xs
xsm
sm
md
lg

“ตานี สยาม” พลิกฟื้นช่างสิบหมู่ สกุลแทงหยวก บายศรี จาก “กาบกล้วยตานี” สู่งานคราฟท์เวทีระดับโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



งานช่างสิบหมู่ในสกุลแทงหยวก สกุลบายศรี เป็นงานช่างกำลังจะถูกลืมและค่อยหายไป เพราะไม่ได้มีการใช้ช่างเหล่านี้ ในการทำงาน บ้านหลังเล็ก จังหวัดราชบุรี ที่สืบทอดการทำงานช่างสกุลแทงหยวก บายศรี ตกทอดมาหลายชั่วอายุคน จนมาถึง รุ่นที่ 4 ถ้าจะยังคงรักษาและอนุรักษ์ งานช่างตรงนี้ เอาไว้ จำเป็นที่จะต้องปรับตัว และเป็นที่มาของ กระเป๋าใบสวย แบรนด์ “ตานี สยาม” ที่หลายคนต้องอึ้ง เมื่อรู้ว่าผลิตมาจากกาบกล้วยตานี


ฟื้นงานช่างสกุลแทงหยวก บายศรี สู่งานคราฟท์ ร่วมสมัย

ธนกร สดใส ประธานวิสาหกิจชุมชนบ้านช่างสกุลบายศรี ผู้ก่อตั้งแบรนด์ “ตานี สยาม” ผลิตภัณฑ์กระเป๋า และของใช้ ผลิตมาจากกาบกล้วยตานี เล่าว่า ผลิตภัณฑ์ ตานี สยาม เป็นผลิตภัณฑ์ ทำจากกาบกล้วยตานี นำมาผ่านกระบวนการผลิต จนได้วัตถุดิบที่สามารถทดแทนหนัง ในการทำกระเป๋า และของใช้อื่นๆได้ โดยมีคุณสมบัติเหมือน กระเป๋าหนังสามารถกั้นน้ำได้ และไม่ก่อเกิดเชื้อรา

จุดเริ่มต้นของ “ตานี สยาม” มาจาก ตนเองเติบโตมาจากครอบครัว ที่ทำงานช่างสิบหมู่ในจังหวัดราชบุรี ในสกุลแทงหยวก และ สกุลบายศรี ซึ่งทำมาจากกาบกล้วยตานี ตนเองทำงานต่อจากครอบครัวเป็นรุ่นที่ 4 แต่ปัจจุบัน การใช้งานพวกนี้ลดน้อยลงไป และด้วยความคลุกคลี อยู่กับการสร้างสรรค์ผลงานจากกาบกล้วยของครอบครัวมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เกิดความผูกพันธ์ และสนใจความพิเศษวัตถุดิบจากธรรมชาติของกล้วย จนเป็นที่มาของความคิดต้องการอยากจะต่อยอด ไอเดียการทำกาบกล้วยมากกว่า การทำบายศรี ที่ครอบครัวทำอยู่


ทั้งนี้ จึงเป็นจุดกำเนิดของแบรนด์ “ตานี สยาม” กระเป๋าผลิตมาจากกาบกล้วยตานี ผลงานที่หลายๆ คนเห็นแล้วอึ้งกับฝีมือ และไอเดียสุดสร้างสรรค์ ของ “คุณธนกร” จนได้รับคัดเลือกจากทาง SACIT ให้เข้าร่วมเป็นสมาชิก พร้อมผลักดันแบรนด์ “ตานี สยาม” ให้ได้รับการรับรองใน SACIT Craft Collection ซึ่งผลงานของ ตานี สยาม ได้มีโอกาสไปโชว์ในหลายประเทศ และยังทำให้คนทั่วโลกให้เห็นถึงศักยภาพของงานคราฟท์ไทย ที่ไม่ได้แค่ความงดงามร่วมสมัย แต่ยังเป็นผลงานรักษ์โลกไปพร้อมๆ กันได้ แสดงให้เห็นว่า คราฟท์ไทยบนพื้นฐานของความรับผิดชอบต่อโลกและการสืบสานภูมิปัญญาที่ไม่ทิ้งรากเหง้า


สร้างรายได้สร้างอาชีพให้คนในชุมชน

นายธนกร เล่าว่า การได้สร้างสรรค์ผลงานแบรนด์ “ตานี สยาม” ไม่ได้แค่ชิ้นงานคุณภาพ ออกไปสู่สายตาชาวโลก และจำหน่ายสร้างรายได้ให้กับตัวเองเท่านั้น แต่ยังสร้างอาชีพให้กับคนในชุมชน และการได้สืบสานภูมิปัญญาดั้งเดิม ไปพร้อมกับการต่อยอดด้วยนวัตกรรมสมัยใหม่ และการทำงานของเรายัง เป็นการใช้กล้วยทั้งลำต้น ลดการเผา ก่อให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมด้วย

สำหรับผลงานของ ตานี สยาม ที่ผ่านมา ออกแบบสีสันตามฤดูกาล โดยแบ่งออกมาเป็น 3 คอลเลคชั่น เริ่มจากฤดูหนาว ออกแบบเป็นสีขาว ส่วนหน้าฝนเป็นสีดำ และ หน้าร้อนจะเป็นคัลเลอร์ฟูล การออกแบบตามฤดูกาล เพราะต้องการสื่อให้เห็นว่า ชิ้นงานของเรามาจากธรรมชาติ จากแนวคิดที่วางไว้ ตั้งแต่แรก คือ “สร้างสรรค์จากธรรมชาติ ผลิตจากฝีมือชุมชน ตานีสยาม จ.ราชบุรี”


ในส่วนของ กล้วยที่นำมาใช้ ทำไม ต้องเป็นกล้วยตานี เพราะกาบกล้วยตานีมีคุณสมบัติที่ไม่เปราะง่าย เป็นภูมิปัญญาโบราณ ที่เลือกใช้กล้วยตานีมาใช้กับการสร้างสรรค์ผลงานแทงหยวก และบายศรี เป็นกล้วยโบราณที่ปัจจุบันหาคนปลูกได้น้อยมาก ทางเราเอง ก็ต้องการจะอนุรักษ์ กล้วยตานี ให้อยู่คู่กับภูมิปัญญาของคนไทยด้วย


ผสานภูมิปัญญา เทคโนโลยีสมัยใหม่ เพิ่มมูลค่ากลัวยตานี

นายธนกร เล่าว่า ตนเองเรียนจบด้าน เทคโนโลยีเคมีสิ่งทอ ได้นำมาใช้กับการเพิ่มมูลค่า และสร้างคุณค่า กล้วยตานี ซึ่งเป็นต้นทุนที่เรามีอยู่ในบ้านในชุมชนของเราอยู่แล้ว เป็นต้นทุนรากเหงาภูมิปัญญาท้องถิ่น เรื่องของเครื่องสักการะชั้นสูง อย่างงานแทงหยวก หรือ บายศรี กลายเป็นนวัตกรรม ขึ้นมา โดยปรับมาใช้กับการออกแบบผลิตภัณฑ์ หรือ ของใช้ ร่วมสมัย ได้ เป็นความภาคภูมิใจ ของเรา เพราะไม่ได้แค่คนไทยได้ชื่นชมกับผลงานของเรา ต่างชาติเองได้รู้ว่า เรามีงานคราฟท์ ที่เป็นวัฒนธรรมประเพณีที่สวยงามและน่ายกย่องมากแค่ไหน

นายธนกร เล่าว่า ตนเองได้ใช้เวลากับการทำงานเพื่อพัฒนาสร้างสรรค์ผลงาน ตานี สยาม อยู่นานกว่า 7 ปี โดยได้เปิดตัวก่อน สถานการณ์โควิด-19 ระบาด พอเจอโควิดทุกอย่างก็ต้องหยุดชะงักไป แต่โชคดี ที่มีหน่วยงาน องค์กรที่ได้เห็นผลงานของเรา มีซื้อไปเป็นของขวัญ ของฝาก ทำให้เราสามารถผ่านพ้นโควิดช่วงนั้นมาได้ และสามารถดำเนินกิจการต่อมาได้ถึงทุกวันนี้


วางจำหน่ายหลายประเทศในยุโรป

โดยปัจจุบันมีสินค้าวางจำหน่ายอยู่ที่ศูนย์เจ็ดเสมียน อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ส่วนออนไลน์ในเฟซบุ๊ก เพจ Tanee Siam นอกจากนี้ มีวางจำหน่ายในต่างประเทศ ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และอีกหลายประเทศในแถบยุโรป และมีแผนจะนำไปวาขายในประเทศ สหรัฐอเมริกาด้วย

ในส่วนของการผลิต เริ่มตั้งแต่การปลูกกล้วยตานี จะปลูกแบบอินทรีย์เท่านั้น และในขั้นตอนการผลิตไม่ได้มีการฟอกย้อม ใช้การตากแดดธรรมชาติ และไม่ได้ใช้สารเคมีในการทำกระบวนการสี โดยสีสัน และลวดลายเกิดขึ้นจากสิ่งที่ธรรมชาติ สร้างสรรค์ขึ้น ดังนั้น ถ้าแปลงไหนใช้เคมี สีสันจะไม่เป็นไปตามธรรมชาติ ซึ่งเราจะให้ความสำคัญต้องนี้ ทุกแปลงที่ปลูกส่งให้เราต้องผ่านการตรวจสอบตามกฎกติกา


เกษตรกรมีรายได้เพิ่มจากการขายกล้วยต้นละ 50 บาท

สำหรับแปลงปลูกกล้วย และส่งให้ตานี สยาม จะเป็นแปลงที่อยู่ภายใต้วิสาหกิจชุมชน บ้านช่างสกุลบายศรี จำนวน 30 ครอบครัว โดย 1 ครัวเรือน ปลูกได้ 1 ไร่ จำนวน 250 ต้น ทางตานี สยามของเราจะรับซื้อมาแปรรูปต้นละ 50 บาท เจ้าของสวนกล้วยจะมีรายได้ ประมาณ 12,500 บาท ต่อครัวเรือน ต่อไร่ สร้างรายได้เสริมให้กับเกษตรกรที่เป็นสมาชิกของกลุ่ม มีรายได้เพิ่มขึ้นจากรายได้ที่ได้รับ และในอนาคตจะขยายการปลูกเพิ่มเป็น 80 ครอบครัว หลังจากช่องทางการจำหน่ายของ ตานี สยามเพิ่มขึ้น ความต้องการวัตถุดิบเพื่อนำมาผลิตก็เพิ่มมากขึ้น ตามจำนวนสินค้าที่เราผลิตมากขึ้น

ติดต่อ Facebook : Tanee Siam


คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด


กำลังโหลดความคิดเห็น