xs
xsm
sm
md
lg

NIA โชว์ผลสำเร็จ “นวัตกรรมเพื่อสังคม” สร้างเม็ดเงินลงทุน 434 ลบ. ดันไทยสู่ยุคพัฒนาเทคโนโลยีฐานชุมชน เผยปี 69 เตรียมขยายโมเดลหมู่บ้านนวัตกรรมทั่วประเทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เผยภาพรวมทิศทางการพัฒนาและการลงทุนด้านนวัตกรรมเพื่อสังคมของประเทศไทย สะท้อนให้เห็นถึงมิติใหม่ของการพัฒนาที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยมีโครงการและแพลตฟอร์มนวัตกรรมเพื่อสังคมแล้วกว่า 563 โครงการ สามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนรวมกว่า 434 ล้านบาท พร้อมสร้างผลกระทบเชิงสังคมที่ตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) อย่างน้อย 12 ข้อ จาก 17 ข้อ ครอบคลุมทั้งในมิติสิ่งแวดล้อม การลดความเหลื่อมล้ำ การเพิ่มประสิทธิภาพระบบสาธารณสุข และการเสริมกำลังเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น

ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ NIA เปิดเผยว่า ในยุคที่เทคโนโลยีและนวัตกรรมถูกใช้เป็นทั้งทางออกและทางรอดของปัญหาในสังคม แนวคิดการขับเคลื่อน “นวัตกรรมเพื่อสังคม”จึงกลายเป็นกลไกหลักในการแก้โจทย์เชิงโครงสร้างของประเทศ เพราะไม่เพียงตอบโจทย์สถานการณ์เฉพาะหน้า แต่ยังสะท้อนว่าประเทศไทยจำเป็นต้องมีนวัตกรรมที่สามารถต่อยอดได้จริง เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีและยั่งยืนให้ทุกคนในระยะยาว นวัตกรรมเพื่อสังคมจึงมีความสำคัญไม่แพ้นวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์หรือเทคโนโลยี ดังนั้น สิ่งที่ทำให้นวัตกรรมเพื่อสังคมมีความหมายมากขึ้น คือการมีกลไกสนับสนุนที่แข็งแรงและเป็นระบบ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาไอเดียสู่การสร้างผลลัพธ์จริงได้อย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นกลไกการพัฒนาโจทย์สังคม การสนับสนุนแผนธุรกิจเพื่อสังคม การให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี การเชื่อมโยงองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญ ไปจนถึงการผลักดันให้เกิดต้นแบบหรือโครงการนำร่องเพื่อนำไปทดลอง ปรับปรุง และต่อยอดสู่การจัดตั้งธุรกิจที่มีความยั่งยืน
 
โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา การขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อสังคมของ NIA ได้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมในหลายมิติ ในปีงบประมาณ 2568 มีโครงการนวัตกรรมเพื่อสังคมที่ได้รับการสนับสนุน มากกว่า 171 โครงการ สร้างเม็ดเงินลงทุนรวมกว่า 135.8 ล้านบาท ทั้งจากการสนับสนุนของ NIA และการระดมทุนจากภาคเอกชน ส่งผลให้มีประชาชนได้รับผลประโยชน์จากนวัตกรรมกว่า 136,132 คน ทั่วทุกภูมิภาค และที่สำคัญคือสามารถตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) แล้วจำนวน 12 เป้าหมาย จากทั้งหมด 17 เป้าหมาย ได้แก่ การขจัดความยากจน ความมั่นคงทางอาหาร สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี น้ำสะอาดและสุขาภิบาล พลังงานสะอาด การจ้างงานและเศรษฐกิจ เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน การบริโภคที่ยั่งยืน การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ระบบนิเวศทางน้ำ ระบบนิเวศบนบก และความร่วมมือเพื่อการพัฒนา

“NIA ได้ขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อสังคมในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต หรือเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นในสังคม ผ่านกลไกการให้ทุนสนับสนุนโครงการนวัตกรรมเพื่อสังคมแบบให้เปล่า ในการพัฒนาต้นแบบธุรกิจนวัตกรรมเพื่อสังคมหรือนำร่องขยายผลนวัตกรรมเพื่อสังคมในพื้นที่ที่ช่วยแก้ไขปัญหาสังคมไทยในมิติต่างๆ อันจะนำไปสู่การสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสังคมอย่างยั่งยืน โดยแบ่งออกเป็น 4 กลไกหลัก ประกอบด้วย โครงการนวัตกรรมเพื่อสังคมรายสาขา ที่มุ่งสนับสนุนความหลากหลายของแนวคิดนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาสังคมไทยในมิติสำคัญต่างๆ อาทิ ด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ด้านการศึกษา ด้านการจ้างงานและสวัสดิการสังคม ด้านเกษตรกรรมยั่งยืน ด้านสุขภาพ และด้านการจัดการภัยพิบัติ โครงการนวัตกรรมสำหรับเมืองและชุมชน ที่มุ่งสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมสำหรับพัฒนาเมืองและชุมชน ผ่านการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาในประเด็นที่ท้าทายของชุมชนและเมือง โครงการหมู่บ้านนวัตกรรมเพื่อสังคม ซึ่งมุ่งเน้นสนับสนุนการนำผลงานนวัตกรรมเพื่อสังคมพร้อมใช้ไปขยายผลสู่พื้นที่เป้าหมายและก่อให้เกิดระบบนิเวศนวัตกรรมเพื่อสังคมที่สามารถแก้ไขปัญหา ส่งเสริม และสนับสนุนยกระดับคุณภาพชีวิตในพื้นที่เป้าหมายได้อย่างเหมาะสม และหน่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อสังคม ซึ่งเป็นการบ่มเพาะเพื่อยกระดับและพัฒนาขีดความสามารถให้แก่วิสาหกิจเพื่อสังคม ผู้ประกอบการเพื่อสังคม วิสาหกิจชุมชน หรือชุมชน เพื่อสร้างนวัตกรเพื่อสังคมที่สามารถพัฒนาแนวคิดนวัตกรรมไปสู่การสร้างผลงานนวัตกรรมเพื่อสังคมในการแก้ปัญหาสังคมต่างๆ ได้”

ดร.กริชผกา กล่าวต่อว่า หนึ่งในกลไกสำคัญที่ NIA ใช้ผลักดันเพื่อแก้ไขปัญหาสังคมในพื้นที่ คือ ‘หมู่บ้านนวัตกรรมเพื่อสังคม’ ซึ่งเป็นการสนับสนุนการนำนวัตกรรมพร้อมใช้มาแก้ไขปัญหาสังคมและพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชน สร้างพื้นที่ต้นแบบที่นำไปขยายผลได้ โดยเน้นแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ การเกษตร การจัดการน้ำ ทรัพยากร และอื่นๆ เพื่อยกระดับสู่การใช้งานจริง ทำให้ชุมชนเป็นศูนย์กลางของนวัตกรรมที่เข้มแข็งและยั่งยืน โดย NIA สามารถสร้างหมู่บ้านนวัตกรรมเพื่อสังคมที่ประสบผลสำเร็จไปแล้วรวมจำนวน 15 หมู่บ้าน พบว่าสามารถเพิ่มรายได้ชุมชนเฉลี่ย 20 % ภายใน 3 ปี ตามศักยภาพของพื้นที่ โดยโมเดลนี้ทำงานคล้าย “หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ยุคใหม่” ที่เสริมด้วยเทคโนโลยีและองค์ความรู้ เช่น ระบบตรวจวัดคุณภาพน้ำอัจฉริยะ นวัตกรรมเกษตรแม่นยำสูง แพลตฟอร์มดูแลผู้สูงอายุที่เชื่อมข้อมูลกับโรงพยาบาล รวมถึงนวัตกรรมแปรรูปสินค้าชุมชนที่เพิ่มมูลค่าได้หลายเท่าตัว เนื่องจากโมเดลหมู่บ้านนวัตกรรมออกแบบให้ชุมชนเป็นเจ้าของนวัตกรรมอย่างแท้จริง ไม่ใช่รับเทคโนโลยีจากภายนอก แต่ร่วมคิด ร่วมออกแบบ ร่วมพัฒนา ทำให้เกิดความเข้มแข็งในระยะยาว

สำหรับในปี 2569 NIA ในฐานะหน่วยงานขับเคลื่อนนวัตกรรมของประเทศ ยังคงเดินหน้าร่วมกับภาคีเครือข่ายนวัตกรรมในพื้นที่ภูมิภาค ขยายผลการดำเนินงานหมู่บ้านนวัตกรรมเพื่อสังคมไปในอีกหลายพื้นที่ พร้อมกำหนดโจทย์การพัฒนาที่สอดคล้องกับศักยภาพแต่ละพื้นที่ เช่น เกษตรมูลค่าสูง สิ่งแวดล้อมสีเขียว สุขภาพชุมชน และการดูแลผู้สูงอายุ โดยจังหวัดร้อยเอ็ดจะเป็นหนึ่งในพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่ใช้กลไกความร่วมมือระหว่างรัฐ มหาวิทยาลัย ผู้นำท้องถิ่น และผู้ประกอบการ เพื่อสร้างโมเดลที่นำไปใช้ได้ทั่วประเทศ ทั้งนี้ NIA คาดว่าในปี 2569 จะเกิดโครงการนวัตกรรมเพื่อสังคมรูปแบบใหม่ไม่น้อยกว่า 50 โครงการ พร้อมสร้างเม็ดเงินลงทุนเพิ่มอย่างน้อย 100 ล้านบาท และผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นประเทศที่มีระบบนวัตกรรมเชิงสังคมแข็งแกร่งที่สุดในอาเซียนภายในปี 2569 เพราะประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่เฟสสำคัญที่นวัตกรรมเป็นเครื่องยนต์นำการพัฒนา ไม่ใช่แค่ช่วยแก้ปัญหา แต่ช่วยสร้างตลาดใหม่ อุตสาหกรรมใหม่ และโอกาสใหม่ให้ชุมชน NIA จะมุ่งผลักดันให้นวัตกรรมเพื่อสังคมเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ชาติ ที่ช่วยยกระดับเศรษฐกิจควบคู่กับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *


กำลังโหลดความคิดเห็น