xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป) ตลาดปังไม่พัก! เปลี่ยนวิกฤตโลว์ซีซั่น “กุ้งก้ามกรามไทย” เป็นโอกาสใหม่ส่งออกจีนในรูปแบบกุ้งต้ม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ปัจจุบันนี้กุ้งก้ามกรามที่ส่งออกไปวอลลุ่มที่เยอะสุด ที่อยากได้ คือประเทศจีน ตั้งแต่ไซซ์ 8 ตัว/กก.ถึง 25 ตัว/กก.วันนี้นอกจากประเทศจีนแล้วเรายังส่งออกไปอเมริกา ยุโรป ไต้หวัน แต่ว่าจุดใหญ่ที่สุดที่ต้องการ “กุ้งต้ม” และสีสวยคือยังเป็นประเทศจีน


คืออย่างนี้ครับพื้นฐานเดิมของ “กุ้งก้ามกราม” บ้านเราจะเลี้ยงลงและจับขายเป็น seasonal เหตุที่เป็นอย่างนั้นเพราะว่าเราบริโภคในประเทศ 80% ทำให้ราคาช่วงปีใหม่ สงกรานต์ ออกพรรษาแพง แต่ช่วงที่ไม่มีการบริโภคหรือตลาดเหมือนอย่างในช่วงเข้าพรรษาที่ผ่านมา ราคาตกต่ำมาก แต่เมื่อเรามี “ห้องเย็น” มาซัพราคาจะถูกขึงต่อเนื่อง ทำให้ราคาเนี่ยเสถียรทั้งปี ตอนนี้ผมในฐานะตัวแทนเกษตรกรเราไม่ได้คาดหวังว่า ราคาจะสูงขึ้นไป แต่ขอให้อย่าลงเพราะว่ามีการรับซื้อก็มีห้องเย็นเข้ามา absorb ออกจากระบบในช่วงที่มันล้น เพราะฉะนั้นถ้าแค่ราคาที่มันอยู่ได้ เพราะว่าเสน่ห์ของกุ้งก้ามกรามราคาเนี่ยราคาขายปัจจุบันสูงกว่ากุ้งปกติ (กุ้งขาวหรือกุ้งกุลาดำ) อยู่แล้วและก็เสน่ห์ของมันคือ “ต้นทุน” ต่อกิโลฯ มันต่ำ แต่มันมีข้อเสียคือ มันราคาจะตกและขึ้นเป็นช่วง ๆ แต่ถ้ามีห้องเย็นเข้ามาซัพ “ของ” วัตถุดิบในช่วงที่ล้นออกจากตลาดและห้องเย็นก็มาจูงใจให้เกษตรกรปล่อยในช่วงที่มันไม่มีราคา” นายสมประสงค์ เนตรทิพย์ นายกสมาคมกุ้งตะวันออกไทย ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับกุ้งก้ามกรามไทยที่สามารถส่งออกได้แล้วช่วงหนึ่งในระหว่างการให้สัมภาษณ์ถึงการจัดงาน “สัตว์น้ำไทย 2025 (Thai Aqua Expo 2025)” ที่กำลังจะมีขึ้นในเดือนธันวาคมนี้


“ไฮไลต์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งสำหรับพี่น้องเกษตรกรที่เลี้ยงกุ้งก้ามกราม ปีนี้เราได้ส่งออกกุ้งก้ามกรามไปต่างประเทศแล้ว เหลือเพียงแต่ว่า เรากับฝ่ายห้องเย็นจะมาปรับจูนกันอย่างไรทำให้สินค้าที่เราผลิต เป็นที่ต้องการของเย็น และห้องเย็นจะได้นำไปเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ซื้อปลายทาง ทำให้ทั้งห่วงโซ่เรายั่งยืนไปด้วยกัน” ปีที่แล้วในงานสัตว์น้ำไทยเราอัพเดตเรื่องของ “กฎ” ระเบียบ ทะเบียนฟาร์ม สิ่งที่ห้องเย็นต้องการเอกสารเพื่อประกอบกับกุ้งที่จะส่งออก ซึ่งปีที่ผ่านมาเราได้มีการส่งออกทั้งเป็นโปรดักส์ที่เป็นกุ้งฟรีซ(แช่แข็ง) และโปรดักที่เป็นพระเอกของกุ้งก้ามกรามเลยคือ “กุ้งต้ม” แช่แข็งส่งออก และก็ปัจจุบันนี้เองห้องเย็นหลายห้องเย็นก็ได้ขึ้นทะเบียนเป็น “ผู้ผลิตเพื่อส่งออก” กับกรมประมงเยอะขึ้น ความต้องการของตลาดปลายทางเยอะขึ้น“แต่สิ่งที่เรายังขาดที่ประเด็นปีนี้ต้องพูดกันต่อก็คือว่า วัตถุดิบที่ส่งไปให้กับห้องเย็นเพื่อแปรรูปยังไม่ถูกใจห้องเย็น มีการ reject บางส่วนอย่างเช่น กุ้งนิ่ม กุ้งท้องดำ กุ้งเป็นแผล ออกมาทำให้พี่น้องเกษตรกรบางคนเสียโอกาสในการขายไม่ได้ขายได้ทั้งหมด ปีนี้เราเลยต้องนำหัวข้อนี้มานั่งคุยพูดคุยกันว่า ห้องเย็นไหนต้องการกุ้งเกรด A ต้องการเกรด B ที่รองลงมา ที่เป็นแบบรับได้ ห้องเย็นไหนต้องการไซซ์ไหน เพราะแต่ละห้องเย็นก็จะมีกลุ่มลูกค้าต่างกัน ก็จะได้นำมาสื่อให้กับพี่น้องเกษตรกรได้รู้ว่าตัวเราเองถนัดการเลี้ยงโมเดลแบบนี้ เราได้วัตถุดิบลักษณะแบบนี้เราจะส่งไปที่ไหน เรียกได้ว่า เหมือนกับว่าเป็นการวางแผนการขายก่อนที่จะลงเลี้ยง”


“โอกาสใหม่” สำหรับเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกรามทั่วประเทศ
วันนี้ในองค์ประกอบของกุ้งก้ามกรามเรามีการพัฒนา “พันธุ์” ไปไกลมาก เรามีการพัฒนารูปแบบการเลี้ยงได้ดีมาก เหลืออีกนิดเดียวว่า จะปรับจูนตรงนี้อย่างไร เพราะว่าถ้าเกิดว่าตรงนี้เกษตรกรกับห้องเย็นปรับจูนกันได้ ผมมั่นใจว่าโปรดักส์ของกุ้งก้ามกรามเราจะส่งออก เราสามารถทำขึ้นเป็น อันดับ 1 ของโลกได้ เพราะว่าประเทศเรามีองค์ประกอบครบมากกว่าประเทศอื่น“เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็จะเป็นโอกาสและก็เพิ่มอาชีพให้กับพี่น้องที่อยู่พื้นที่ ห่างจากทะเลก็สามารถ ทั้งภาคอีสาน ทั้งภาคกลาง อาจจะสามารถเป็นอาชีพใหม่หรืออาชีพที่อยากจะเปลี่ยนมา เพราะว่าความต้องการของกุ้งก้ามกรามในตลาดโลกวันนี้สูงมาก”

“จีน” ตลาดเบอร์ต้น ๆ ที่ต้องการซื้อกุ้งก้ามกราม(ต้ม) จากไทย
เพราะว่าในประเทศจีนเองยังมีพื้นที่การเลี้ยงที่เขาไม่ เขามีอากาศที่ค่อนข้างเย็น มันต้องใช้เวลาในการเลี้ยงนาน ซึ่งบ้านเราเหมาะสมกว่าทำให้เรามีโอกาสที่จะแซงขึ้น เพราะปัจจุบันนี้ผลผลิตกุ้งก้ามกรามเราเป็นอันดับ 4 หรืออันดับ 5 ของโลก เราสามารถขึ้นเป็นอันดับ 1 ได้“ซึ่งถามว่าทำไมถึงจะขึ้นเป็นอันดับ 1 ได้ อันดับ 1 ของโลกที่ผลิตกุ้งก้ามกรามได้ตอนนี้คือ แค่หลักแสนตันเองครับ ซึ่งบ้านเราทำได้ เพราะฉะนั้นบ้านเราทำได้ นี่คือความท้าทายใหม่ที่จะเป็นเหมือน “โอกาส” ให้กับพี่น้องเกษตรกรทุกท่าน” มาช่วยกันพัฒนาให้เราเป็นอาชีพอีกอาชีพหนึ่งที่สร้างความมั่นคงให้กับพี่น้องเกษตรกร


เปลี่ยนโลว์ซีซั่น “กุ้งก้ามกราม” ให้เป็นโอกาสใหม่
ที่จะทำให้คอขวดในช่วงที่ของล้นในช่วงที่ไม่ใช่เทศกาลหายออกไป ขาดผู้ซื้อในช่วงที่ไม่มีใครลงหายออกไป จะทำให้เกษตรกรสามารถลงกุ้งได้ทั้งปีต่อเนื่อง อันนี้จะเป็นโอกาสสำคัญ เพราะปัจจุบันนี้คืออย่างนี้ครับในเรื่องราคาเนี่ย“เมื่อก่อนตลาดบ้านเราต้องเลี้ยงไปไซซ์ใหญ่ 10-15 ตัว/กก. ถึงจะขายได้ เพราะร้านอาหารหรือร้านค้าเขาจะเอาไซซ์ใหญ่ มันมีไซซ์ที่เล็กมาเขาก็จะมาทำเป็น ต้มยำบ้าง ทำเป็นเมนูบุฟเฟต์บ้าง แต่ปัจจุบันนี้พอมีห้องเย็นเข้ามา ห้องเย็นต้องการไซซ์เสมอ เกษตรกรก็สามารถเลี้ยงโมเดลไปหนาแน่นแบบนั้น ใครก็คือเลี้ยงบางลดต้นทุนไปไซซ์ใหญ่เลย ก็ขายราคา 300 กว่า เกษตรกรอยู่ได้ แต่ส่วนห้องเย็นวันนี้เองยุโรป อเมริกา ต้องการไซซ์ 21-25 ตัว/กก. เกษตรกรที่ไม่สามารถเลี้ยงไซซ์ใหญ่ คุณก็สามารถมาเลี้ยงไซซ์กลาง ก็มีตลาดอย่างเงี้ยครับ”มันก็จะมีหลายโมเดลทำให้ “ราคา” อาจจะลงมา 200 กว่าบาทไม่ได้ขายได้ 300 แต่ก็มีวอลลุ่มผลผลิตต่อไร่ขึ้นมาทดแทน ก็จะทำให้เกษตรกรอยู่ได้


สิ่งสำคัญคือเรื่อง “มาตรฐาน” ที่ทุกฝ่ายจะต้องร่วมใจกัน
นายกสมาคมกุ้งตะวันออกไทย ในฐานะตัวแทนผู้จัดงานฯ ยังบอกด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเกษตรกรเองก็ต้องเข้าใจเรื่องของ “มาตรฐาน” การผลิตต้องเข้าใจเรื่อง “สารตกค้าง”ที่มันจะส่งกระทบต่อผู้บริโภค เพราะฉะนั้นเราทั้งห่วงโซ่ต้องมีความรับผิดชอบร่วมกัน เกษตรกรต้องไม่ใช้ยาไม่ใช้สาร เพราะเมื่อส่งเข้าห้องเย็น ห้องเย็นนำไปส่งออก เพราะประเทศปลายทางเขาก็ต้องมีการตรวจสารตกค้างตรวจการใช้ยาเพราะฉะนั้นเราเองก็ต้องมีความรับผิดชอบร่วมกัน ทางโรงเพาะฟัก(ต้นน้ำ) ก็เช่นกัน ในกระบวนการผลิตก็ใช้ “ลูกกุ้ง” ที่ปลอดโรค ทำให้เกษตรกรที่นำไปเลี้ยง-เลี้ยงง่าย ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ยา ห้องเย็นก็สามารถได้ของที่ดี เพราะฉะนั้นเราทั้งห่วงโซ่นะครับในงานเราก็จะมีตัวแทนขึ้นมาให้ข้อมูล ให้ความรู้เหล่านี้ ทำให้ท่านจะได้สามารถเอาไปปรับจูนใช้กับอาชีพเดิมที่ท่านมี ทำให้มันดีขึ้น หรือจะปรับหรือจะเปลี่ยน ให้มันเหมาะสมกับองค์ความรู้หรืออุปกรณ์ที่ตัวเองมี



สำหรับงาน Thai Aqua Expo 2025 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2–4 ธันวาคม 2568 ณ โรงแรมซันไรส์ ลากูน โฮเทล แอนด์ กอล์ฟ
จังหวัดฉะเชิงเทรา ภายในงานจะมีกิจกรรมหลัก ได้แก่
• การสัมมนาวิชาการ จากผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศ
ครอบคลุมประเด็นสำคัญ เช่น การถอดแบบโมเดลฟาร์มต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จ,
การเพิ่มผลผลิตกุ้งกุลาดำตามยุทธศาสตร์ต้นน้ำ–กลางน้ำ–ปลายน้ำ,
ตลาดส่งออกปลากะพงสู่จีนและตะวันออกกลาง, และนโยบายกรมประมงต่อการใช้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการฟาร์มยุคใหม่
• นิทรรศการเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์
จากบริษัทชั้นนำกว่า 50 แห่ง รวมกว่า 70 บูธ
• กิจกรรมเจรจาธุรกิจ (Business Matching) และโซนนิทรรศการนวัตกรรมสัตว์น้ำเพื่อความยั่งยืน

งานในปีนี้คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมกว่า 3,000 คน จากทั่วประเทศ ซึ่งจะเป็นอีกก้าวสำคัญของการรวมพลังคนในอุตสาหกรรมสัตว์น้ำไทยเพื่อขับเคลื่อนไปสู่อนาคตที่มั่นคงและยั่งยืน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สมาคมกุ้งตะวันออกไทย โทร.081-429-0893 FB : Thai Aqua Expo 2025

คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด


กำลังโหลดความคิดเห็น