xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป) “น้ำจิ้มฟรีซดราย” Spicy Monsters ไอเดียธุรกิจจากของใกล้ตัว! พาอาหารไทยโลดแล่น ตปท. เปิดขาย 3 เดือนยอดทะลุหลักแสน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เริ่มต้นธุรกิจจากสิ่งของใกล้ตัวเพราะคนไทยขาดอาหารไทยไม่ได้ จึงเกิดเป็น “น้ำจิ้มฟรีซดราย” แบรนด์ Spicy Monsters ที่เจ้าของแบรนด์เริ่มจากการคิดถึงอาหารไทยและได้ยินเสียงจากเพื่อนต่างชาติว่าต้องการอาหารไทยที่พกพาง่ายกลับประเทศ จึงเป็นไอเดียในการเริ่มต้นทำธุรกิจในครั้งนี้ ซึ่งเริ่มต้นมาได้ประมาณ 3 เดือนก็สามารถสร้างยอดขายได้เกือบ 10,000 กระปุก หลักแสนบาท


นางสาวฐานะมาศ ศิขินารัมย์ หรือ ข้าวปุ้น เจ้าของแบรนด์น้ำจิ้มฟรีซดราย Spicy Monsters เล่าว่า จุดเริ่มต้นในการสร้างแบรนด์เริ่มต้นมาจากการที่เธอทำพาร์ทไทม์ล่ามแปลภาษาตามบูธสินค้าหรือบูธเจรจาธุรกิจในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยจนกระทั่งเรียนจบ โดยเธอเองเรียนจบนิติศาสตร์มาและได้ทำงานเกี่ยวกับกฎหมายอยู่สักพัก ทั้งนี้ในช่วงที่กำลังเรียนอยู่เธอได้เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน พอไปแลกเปลี่ยนต่างประเทศเพื่อนๆ ก็มักจะสอบถามเกี่ยวกับอาหารไทย ซึ่งก่อนหน้านี้เธอเองมีฟาร์มไข่ไก่และทำร้านขนมมาก่อน เวลาเพื่อนมาเที่ยวที่ไทยก็มักจะบอกว่าเธอทำธุรกิจแต่ไม่สามารถหิ้วกลับประเทศเพื่อนได้ เธอจึงเก็บเอาคำพูดของเพื่อนมาคิด


หลังจากนั้นได้ไปเที่ยวประเทศจีนและได้เจอกับเพื่อนคุณพ่อพร้อมกับพูดถึงอาหารไทยว่ารสชาติอาหารไทยที่จีนจะไม่ค่อยเหมือนรสชาติที่กินที่ไทย เธอจึงเกิดแนวคิดการทำธุรกิจอาหารไทยขึ้นมาและเลือกทำเป็น “น้ำจิ้ม” เพราะคนไทยแทบทุกมื้ออาหารจะมีน้ำจิ้มต่างๆ อยู่ในมื้อนั้นๆ ด้วย ทำให้เธอเลือกทำสินค้าจากจุดเล็กๆ ก่อน และเลือกทำเป็น “น้ำจิ้มฟรีซดราย” ในชื่อแบรนด์ “Spicy Monsters” เนื่องจากสามารถพกพาขึ้นเครื่องบินได้อย่างสะดวกและสามารถฉีกและเติมน้ำก็สามารถกินได้แล้ว และมีคอนเส็ปต์คือ One dip to thai taste จิ้มเดียวถึงบ้าน


การทำแบบฟรีซดรายคือกระบวนการรีดน้ำออกจากอาหารให้มีน้ำหนักเบา สะดวกต่อการพกพา ปัจจุบันมีทั้งหมด 3 รสชาติ ได้แก่ น้ำจิ้มแจ่ว น้ำจิ้มซีฟู้ด และน้ำจิ้มสุกี้กระทะ ซึ่งน้ำจิ้มแจ่วจะเป็นตัวซิกเนเจอร์และขายดีที่สุด นอกจากนี้ยังได้มาตรฐาน HACCP และ อย. ปัจจุบันเพิ่งเริ่มต้นทำธุรกิจได้เพียง 3 เดือน ทั้งนี้น้ำจิ้มฟรีซดราย Spicy Monsters จะมีจุดเด่นตรงที่ไม่แต่งสี แต่งกลิ่นสังเคราะห์ และมองว่าการเลือกทำแบบฟรีซดรายจะสามารถทำให้สินค้ามีรสชาติและกลิ่นใกล้เคียงแบบปกติมากที่สุด


ในส่วนของกำลังการผลิตนั้นล็อตล่าสุดผลิตอยู่ที่ 7,000 ชิ้นทุกรสชาติรวมกัน และกำลังวางแผนเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องและยังคงเป็นการผลิตแบบ OEM ปัจจุบันมีลูกค้าทั้งคนไทย 85% และต่างชาติ 15% ซึ่งขายผ่านช่องทางออนไลน์ทั้งหมด เช่น Shopee Lazada และ TikTok โดยในระยะเวลา 3 เดือนที่เริ่มทำธุรกิจได้มีการทำการตลาดออนไลน์เป็นหลัก และมีราคากระปุกละ 39 บาท ขนาด 10 กรัม

ในมุมมองของการเป็นล่ามและนักกฎหมายแต่ผันตัวมาเป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สิ่งที่เหมือนกันคือการหาจุดร่วมที่สามารถตกลงกันได้อย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งคุณข้าวปุ้นมองว่าสามารถนำมาปรับใช้ได้กับอาชีพที่ทำร่วมกันในตอนนี้ พร้อมกับเรียนรู้ในการทำธุรกิจอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจุดยืนในตลาดนั้นทางแบรนด์เปิดเผยว่า พยายามทำแบรนด์ให้ลูกค้ารู้สึกว่ารับรู้ความรู้สึกหรือความคิดเห็นจากลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ โดยนำเอาแนวคิดการทำธุรกิจที่ว่า “เอาลูกค้าเป็นสารตั้งต้น” มาพัฒนาสินค้าต่อไป ซึ่งถ้าหากมองข้ามความคิดเห็นลูกค้าธุรกิจอาจจะไปต่อไม่ได้


แผนธุรกิจของแบรนด์ในตอนนี้มองว่าต้องการสร้างแบรนด์ให้แข็งแรงภายใน 6 เดือนก่อนถึงจะก้าวในขั้นต่อไปได้ เนื่องจากต้องการให้แบรนด์เป็นที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับในตลาด นอกจากนี้ยังโฟกัสที่แบรนด์ของตัวเองเพื่อให้ได้สินค้าที่ตอบโจทย์คนไทยหรือต่างชาติในต่างประเทศ ซึ่งสินค้าของทางแบรนด์มีความแตกต่างจากอาหารไทยรูปแบบอื่นที่ส่งออกไปขายต่างประเทศ

ในยุคที่เศรษฐกิจค่อนข้างไม่ดีแต่ต้องการเริ่มต้นทำธุรกิจ เจ้าของแบรนด์เปิดเผยและแนะนำผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายอื่นว่า “หนูว่าพยายามทำอะไรที่มันเข้ากับเราจริงๆ หรือถ้ายังไม่รู้ว่าจะทำอะไรให้ไปลองทำทุกอย่างเหมือนหนูเลย หนูลองทำมาก่อนคือลองทำทุกอย่างที่อยากทำหรือได้โอกาสอะไรมาก็ทำแล้วมันจะสอนให้เราตกตะกอนเองว่าเราชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร ถ้าเราอยู่กับสิ่งที่เราชอบมากๆ เราจะรู้ว่าเราหาทางไปต่อยังไงดี อย่างหนูก่อนหน้านี้หนูเคยขายไข่ ขายขนม หลักๆ หนูก็จะรู้แล้วว่าสงสัยเราจะชอบธุรกิจอาหาร แล้วเราจะทำยังไงดีถ้าอยากขยายสินค้าให้โตเรื่อยๆ มันก็จะค่อยๆ หาเจอไปเอง ซึ่งฝากถึงคนที่ไม่กล้าจะเริ่มต้นคือมันไม่มีวันที่พร้อมที่สุด วันที่พร้อมที่สุดคือวันนี้ค่ะ” คุณข้าวปุ้น ระบุ


ในส่วนของแพคเกจจิ้งทางแบรนด์ออกแบบมาในรูปแบบถ้วยพร้อมทาน ฉีกฝาเติมน้ำแล้วสามารถกินได้ โดยมองว่าการออกแบบแพคเกจจิ้งให้เป็นแบบถ้วยจะง่ายและสะดวกต่อผู้บริโภคมากที่สุด ไม่ต้องเสียเวลาหาถ้วยมาใส่เพิ่ม เรียกได้ว่าจบครบในถ้วยเดียวและตอบโจทย์ทั้งการกินและการพกพาไปต่างประเทศหรือสถานที่ต่างๆ ที่ต้องการ นอกจากนี้เจ้าของแบรนด์ยังบอกอีกว่าต้องการโฟกัสตลาดไทยให้คนไทยรู้จักแบรนด์มากยิ่งขึ้น

สำหรับยอดขายใน 3 เดือนที่ผ่านมา ทางแบรนด์เปิดเผยว่าสามารถสร้างยอดขายได้ประมาณหลักแสนบาท และขายน้ำจิ้มฟรีซดรายไปได้เกือบ 10,000 กระปุก นอกจากนี้แผนธุรกิจในอนาคตทางแบรนด์มองว่าจะแตกไลน์สินค้าเพิ่ม โดยจะเพิ่มเป็นสแน็คหรือเพิ่มสินค้าฟรีซดราย โดยเลือกวัตถุดิบที่เป็นของไทยเหมือนเดิมกับน้ำจิ้ม ทั้งนี้เนื่องจากสินค้าวางขายในช่องทางออนไลน์ก็จะมีนักรีวิวหรืออินฟลูเอนเซอร์กดสั่งสินค้าไปรีวิว ทำให้มียอดขายที่เพิ่มขึ้น บวกกับช่องของทางแบรนด์เองที่มีการสร้างคอนเทนต์โปรโมตสินค้าก็ทำให้ลูกค้ามองเห็นและกดสั่งซื้อเพิ่มขึ้น


อย่างไรก็ตาม ทำไมผู้บริโภคต้องซื้อน้ำจิ้มฟรีซดราย คุณข้าวปุ้น บอกว่า น้ำจิ้มฟรีซดรายตอบโจทย์สำหรับคนที่คิดถึงอาหารไทยเมื่ออยู่ในต่างประเทศ การทำสินค้าออกมาในรูปแบบน้ำจิ้มฟรีซดรายเพราะมองว่ายังมีอีกหลายคนที่ต้องการ ซึ่งการฟรีซดรายก็ทั้งง่ายและสะดวกต่อผู้บริโภคอย่างมาก เมื่อไปต่างประเทศเป็นเวลานานได้กินสินค้าของทางแบรนด์ก็อาจจะพอหายคิดถึงอาหารไทยได้บ้าง นอกจากนี้เป้าหมายและก้าวต่อไปของแบรนด์คือการนำสินค้าเข้าห้างโมเดิร์นเทรดและเพิ่มกำลังการผลิตให้มากยิ่งขึ้น

ติดต่อเพิ่มเติม
Facrbook :
Spicy Monsters



* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *
กำลังโหลดความคิดเห็น