xs
xsm
sm
md
lg

“ระบบขนส่งกุ้งก้ามกรามแบบไม่ใช้น้ำ” เมค ออน ฟาร์ม กุ้งรอดกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ลดต้นทุนเกษตรกรมีรายได้เพิ่ม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ถ้านึกถึงฟาร์มเลี้ยงกุ้งก้ามกราม ในประเทศไทย ก็ต้องนึกถึงพื้นที่เลี้ยงกุ้ง ลุ่มน้ำบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา อีกหนึ่งจังหวัดที่มีการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม และกุ้งขาว เป็นจำนวนมาก ซึ่งกุ้งก้ามกรามเป็นกุ้งที่นิยมกินสดๆ ไม่นิยมกินกุ้งที่ตาย โดยเฉพาะเมนูกุ้งเผา ด้วยเหตุนี้ ขั้นตอนการขนส่งจากบ่อเลี้ยงเกษตรกร มาถึง พ่อค้า แม่ค้า ร้านอาหาร เรื่องสำคัญ ปัญหาที่ผ่านมา ใช้การขนส่งโดยใช้น้ำ และออกซิเจน แต่พบว่า มีกุ้งตายถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลต่อต้นทุนเกษตรกร แต่หลังจาก ที่หน่วยงานด้านวิจัยได้พัฒนาระบบการขนส่ง แบบไม่ใช้น้ำ ช่วยให้กุ้งรอดกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าเป็นนวัตกรรมตอบโจทย์ผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกรามได้เป็นอย่างดี


สาววัย 25 ปี เจ้าของฟาร์มที่ส่งกุ้งขาย 2,000 ตันต่อปี

บุญณิสา ตันตะราวงศา กรรมการผู้จัดการ (CEOสาวในวัย 25 ปี ) บริษัท เมค ออน ฟาร์ม จำกัด เล่าว่า ปัจจุบัน ตนเองอายุ 25 ปี เป็นเจ้าของฟาร์มเลี้ยงกุ้ง และตัวแทนจำหน่ายกุ้งก้ามกราม และกุ้งขาว อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยมีบ่อเลี้ยงกุ้งบนพื้นที่เกือบ 100 ไร่ และ บริษัทฯ ยังได้ให้การสนับสนุนการจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชน “เกษตรกรเลี้ยงกุ้งยังยื่นลุ่มน้ำบางปะกง” ด้วยพื้นที่ จังหวัดฉะเชิงเทรา มีพื้นที่ฟาร์มเลี้ยงกุ้งจำนวนมาก เป็นอาชีพหลักของหลายๆ ครอบครัว รวมถึงครอบครัวของตนเองด้วย ซึ่งครอบครัวของเราเลี้ยงกุ้งเป็นอาชีพหลักมาตั้งแต่รุ่นคุณพ่อ ตนเองก็เป็นทายาทที่เข้ามาช่วยดูแลกิจการต่อ


รวมกลุ่มตั้งวิสาหกิจชุมชน เพิ่มมูลค่ากุ้งได้มาตรฐานกรมประมง

สำหรับการจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชน เกษตรกรเลี้ยงกุ้งยังยื่นลุ่มน้ำบางปะกง มาจากความต้องการของเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งในพื้นที่ มารวมตัวกัน หวังจะยกระดับสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับกุ้งก้ามกราม โดยนำแนวคิดเกษตรสมัยใหม่มาใช้ นั่นคือ ผลิตน้อย แต่สร้างรายได้มาก (Less for more) โดยมุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าให้มีมูลค่าสูง เป็นสินค้าพรีเมี่ยม ส่งเสริมระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนใช้ทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อความมั่นคงและยั่งยืนตามแนวทาง BCG Model สอดคล้องกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก (SDGs)

ทั้งนี้ ปัจจุบัน ผลผลิตการเลี้ยงกุ้งจากฟาร์มของเราและเครือข่ายผู้เลี้ยงกุ้งในพื้นที่มีกว่า 1,000 ไร่ โดยในแต่ละปี ทางบริษัทจะมีผลผลิตกุ้งก้ามกรามออกสู่ตลาดส่งขายให้กับ พ่อค้า แม่ค้า โรงแรม ร้านอาหาร โรงงานอุตสาหกรรม ห้างสรรพสินค้า และลูกค้าทั่วไป ประมาณ 1,500-2,000 ตัน โดยเป็นผลผลิตจากฟาร์มของเราปีละ 60 ตัน ที่เหลือเครือข่ายเกษตรกรจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชน

โดยกุ้งก้ามกราม จากฟาร์มเพาะเลี้ยงของบริษัทฯ และจากฟาร์มกลุ่มเกษตรกร เครือข่ายวิสาหกิจชุมชน ผ่านการเลี้ยงในระบบผสมผสาน กุ้งขาวปนก้ามกราม ได้รับการรับรองมาตรฐานกรมประมง และได้รับตราสัญลักษณ์ กุ้งก้ามกรามไทย ( Thai Giant Prawn) สัญลักษณ์แห่งคุณภาพมาตรฐานสากล


ทำระบบส่งกุ้งก้ามกรามแบบไม่ใช้น้ำ แก้ปัญหาส่งตายระหว่างขนส่ง

บุญญิสา พูดถึงการทำงานร่วมกับกรมประมง และการพัฒนาเพื่อยกระดับการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม ว่า ที่ผ่านมา บริษัท ฯ ยังได้ทำการวิจัย ร่วมกับ หน่วยงานด้านวิจัย และสถาบันการศึกษา เพื่อหาทางออกแก้ปัญหาการขนส่งกุ้งก้ามกราม เพื่อลดการตายของกุ้งในระหว่างการขนส่ง และแก้ปัญหาการขนส่งที่ต้องขนบรรทุกถังน้ำและออกซิเจน ที่มีน้ำหนักมาก ด้วยระบบการน็อกกุ้ง ในระหว่างการขนส่ง

เนื่องจากกุ้งก้ามกราม เป็นกุ้งที่นิยมกินสด คือ ไม่กินกุ้งตาย ดังนั้นการขนส่งกุ้ง จะใช้ถังน้ำขนาดใหญ่ใส่ในรถ และเติมออกซิเจน ขับไปส่งตามจุดต่างๆ ปัญหาคือ กุ้งด้านล่างถัง ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ตายในระหว่างขนส่ง ซึ่งกลายมาเป็นต้นทุนที่ บริษัทฯ ต้องเสียไปต้องนี้เยอะมาก ได้ขอคำปรึกษา หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงได้เป็นที่มาของกรรมวิธีการน็อกกุ้ง ระหว่างขนส่ง


ขั้นตอนการขนส่งแบบไม่ใช้น้ำเป็นอย่างไร
อัตรารอดสูงถึง 90 เปอร์เซ็นต์


สำหรับกระบวนการน็อกกุ้ง พบว่าอัตราการรอดกุ้งระหว่างขนส่ง ไม่ตายถึง 90 เปอร์เซ็นต์ และใช้พื้นที่ในการขนส่งน้อย เพราะจัดใส่ในกล่องโฟม กล่องละ 12 ตัว แต่เพิ่มตรงต้นทุนในกระบวนการน็อกกุ้ง ที่มีขั้นตอน ที่ยังค่อนข้างยุ่งยาก และใช้ต้นทุนค่าแรง และอุปกรณ์ที่เพิ่มขึ้นมา แต่เมื่อนำมาหัก กับต้นทุนการรอดของกุ้งไม่ตายก็ถือว่าคุ้ม เปรียบ คือ กุ้ง 100 กิโลกรัม ถ้าขนส่งแบบใส่ในถังน้ำออกซิเจน ท้ายรถกระบะ อัตรารอด 70 กิโลกรัม ที่เหลือตีราคาเป็นกุ้งตายราคาถูกมาก แต่พอทำแบบน็อกกุ้ง อัตราการรอด 90 กิโลกรัม ช่วยสะดวกต่อการขนส่งด้วย

ในส่วนขั้นตอนการขนส่งกุ้งก้ามกรามแบบไม่ใช้น้ำ เริ่มจาก การเตรียมน้ำเย็น และน้ำร้อนสำหรับใช้ทำกุ้งก้ามกรามแบบใช้ความเย็น ขั้นตอนที่ สอง การเตรียมกุ้ง ซึ่งกุ้งต้องอยู้ในสภาพที่แข็งแรง และใช้วิธีการจับด้วยอวนดีที่สุด ขั้นตอนที่ สาม การทำกุ้งสลบด้วยเครื่องปรับลดอุณหภูมิ ขั้นตอนที่ สี่ การบรรจุกุ้งก้ามกรามลงกล่องโฟม ไม่จำเป็นต้องเรียงกุ้ง ต้องมีฟองน้ำ และผ้าขาวบางชื้น เติมออกซิเจนให้กุ้งในกล่อง ไล่อากาศในกล่อง เติมออกซิเจนลงถุงบรรจุให้พอเหมาะ มัดปากถุงให้แน่น ป้องกันการรั่วระหว่างขนส่ง ขั้นตอนที่ ห้า การขนส่งกุ้งก้ามกราม โดยใช้รถห้องเย็น รักษาอุณหภูมิ ที่ 16.5-17.5 องศาเซลเซียส ใช้เวลาขนส่งไม่เกิน 14 ชั่วโมง ขั้นตอนสุดท้าย เมื่อถึงที่แล้ว การปล่อยกุ้งลงบ่อ จะต้องใช้น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ หรือ น้ำปราศจากคลอรีน ห้ามใช้น้ำปะปา ในบ่อนั้นจะต้องมีออกซิเจนอย่างทั่วถึง


ที่ผ่านมาได้มีการส่งกุ้งด้วยระบบน็อกกุ้งแบบไม่ใช้น้ำ ไปยังไปในหลายพื้นที่ ไกลสุด ส่งไปทางภาคเหนือ กุ้งก็รอดกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ แทบจะไม่มีตายเลย ตอนนี้ ใครที่ต้องการอยากจะได้กุ้งก้ามกรามสด ไปทำอาหารกินที่บ้าน เราก็จัดส่งให้ แบบน็อกกุ้ง คิดค่าจัดการ 100 บาท ต่อกิโลกรัม ที่ขายอยู่บนออนไลน์ ตอนนี้ จะเป็นแบบกล่องโฟมละ 12 ตัว 1 กิโลกรัม ขายในราคา 490 บาท มีลูกค้าให้ความสนใจ สั่งซื้อไปเป็นจำนวนมาก

เจ้าของ เมค ออน ฟาร์ม เล่าว่า ปัจจุบัน เมค ออน ฟาร์ม เราไม่ได้แค่ทำฟาร์มเลี้ยงกุ้ง และส่งกุ้งก้ามกรามสด เท่านั้น แต่บริษัท ยังประกอบกิจการรับจ้าง คัด บรรจุ กุ้งแช่แข็ง ทั้ง กุ้งก้ามกราม และกุ้งขาว เพื่อให้กับโรงงานอุตสาหกรรม ห้างสรรพสินค้า โรงแรม และร้านอาหารด้วย


การเข้ามาดูกิจการ รายได้หลักร้อยล้านในวัย 25 ปี

บุญญิสา เล่าว่า ตนเอง เข้ามาดูกิจการ ต่อจากครอบครัว ได้ไม่กี่ปี หลังจากเรียนจบ การมาดูกิจการต่อจากครอบครัวในครั้งนี้ ไม่ได้เกินความสามารถ เพราะที่ผ่านมา ได้ช่วยเหลือ ครอบครัวในการทำงานตรงนี้ มาตลอด อยู่แล้ว ทุกวันนี้ ทุกคนก็ยังช่วยกัน และคอยให้คำปรึกษา ส่วนลูกค้าของเรามีเพิ่มขึ้นทุกปี การบริหารจัดการจึงเป็นเรื่องสำคัญ ต้องทำอย่างใรให้ลูกค้าพึ่งพอใจมากที่สุด และทำให้ลูกค้าได้สินค้าที่ได้มาตรฐานสากล รองรับการขยายการส่งออกไปต่างประเทศในอนาคตด้วย

ติดต่อ โทร06-4246-6198
Facebook : แพกุ้งเอก-อร ฉะเชิงเทรา ,แปดริ้ว – m Ake On Farm


คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด


กำลังโหลดความคิดเห็น