ศูนย์ส่งเสริมอาชีพคนพิการ (โรงงานปีคนพิการสากล) เป็นโรงงานที่ผลิตสินค้าของใช้จากผ้าและน้ำดื่ม โดยผู้พิการ เปิดดำเนินกิจการมาตั้งแต่ปี 2526 โรงงานตั้งอยู่ที่ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ซึ่งโรงงานดังกล่าวก่อตั้งขึ้นมาเพื่อให้คนพิการ มีงานทำ มีรายได้สามารถช่วยเหลือตนเองได้ โดยไม่เป็นภาระต่อครอบครัว และ สังคม
สร้างอาชีพคนพิการไม่เป็นภาระครอบครัว สังคม
นางสาวพัฒนา วัชรงค์ ผู้อำนวยการ ศูนย์ส่งเสริมอาชีพคนพิการ โรงงานปีคนพิการสากล เล่าว่า ปัจจุบันมีผู้พิการ ที่ทำงานโรงงานแห่งนี้ จำนวน 48 ราย เป็นผู้พิการที่ติดต่อเข้ามาสมัครทำงาน และส่วนหนึ่งมาจากทางบริษัทเอกชน ส่งมาให้กับทำงานกับเรา เพราะตามกฎหมายการจ้างงาน มาตรา 33 กำหนดให้บริษัทองค์กร ต้องจ้างแรงงานผู้พิการ บางบริษัทฯ ไม่มีตำแหน่งงานให้ ส่งมาทำงานที่โรงงานปีคนพิการสากล คนพิการเหล่านั้นจะมีรายได้ 2 ทาง คือ รับเงินในฐานะพนักงานของบริษัท และรับเงินจากการทำงานที่โรงงานปีคนพิการสากล ด้วย
สำหรับผู้พิการที่สมัครเข้ามาทำงาน ส่วนใหญ่จะเป็นผู้พิการที่ไม่ใช่ผู้พิการซ้ำซ้อน ส่วนอายุไม่ได้จำกัด ก่อนจะทำงานก็ต้องดูศักยภาพของผู้พิการว่าสามารถทำงานอะไรได้บ้าง โดยก่อนเริ่มทำงานต้องผ่านการฝึกก่อน เพื่อให้ผู้พิการเหล่านั้นมีทักษะและทำงานได้อย่างปลอดภัยไม่เป็นอันตราย
รับผลิตเสื้อผ้า กระเป๋า และน้ำดื่ม ตามออเดอร์
รายได้มากเพียงพอ โดยไม่ต้องพึ่งเงินสนับสนุน
ปัจจุบัน ได้เปิดดำเนินกิจกรรม 2 แผนก คือ 1. แผนกผลิตภัณฑ์จากจักรอุตสาหกรรม ได้แก่ กระเป๋าผ้าแบบต่างๆ เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย ฯลฯ ซึ่งผู้พิการส่วนใหญ่จะรับเป็นชิ้นงานยังไม่มีความสามารถจะประกอบออกมาสำเร็จได้เลยที่เดียว ทางทีมงานที่ดูแลจะนำไปประกอบร่างต่อ หรือไม่ ผู้พิการท่านไหนมีความสามารถสามารถนำชิ้นงานเหล่านี้ ไปประกอบร่าง และส่งให้กับลูกค้าตามออเดอร์ ปัจจุบันมีลูกค้า หน่วยงานต่างๆ สั่งออเดอร์ กับทางโรงงานค่อนข้างเยอะ มีรายได้ต่อปีกว่า 12 ล้านบาท เพียงพอต่อการดำเนินกิจการ ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องรอเงินสนับสนุนจากหน่วยงาน องค์กรต่างๆ
ทั้งนี้ ในส่วนของลูกค้าจะมีทั้ง หน่วยงานภาครัฐ และ หน่วยงานภาคเอกชน สั่งผลิตน้ำดื่ม โดยใส่โลโก้ของตัวเอง หรือ สั่งทำกระเป๋าผ้า หรือ ของใช้ เพื่อนำไปเป็นของแจกของที่ระลึกในโอกาสพิเศษ ๆ หรือ งานบางส่วนที่ทางโรงงานออกและผลิตเอง มีนำไปออกบูทตามงานต่างๆ ที่เชิญมา เช่น งานใหญ่สำหรับคนพิการที่กำลังจะจัดขึ้นในเร็วๆ สำหรับงาน "Job and Market Fair : มหกรรมสร้างงาน สร้างอาชีพคนพิการ” คนพิการจะนำสินค้าที่ตนเองผลิต มาโชว์ในงานนี้ กว่า 300 บูท ระหว่างวันที่ 20-21 ตุลาคม 2568 ณ อาคาร B ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ
พร้อมโชว์ศักยภาพ ก้าวข้ามข้อจำกัดความพิการ
นายกันตพงศ์ รังษีสว่าง ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) เป็นประธานจัดงาน “Job and Market Fair : มหกรรมสร้างงาน สร้างอาชีพคนพิการ” ภายใต้นโยบาย “พม.ใกล้คุณ” โดย นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ซึ่งจัดโดยกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยว่า สำหรับการจัดงานในปีนี้ จัดขึ้น ระหว่างวันที่ 20 - 21 ตุลาคม 2568 ณ อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคาร B) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ กรุงเทพฯ เพื่อให้กลุ่มเปราะบางได้รับการช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ ด้วยการเข้าถึงสิทธิประโยชน์ที่พึงมี และสามารถ “ตั้งหลักใหม่” เพื่อก้าวต่อไปอย่างมั่นคง
โดยมี นางสาวสนธยา บุณยภูษิต อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พร้อมด้วย คณะผู้บริหารกระทรวง พม. คนพิการ ครอบครัวคนพิการ องค์กรคนพิการ อาสาสมัคร เครือข่ายเอกชน เข้าร่วมงานแถลงข่าว ณ บริเวณโถง ชั้น 1 อาคารกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ สะพานขาว กรุงเทพฯ
สร้างอาชีพผู้พิการ ลดภาระหนี้ที่สูง
นายกันตพงศ์ กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหาสังคมที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็นหนี้ครัวเรือนที่สูงและยืดเยื้อ และการดูแลแบบ “บ้านสองวัย” ที่ผู้สูงอายุต้องเลี้ยงดูเด็กแทนพ่อแม่วัยทำงาน ซึ่งส่งผลต่อช่องว่างระหว่างวัย อีกทั้งคนพิการต้องรับภาระค่าใช้จ่ายมากกว่าคนทั่วไป ทั้งค่าดูแลอุปกรณ์ และการเดินทาง มีความเสี่ยงต่อการเข้าสู่ความยากจนซ้ำซ้อน
ทั้งนี้ กระทรวง พม. จึงมุ่งขับเคลื่อนงานตามนโยบาย "พม.ใกล้คุณ" ด้วยความมุ่งมั่นในการทำงานใกล้ชิดประชาชนและปัญหา โดยใช้หลัก 3H คือ Heart Head Hand ด้วยการทำด้วยใจ คิดด้วยสมอง แล้วยื่นมือมาช่วยเหลือกัน ตามมาตรการ "เร่งสร้างคุณภาพชีวิตคนพิการ" เพื่อส่งเสริมให้คนพิการเข้าถึงสิทธิสวัสดิการ และใช้ประโยชน์ได้จากสิ่งอำนวยความสะดวก ด้วย 4 Quick Win ได้แก่ 1) เร่งทบทวนหลักเกณฑ์ประเมินความพิการให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย 2) ปรับเพิ่มสวัสดิการเบี้ยความพิการ 1,000 บาท ถ้วนหน้า 3) ปูพรมลงพื้นที่สำรวจข้อมูล เพื่อส่งมอบกายอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับประเภทความพิการ และ 4) พัฒนาแนวทางการกู้ยืมเงินกองทุนอย่างยั่งยืน ซึ่งทั้งหมดจะทำให้คนพิการเข้าถึงสิทธิสวัสดิการได้ง่ายขึ้น ลดภาระหนี้สิน และมีโอกาสสร้างรายได้ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการให้ดีขึ้นในระยะยาว สอดคล้องกับนโยบายสำคัญของรัฐบาลในการสร้างรายได้ ลดรายจ่ายให้กับพี่น้องประชาชนในการใช้ชีวิตประจำวัน
มหกรรมสร้างงาน สร้างอาชีพคนพิการ
เปิดเวทีคนพิการโชว์ศักยภาพ
นายกันตพงศ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับงาน "Job and Market Fair : มหกรรมสร้างงาน สร้างอาชีพคนพิการ" นั้น เป็นหนึ่งในภารกิจของการขับเคลื่อนนโยบายไปสู่การปฏิบัติ โดยมีเป้าหมายสำคัญในการพัฒนาทักษะอาชีพ เชื่อมโยงตลาดแรงงาน และเปิดเวทีให้คนพิการได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ โดยได้รับความร่วมมืออย่างยิ่งจากภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ซึ่งภายในงานนี้ มีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ พิธีเปิดงานฯ ในวันที่ 20 ตุลาคม 2568 โดย นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานเปิดงาน การลงนามบันทึกความร่วมมือ “ด้านการเสริมสร้างโอกาสการจ้างงานและการประกอบอาชีพ การมอบรางวัลหน่วยงานที่ให้การสนับสนุนการดำเนินงานด้านคนพิการของกรม พก. และรางวัล "We Can Do" เชิดชูคนพิการต้นแบบที่เป็นแรงบันดาลใจให้แก่สังคม
ตลาดอาชีพและสินค้าคนพิการกว่า 300 ร้านค้า เวทีเสวนาและเวิร์กชอปสร้างแรงบันดาลใจในการประกอบอาชีพ การสาธิตอาชีพเชิงสร้างสรรค์ ตอบโจทย์เศรษฐกิจยุคใหม่ การแสดงดนตรีจากศิลปินชื่อดัง อาทิ เก่ง ธชย, นัน อนันต์ ไมค์ทองคำ และไรอัล กาจบัณฑิต และการแสดงความสามารถของคนพิการ วงดนตรีคนพิการ S2S ถ่ายทอดบทเพลงแห่งแรงบันดาลใจ ภายใต้แนวคิด "ความพิการไม่ใช่อุปสรรคของความสามารถ"
นายกันตพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวง พม. มุ่งหวังให้งานครั้งนี้ ไม่เพียงเปิดโอกาสให้คนพิการมีงานทำ แต่ยังเป็นเวทีที่แสดงให้สังคมได้เห็นคุณค่าของคนพิการที่มีศักยภาพและความสามารถไม่ต่างจากคนทั่วไป เพียงแค่ต้องการโอกาสที่เหมาะสม โดยกระทรวง พม. พร้อมเป็นสะพานเชื่อมให้โอกาสนั้นเกิดขึ้นจริง
อย่างไรก็ตาม ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมให้กำลังใจ ให้โอกาสแก่คนพิการ ได้ก้าวข้ามข้อจำกัดความพิการ และก้าวสู่ชีวิตใหม่อย่างมั่นคง สู่สังคมที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ในงาน Job and Market Fair : มหกรรมสร้างงาน สร้างอาชีพคนพิการ” ระหว่างวันที่ 20 - 21 ตุลาคม 2568 ณ อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคาร B) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ กรุงเทพฯ