ม เน้นความมันของกะทิ ต่างจากสูตรขนมครกปัจจุบันที่เป็นบางกรอบ
แจ้งเกิด ชุดขนมครกสำหรับเด็กขายช่วงโควิด
ออเดอร์เยอะทำไม่ทัน ตัดสินใจทิ้งตำแหน่งหัวหน้าเชฟ
“เชฟจ๋า” เล่าว่า ในช่วงโควิด โรงแรมไม่มีนักท่องเที่ยว และตนเองก็มีเวลาว่าง จึงได้ลองทำชุดขนมครกสำหรับเด็กขึ้นมาและนำมารีวิวช่องทางโซเชียลฯ หลังจากนั้น ก็มีคุณพ่อ คุณแม่ ทักเข้ามากันเยอะมาก จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการทำชุดขนมครกสำหรับเด็กออกมาขาย ออเดอร์เข้ามาเยอะมาก เพราะหลายครอบครัวถูกกักตัวอยู่กับบ้าน รวมถึงเด็กๆ ไม่ได้ไปโรงเรียน พ่อแม่ ก็ต้องหากิจกรรมให้เด็กได้เล่น พอมาเจอชุดทำขนมครก ที่ทำออกขายก็สั่งซื้อกันเข้ามากันเยอะมาก
ด้วยเหตุนี้ เอง ทำให้เชฟจ๋า ตัดสินใจลาออกจากงาน เพราะไม่สามารถแยกร่างได้ ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง และตนเองตัดสินใจเลือกที่จะมาสร้างธุรกิจ ของตัวเอง เพราะเห็นตัวเลขยอดขายครั้งนั้น ทำให้ยอมทิ้งตำแหน่งหัวหน้าเชฟที่ได้มาด้วยความยากลำบาก มาสร้างธุรกิจของตัวเอง
เชฟจ๋า บอกว่า ในช่วงทำชุดทำขนมครกของเด็กๆ ออกมาขาย มีรายได้ต่อเดือนประมาณ 500,000-600,000 บาท ซึ่งเมื่อตัดสินใจลาออกตอนนั้น มีรายได้ต่อเดือนประมาณ 6-7 หมื่นบาท มีตำแหน่งหัวหน้าเชฟด้านขนมไทยของโรงแรม
จากครอบครัวไม่พร้อมส่งลูกไปเรียน
แต่ได้มาเป็นเชฟ..ขยันอดทนและพัฒนาตัวเอง
“กว่าจ๋าจะได้มาอยู่โรงแรมแกรนด์ไฮเอทเอราวัณ ครอบครัวจ๋าฐานะทางบ้านไม่ได้ดีขนาดที่ส่งลูกไปเรียนเชฟแบบคนอื่นๆ เป็นไปไม่ได้เลย แม่จะพาจ๋าไปทำงานด้วยตั้งแต่ 5 ขวบ เพราะไม่มีคนดูแล โดยแม่มีอาชีพทำอาหารให้กับพนักงานโรงงานแห่งหนึ่ง การได้ตามแม่ไปทำครัว ทำให้จ๋าได้ซึมซับการทำอาหารมีทักษะเริ่มต้นในการทำอาหาร เพราะต้องช่วยแม่ทำอาหารที่โรงครัวมาตั้งแต่เด็ก
สำหรับในส่วนการได้เข้ามาทำงานโรงแรม ต้องบอกว่า จ๋าเข้ามาแบบเป็นพนักงานรายวันมีรายได้วันละ 300 กว่าบาท ทำหน้าที่คอยช่วยเหลือเวลาเชฟต้องการผู้ช่วย ตรงนี้เองทำให้เราได้เรียนรู้การทำอาหารจากการเข้ามาเป็นพนักงานรายวันที่โรงแรมแกรนด์ไฮแอทเอราวัณ
และ จากพนักงานรายวันมาช่วยเป็นมือ เป็นเท้าให้เชฟ ได้ทำงานให้คล่อง รวดเร็ว ใครจะคิดว่า ผู้หญิงคนหนึ่งไม่ได้เรียนจบ จากสถาบันสอนอาหารชั้นนำ มาจากที่ไหน แต่สามารถพัฒนาตัวเองจนกลายเป็นเชฟมือหนึ่งด้านขนมหวานโรงแรมชั้นนำของประเทศไทย ก่อนจะก้าวมาเป็นผู้ประกอบการ เจ้าของสูตรแป้งขนมครกสำเร็จรูป ที่ช่วยสร้างอาชีพให้กับคนที่อยากจะขายขนมครก สูตรระดับเชฟโรงแรมชั้นนำ
จากขายแป้งสำเร็จรูป สู่การเปิดร้านขนมครก
ปัจจุบัน “เชฟจ๋า” นอกจากจะขายแป้งขนมครกสำเร็จรูป แล้วยังมาเปิดร้าน เป็นตลาดออฟไลน์อีกหนึ่งช่องทาง เพื่อแนะนำขนมครกของตัวเองให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและคนไทยได้กินขนมครกสูตรโบราณดั้งเดิมของไทย ที่ตลาดนัดจ็อดมาร์เก็ต ย่านห้วยขวาง ซึ่งเป็นตลาดนัดที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีน มาเดินกันที่ตลาดนี้เป็นจำนวนมาก เพราะเป็นจุดที่บริษัททัวร์จะนำนักท่องเที่ยวชาวจีนมาลงที่ตลาดนี้ โดยเปิดที่ตลาดแห่งนี้มาได้เพียงไม่กี่วัน ก็เลยยังตอบไม่ได้ว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนชื่นชอบขนมครกของเธอหรือไม่
ทั้งนี้ ส่วนใหญ่ ชาวจีนไม่ค่อยรู้จักขนมครก ต่างชาตินักท่องเที่ยวฝรั่งจะรู้จัก และชื่นชอบขนมครกมากกว่า เพราะส่วนใหญ่ฝรั่งเคยกินขนมครกจากการพักตามโรงแรม และรีสอร์ต หลายแห่งที่เสิร์ฟขนมไทย หนึ่งในนั้นก็คือ ขนมครก ซึ่งการขายตลาดคนจีนอาจจะต้องปรับเรื่องความหวาน ลง เพราะคนจีนไม่ชอบขนมที่หวานมาก
ขนมครกหน้าใหม่ ทุเรียน มะม่วงน้ำดอกไม้ มะพร้าวอ่อน
สร้างจุดขายนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
โดยขนมครกที่ตลาดจ็อดแฟร์ ใช้ชื่อว่า ร้านขนมครกเรือนเอราวัณ มีขนมครกให้เลือกหลายหน้า และที่ไม่เหมือนที่อื่นๆ คือ ขนมครกหน้าทุเรียน ขนมครกหน้ามะม่วงน้ำดอกไม้สุก ขนมครกหน้ามะพร้าวอ่อน ต่างชาติชื่นชอบขนมครกหน้ามะพร้าวอ่อน ซึ่งหน้าอื่นๆ จะเหมือนขนมครกทั่วๆไป ไม่ว่าจะเป็นหน้าต้นหอม ซึ่งสูตรโบราณคนไทยชอบกันมาก หน้าข้าวโพด หน้าเผือก
เชฟจ๋า บอกว่า การมาเปิดร้านขายขนมครก ครั้งนี้ ต้องการทำขนมครกแบบทำสดๆ เพราะต้องการให้ลูกค้าได้สัมผัสรสชาติของขนมครกสูตรแป้งของเรา แต่เป็นการทำแบบสดๆ ใช้กะทิสดมีรสชาติไม่เหมือนขนมครกแป้งสำเร็จรูปที่ใช้กะทิสำเร็จที่ผสมมาแล้ว ส่วนราคาขายที่ตลาดจ็อดแฟร์ ค่าเช่าค่อนข้างสูง และเราใช้วัตถุดิบที่สดใหม่ ราคาขายอยู่ที่กล่องละ 59 บาท มีทั้งหมด 9 ชิ้น ส่วนหน้าทุเรียน หรือ หน้ามะม่วงน้ำดอกไม้ ราคาเพิ่มขึ้น ไปตามราคาวัตถุดิบ 9 ชิ้น 100 บาท
นอกจาก ขนมครกแล้ว “เชฟจ๋า” ยังมีขนมไทย อื่นๆ ที่ทำออกมาขายอีกหลายตัว เช่น เปียกปูนกะทิสด ข้าวตังเสวย ทองม้วนสดใบเตย ขนมอินทนิล ขนมลืมกลืน ฯลฯ เชฟจ๋า บอกว่า สูตรขนมเหล่านี้ เธอได้มาจากทางทำงานที่โรงแรม และทางโรงแรมจะส่งครูมาช่วยเทรนด์ ช่วยสอนให้ เพราะถ้าเราไปเรียนเอง เชื่อว่า จะต้องจ่ายหลักแสน หรือ หลักล้านบาท โชคดี ที่ตัวเองได้มาทำงานโรงแรมแห่งนี้ สอนเราทั้งหมดแบบฟรี
หลังจากนั้น นำมาพัฒนาและต่อยอด ส่วนหนึ่งที่เชฟมาถึงวันนี้ได้ ต้องขยันอดทน และพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดถึงจะก้าวหน้า ในอาชีพที่เราทำได้ ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไรก็ตาม เพราะเชฟเริ่มต้นจากศูนย์ เป็นแค่พนักงานรายวันไต่เต้าขึ้นมาระดับหัวหน้าเชฟ และมีวันนี้ได้ เพราะขยันและพัฒนาตัวเองตลอด ใช้เวลา 10ปี กว่าจะได้ขึ้นมาเป็นระดับหัวหน้าเชฟโรงแรมได้
ติดต่อ Facebook : เชฟจ๋าฟู้ด Chef ja food
โทร.09-9456-6693
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *


