xs
xsm
sm
md
lg

NIA เดินหน้าติดอาวุธ-เติมศักยภาพธุรกิจนวัตกรรมไทย ปั้นจุดแข็งก้าวสู่เวลาทีโกบอลผ่านองค์ความรู้ เงินทุนและเครือข่ายนานาชาติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ตอกย้ำบทบาท “ผู้กำหนดทิศทางนวัตกรรม” กับเป้าหมายการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ชาตินวัตกรรม “NIA...Leading Thailand to Innovation Nation” เผยผลสำเร็จการขับเคลื่อนธุรกิจนวัตกรรมไทยให้ก้าวสู่การแข่งขันระดับโลกด้วยนวัตกรรม ภายใต้แนวคิด “4G” Groom - Grant – Growth – Global พร้อมเดินหน้าสู่เป้าหมายใหม่เพื่อสร้างนวัตกรรมที่ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและสังคมด้วยระบบนิเวศนวัตกรรมที่เข้มแข็ง ทั้งมิติการสนับสนุนเงินทุน การพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการนวัตกรรม การเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานนวัตกรรม และการปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมโลกที่ผันผวนอย่างต่อเนื่อง เพื่อปักหมุดเสริมความแข็งแกร่งและสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการนวัตกรรมไทยสามารถเติบโตสู่การขยายผลการลงทุนทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ


ดร. กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ NIA กล่าวว่า จากจุดแข็งของธุรกิจนวัตกรรมไทยไม่ว่าจะเป็นความพร้อมของนโยบายและโครงสร้างพื้นฐานด้านนวัตกรรม ความสามารถในการผสานวัฒนธรรมและเทคโนโลยี เพื่อผลิตส่งออกสินค้าและบริการเชิงสร้างสรรค์ ผ่านความหลากหลายของทรัพยากรธรรมชาติ และการเติบโตของตลาดในภูมิภาคเอเชียที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนจากต่างชาติไม่น้อย ทำให้ทั้งสตาร์ตอัปและเอสเอ็มอีไทยมีโอกาสที่จะขยายการเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด ซึ่งสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ในฐานะผู้กำหนดทิศทางนวัตกรรม (Focal Conductor) พร้อมเชื่อมการทำงานร่วมกับพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบธุรกิจนวัตกรรมในทุกมิติผ่านแนวคิด ได้แก่ Groom การบ่มเพาะและพัฒนาศักยภาพด้านนวัตกรรม Grant การให้เงินทุน Growth การสร้างโอกาสขยายตลาดและแหล่งเงินทุน และ Global การเข้าสู่ตลาดระดับโลก


จากการดำเนินงานช่วง 1 ปีที่ผ่านมาในมิติ ‘Groom’ NIA ได้เร่งพัฒนาขีดความสามารถและศักยภาพทางนวัตกรรมผ่าน 16 หลักสูตรสร้างนวัตกรรมภายใต้ NIA Academy ซึ่งครอบคลุมทั้งกลุ่มเยาวชน ผู้ประกอบการ องค์กร และผู้นำรุ่นใหม่ กว่า 40,000 คน การพัฒนาและส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นผ่านกิจกรรมสตาร์ตอัปไทยแลนด์ลีคในระดับนิสิต/นักศึกษากว่า 250 ทีมจาก 50 มหาวิทยาลัยเครือข่ายทั่วประเทศ เพื่อพัฒนาศักยภาพและความสามารถด้านนวัตกรรมแก่เยาวชนในระดับอุดมศึกษา ให้มีทักษะและมุมมองในการเป็นผู้ประกอบการ พร้อมก้าวเข้าสู่โลกแห่งการเป็นสตาร์ตอัปที่ต้องออกสู่ตลาดจริง และสำหรับกลุ่มสตาร์ตอัป เอสเอ็มอี หรือวิสาหกิจเพื่อสังคมที่ต้องการพัฒนาและต่อยอดนวัตกรรมสู่เชิงพาณิชย์อย่างจริงจัง


นแกจากนี้ NIA พร้อมจะร่วมสนับสนุนเงินทุน ‘Grant’ โดยแบ่งเป็นทุนนวัตกรรมที่จำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ และทุนนวัตกรรมรายพื้นที่ ผ่าน 9 กลไกหลักที่ครอบคลุมและตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ 1. นวัตกรรมแบบเปิด 2. โครงการนวัตกรรมแบบมุ่งเป้า 3. การพัฒนามาตรฐานสำหรับธุรกิจนวัตกรรม 4. ดอกเบี้ยบางส่วนเพื่อเสริมสภาพคล่อง 5. การขยายผลนวัตกรรมในระดับภูมิภาคสู่ตลาด 6. ที่ปรึกษาพัฒนานวัตกรรม 7. การขยายธุรกิจนวัตกรรม 8. นวัตกรรมดี...ไม่มีดอกเบี้ย และ 9. การสนับสนุนผู้ประกอบธุรกิจเทคโนโลยีและนวัตกรรมได้มีโอกาสเติบโตและขยายตลาดโดยการร่วมมือจากแหล่งทุนภาครัฐและเอกชน/การร่วมลงทุน โดยในปีนี้ NIA สนับสนุนธุรกิจนวัตกรรมไปแล้ว 254 โครงการ มูลค่าการสนับสนุนกว่า 397 ล้านบาท (ข้อมูล ณ เดือนสิงหาคม)


NIA ให้ความสำคัญกับการสร้างโอกาสขยายตลาดและแหล่งเงินทุน ‘Growth’ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีศักยภาพของไทย จึงได้จัดทำโปรแกรมเร่งสร้างการเติบโตของธุรกิจนวัตกรรมใน 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ การเกษตร อาหาร การแพทย์และสุชภาพ พลังงานและสิ่งแวดล้อม และท่องเที่ยว/ซอฟต์พาวเวอร์/สังคม โดยในปี 2569 NIA ตั้งเป้าเร่งสร้างการเติบโตให้กับสตาร์ตอัป 100 กิจการ ซึ่งคาดว่าจะเกิดรายได้จากธุรกิจนวัตกรรม 1,000 ล้านบาท และเกิดการลงทุนเพิ่มกว่า 2,000 ล้านบาท รวมถึงการส่งเสริมและเผยแพร่ตัวอย่างความสำเร็จทางนวัตกรรมผ่าน ‘โครงการนิลมังกร’ ซึ่งเข้าสู่ปีที่ 3 โดยรุ่นที่ 1 และ 2 สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการแบรนด์นวัตกรรมไทยกว่า 40 ราย เฉลี่ย 3.4 เท่า หรือคิดเป็นมูลค่าเศรษฐกิจกว่า 530 ล้านบาท


ทั้งนี้ NIA ยังเป็นศูนย์กลางสตาร์ตอัประดับโลกที่มีบริการครอบคลุมทั้งสตาร์ตอัปไทยที่ต้องการไปเติบโตยังต่างประเทศ ‘Global’ หรือสตาร์ตอัปต่างประเทศที่จะเข้ามาสร้างธุรกิจนวัตกรรมในประเทศไทย ตั้งแต่การให้คำปรึกษา ตลาด การลงทุน เครือข่าย สมาร์ทวีซ่า มาตรการภาษีสำหรับสตาร์ตอัป รวมถึงการนำสตาร์ตอัปไทยที่มีศักยภาพออกสู่ตลาดโลกผ่านการเชื่อมตลาดระหว่างประเทศ การสร้างความร่วมมือกับพันธมิตร และกิจกรรมจับคู่ธุรกิจในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา สวีเดน ฟินแลนด์ กาตาร์ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง ฯลฯ เพื่อสร้างโอกาสการขยายธุรกิจ และโอกาสการระดมทุน นอกจากนี้ ยังมีโครงการยกระดับวิสาหกิจฐานนวัตกรรมให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด และต่อยอดการลงทุนสู่ตลาดสากลผ่าน 3 โปรแกรม ได้แก่ Corporate Spark เน้นการจับคู่ธุรกิจกับสตาร์ตอัปนานาชาติที่มีเทคโนโลยีหรือบริการโดดเด่น Global Market Link สร้างโอกาสเชื่อมโยงและขยายตลาดไปยังต่างประเทศ และ Global Investment Link ยกระดับศักยภาพเพื่อโอกาสรับการลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศ “จากแนวโน้มและโอกาสทางนวัตกรรมสำหรับทั้งสตาร์ตอัปและเอสเอ็มอีไทย NIA มองว่าในปี 2569 นั้น


เทรนด์ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญในปัจจุบันแบ่งได้เป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ 1. เทรนด์ด้านเทคโนโลยี ได้แก่ AI, IoT, Automation 2. เทรนด์ด้านสิ่งแวดล้อม ได้แก่ พลังงานทางเลือก การประหยัดพลังงาน และลดการปลดปล่อยคาร์บอน 3. เทรนด์ด้านภูมิรัฐศาสตร์ ทั้งการจัดสรรทรัพยากร สถานการณ์ความขัดแย้งที่ส่งผลต่อห่วงโซ่การผลิตข้ามชาติ ภาษีการค้าระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา ที่ภาคอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการไทยต้องมีการปรับตัว และ 4. เทรนด์ด้านโครงสร้างประชากรที่สัดส่วนแรงงานวัยทำงานลดลง ส่งผลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจและขีดความสามารถในการผลิตของประเทศ สวัสดิภาพด้านสุขภาพ สินค้าและบริการ ซึ่งถือเป็นความท้าทายของเอสเอ็มอีและสตาร์ตอัปไทยที่ต้องรับมือความเปลี่ยนแปลง ตลอดจนเป็นทั้งโอกาสในการปรับตัวและเข้าถึงโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจากความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้


อย่างไรก็ตาม NIA ได้กำหนดโครงการเรือธง (Flagship Project) ที่สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวง อว. ไว้ 3 ประเด็น ได้แก่ 1. การพัฒนาศูนย์กลางทางการแพทย์ 2. การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมของสตาร์ตอัปด้านเกษตร และ 3. การเร่งสร้างธุรกิจนวัตกรรมที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึก รวมถึงการพัฒนาระบบบริหารจัดการข้อมูลและรายงานผลการส่งเสริมธุรกิจนวัตกรรมประเทศไทย หรือ NIA Innovation Journey & Dashboard 2026 เพื่อเป็นฐานข้อมูลผู้ประกอบการฐานนวัตกรรม สินค้าหรือบริการที่ได้รับการสนับสนุนจาก NIA รวมถึงข้อมูลการเติบโตของผู้ประกอบการนวัตกรรม ซึ่งสามารถนำชุดข้อมูลมาวิเคราะห์สถานการณ์ด้านนวัตกรรม สำหรับนำไปกำหนดทิศทางและกลไกการสนับสนุนและส่งเสริมนวัตกรรมของประเทศไทยต่อไป ในอนาคต โดย NIA ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่สร้างผลกระทบเชิงบวกทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม (Impactful Innovation) ให้กับประเทศ เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็น ‘ชาตินวัตกรรม’ ที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ” ดร. กริชผกา กล่าวสรุป




* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *


กำลังโหลดความคิดเห็น