กระเป๋าจักสานกระจูด งานหัตถกรรมที่สร้างรายได้ให้กับชุมชนผู้ผลิตสินค้าโอทอปมานาน ซึ่งระยะเวลาผ่านไปแค่ไหน ถ้ามองกลับไป ตลาดนี้ก็ยังเป็นตลาดที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง การเติบโตของกระจูดมาจากหลายองค์ประกอบ ส่วนหนึ่งมาจากการส่งเสริมหน่วยงานภาครัฐ ในการผลักดัน งานจักสานกระจูดในตลาดต่างประเทศ ด้วย บวกกับเส้นทางหัตถกรรมที่ “พระพันปีหลวง พระราชินีในรัชกาล 9” ทรงปูทางเอาไว้อย่างแข็งแกร่ง 40-50 ปี ไปประเทศไหนก็ได้รับการยอมรับ
ถ่ายทอดประสบการณ์ขายสินค้าหัตถกรรมไทยในจีน
วันนี้ “นุสรา เถื่อนถาด” เจ้าของผลิตภัณฑ์กระจูดภายใต้แบรนด์ Naleela ที่ได้มีโอกาสนำกระเป๋ากระจูดไปทำตลาดในประเทศต่างๆ รวมถึง การไปเปิดตลาดที่ประเทศจีน มาถ่ายประสบการณ์ การทำตลาดจักสานกระเป๋ากระจูด ในประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศจีน
นุสรา เถื่อนถาด กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีส อินเทอร์เรส จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์กระเป๋าจักสาน ภายใต้แบรนด์ Naleela ขายประเทศจีน และ Bangkok Crafter ขายในประเทศไทย เล่าว่า ตนเองลาออกจากงานประจำ มาทำธุรกิจส่วนตัว เพราะต้องการจะเป็นนายตัวเอง โดยเริ่มเปิดบริษัทฯ ขายสินค้างานคราฟท์ เจาะตลาดต่างประเทศ เป็นหลักมาตั้งแต่ปี 2562 และได้มีโอกาสนำสินค้าไปทดลองขายในหลายประเทศ ซึ่งสุดท้ายเลือกประเทศจีน เพราะมีประชากรเยอะมาก โอกาสทางการขายมากกว่า
คนจีนชื่นชอบ ผลิตภัณฑ์วัสดุจากธรรมชาติ
ทั้งนี้ การขายงานจักสานจากวัสดุธรรมชาติ เป็นตลาดที่คนจีนส่วนหนึ่งชื่นชอบ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ หันมาใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม เลือกใช้สินค้าที่ผลิตมาจากธรรมชาติ แต่ประเทศจีนเองมีงานจักสาน จากวัสดุธรรมชาติ เช่นกัน ได้แก่ งานจักสานจากหวาย ไม้ไผ่ และหญ้าทะเล ซึ่งผลิตจำนวนมากทำให้ขายได้ในราคาที่ถูกกว่า ถ้าเราต้องการจะสู้กับตลาดนี้ ต้องผลิตสินค้าดีกว่า คือ ดีกว่าทั้งในด้านคุณภาพ และงานดีไซน์ที่แตกต่างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว จะสามารถแข่งขันได้ เพราะถ้าเทียบราคาของเราจะแพงกว่า แต่ดีไซน์ และคุณภาพของเราดีกว่า ลูกค้าก็ตัดสินใจเลือกเรา
นุสรา เล่าว่า ที่ผ่านมาเราได้ใส่ดีไซน์เข้าไปในกระเป๋าของเราทุกใบ ซึ่งจะเห็นว่าในตลาดประเทศไทยมีงานจักสานกระจูดออกมาขายจำนวนมาก แต่เราก็ยังสามารถแข่งได้ด้วยดีไซน์ และราคาที่สมเหตุสมผล เพราะเราไม่ได้ขายของถูก แต่เราขายราคาที่สมเหตุ สมผล เช่นเดียวกับการทำตลาดในจีน เราไม่ได้ขายราคาถูกกว่าสินค้าจีน แต่ทำไมคนจีนถึงชอบสินค้าของเรา เพราะเราขายราคาที่สมเหตุ สมผล
การตั้งราคาขายในประเทศจีน
อย่างไรก็ดี เนื่องจากตลาดจีน เป็นตลาดที่ชอบต่อรองราคา ดังนั้น การตั้งราคาขายต้องบวกเพิ่มเข้าไป 25-35 เปอร์เซ็นต์ กลยุทธ์นี้ ทำให้การตัดสินใจซื้อมีมากขึ้น จะเห็นว่าพอได้ต่อรองราคาและลดราคาให้สุดท้ายซื้ออย่างน้อย 1-2 ใบ เพราะจะรู้สึกว่าได้ซื้อสินค้าในราคาถูก สิ่งสำคัญ คือ อย่าไปลดคุณภาพ
ทั้งนี้ ถ้าพูดถึงงานหัตถกรรม ต้องบอกว่า โชคดีที่ “สมเด็จพระพันปีหลวง พระราชินีในรัชกาลที่ 9” ท่านทรงทำตรงนี้มา 40-50 ปี ท่านวางรากฐานด้วยการผลิตสินค้าคุณภาพดีดีออกไปขาย ด้วยเหตุนี้เอง คนจีน และคนชาติไหนๆ ยอมรับในงานหัตถกรรมของไทย พอบอกว่ามาจากประเทศไทยเขาก็มั่นใจว่าเราขายสินค้าคุณภาพดี ราคาก็เลยไม่ค่อยเป็นตัวแปร
เผยเคล็ดลับการขายสินค้าในจีน
ถ้าถามว่า ตอนนี้คนจีน ชอบกระจูดแบบไหน คนจีนลูกค้าของเรา จะเป็นคนรุ่นใหม่ อายุยังไม่เยอะมาก เขาไม่ชอบถือกระเป๋าใบใหญ่ เหมือนคนไทย ชอบถือกระเป๋าใบเล็ก ๆ เพราะมองว่า ตัวเองตัวเล็ก ก็เลยถือกระเป๋าใบเล็กๆ เราก็ต้องออกแบบให้เหมาะกับความต้องการของลูกค้าแต่ละแห่งที่เราไปขาย และใส่ลูกเล่นต่างๆ ที่เหมาะสมกับวัยของลูกค้า แค่นี้สามารถขายได้
สำหรับการเข้าไปทำตลาดในประเทศจีน มีขั้นตอนอยู่ สิ่งสำคัญ คือ ต้องทำให้ถูกกฎหมาย ถ้าทำถูกกฎหมาย เราสามารถที่จะเข้าไปไลฟ์สดผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ของเค้าได้ แต่ถ้าไปแบบไม่ถูกกฎหมาย โอกาสที่เราจะไปไลฟ์สดแพลตฟอร์มต่างๆ ของเค้าไม่ได้เลย จะเห็นว่าปัจจุบันแพลตฟอร์มต่างๆ ก็มีสินค้าพวกนี้ ขายอยู่เยอะมากในประเทศจีน
ทั้งนี้ โดยเฉพาะกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งถ้าต้องการจะนำสินค้างานประเภทจักสานจากวัสดุธรรมชาติ เข้าไปขายเราก็จะต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง โดยเฉพาะ การจัดการเรื่องเชื้อรา เป็นเหตุผลที่เราเลือกกระจูด ซึ่งจริงๆ แล้วที่ผ่านมาจะเห็นว่า คนจีนชื่นชอบงานจักสานจากผักตบชวา มาก แต่ติดปัญหาเรื่องผักตบชวาจัดการเรื่องเชื้อรายาก ก็เลยเปลี่ยนมาส่งออกกระจูด เป็นหลัก
คนจีนชอบมาเดินงานโอทอป เมืองไทย
นุสรา บอกว่า ที่ผ่านมา คนจีนชอบมาเดินงานแสดงสินค้าโอทอป ที่จัดเมืองทองธานี และสินค้าที่คนจีนชื่นชอบ คือ งานจักสานจากวัสดุธรรมชาติ อันดับหนึ่งที่เลือกคือ ผักตบชวา และ กระจูดอันดับสอง เพราะราคาไม่แพง ส่วนงานจักสานป่านศรนารายณ์ ชอบแต่ราคาสูงก็เลยขายยากหน่อย
ทั้งนี้ ส่วนตัวเองที่มาลงตัวที่ผลิตภัณฑ์จักสานกระจูด เพราะส่วนตัวเคยไปทำตลาดในจีนประมาณ 2-3 ปี เริ่มจากไปกับหน่วยงานภาครัฐ อย่างดีพร้อม และได้ไปเจอผู้เชี่ยวชาญจีน แต่เป็นคนไทย แนะนำให้เรานำกระเป๋าจักสานไปขายที่ประเทศจีน ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่เราได้ทำตลาดในจีน
นุสรา เล่าถึง การทำตลาดกระเป๋ากระจูดในจีน ว่า สำหรับการทำตลาดในจีนช่วงแรกที่เราเข้าไปทำตลาดไปได้ดีเลยทีเดียว เราได้ลูกค้าคนจีนอายุเฉลี่ยประมาณ 35 -45 ปี โดยเราไปวางขายอยู่ที่เมืองหน่านหมิง ซึ่งปีที่ผ่านมา มีรายได้หลักแสนบาท แต่ตอนนี้ ตลาดจีนก็ยังไม่ได้เข้าไปทำตลาด เพราะหันมาโฟกัสตลาดในประเทศไทยก่อน เพราะด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางสูง ตลาดในประเทศไทยเองมีศักยภาพ เราไม่ต้องลงทุนสูง และตอนนี้ขายประเทศเพื่อนบ้านใกล้ๆก่อน เช่น ลาว เป็นต้น ถ้าถามส่วนตัวยังอยากจะไปประเทศจีนอยู่ ถ้ามีโอกาสคงจะได้ไปขายที่ประเทศจีน เร็วๆ นี้ เพราะถ้ารอเค้ามาซื้อเมืองไทย กับการที่เราไปขายที่บ้านเค้า การขายที่บ้านของเค้าขายได้เยอะกว่า
ไม่ต้องกลัวโดนก็อป สินค้าถูกก็อปแสดงว่าตลาดยอมรับ
หลายคนถามว่า การเข้าไปขายที่ประเทศจีน สินค้าจะถูกก็อปไหม “เจ้าของแบรนด์กระเป๋ากระจูด Naleela” บอกว่า การที่สินค้าโดนก็อปปี้ แสดงว่าสินค้าคุณภาพดี และสินค้าเราต้องขายดีมากๆ เพราะไม่ว่าจะไปประเทศไหนถ้าจะโดนก็อป ก็โดนเหมือนกันหมดแหละไม่เฉพาะจีน แต่พอสุดท้ายตัวที่วัดจริงๆ คือ แผนการตลาด ถ้ามีแผนการตลาดที่ดีจริง ไม่ต้องกลัวว่าสินค้าถูกก็อปปี้
และที่สำคัญเราเป็นสินค้างานหัตถกรรม คนไทยมีฝีมืองานประณีตกว่า ซึ่งคนจีนชื่นชอบและยอมรับในคุณภาพ เค้าชื่นชอบอะไรที่เป็นเมดอินไทยแลนด์อยู่แล้ว แต่ไม่ขนาดที่เราจะตีตราเมดอินไทยแลนด์ และเค้าจะยอมรับเหมือนแบรนด์ดัง ๆ ก็ต้องเข้าใจตรงนี้ด้วย
“สุดท้าย ถามว่าโอกาสของสินค้าหัตถกรรมจากประเทศไทย ในการเข้าไปทำตลาดจีนมีโอกาสไหม ตอบว่ามีโอกาสอีกมาก เพราะเค้ายอมรับในคุณภาพของเรา จะเห็นได้จากงานกระจูด หรือ งานผักตบชวา จากประเทศไทย ถูกนำไปขายในแพลตฟอร์มที่ประเทศจีน เยอะมาก ซึ่งเป็นพระกรุณา ของ พระพันปีหลวง พระราชินีในรัชกาลที่ 9 ท่านวางรากฐานตรงนี้ไว้ดี ทำให้งานหัตถกรรมไทยไปขายที่ไหน ก็ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก” เจ้าของแบรนด์กระจูด Bangkok Crafter กล่าว
โทร. 09-2651-9195
คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด